ข้าคือลูกศิษย์ขงจื้อ


คำสอนดีๆจากขงจื้อ นำทางสู่การเป็นคนที่แท้จริง

สวัสดีคะ

           วันนี้มีเรื่องน่าอ่าน และน่าสนใจมาแบ่งปัน หลังจากที่โอโอมะซังได้ดูภาพยนตร์เรื่อง ขงจื้อ ผลงานทุนสร้าง 700 ล้านบาท ฝีมือจากผู้กำกับภาพรางวัลออสการ์ ปีเตอร์ เปา ( และผู้ออกแบบงานสร้าง หยีจงหมั่น แห่ง The Curse of Golden Flower ที่ได้นักแสดงเจ้าบทบาท โจวเหวินฟะ มารับบท ขงจื้อ ซึ่งนอกจากทุนสร้างที่มหาศาลของ Confucius แล้ว นี่ยังเป็นหนังที่คาดหมายว่าจะเปิดฉายในวันชาติ และเป็นตัวแทนเข้าประกวดออสการ์ของจีนในปีหน้าอีกด้วย
             แต่ที่บอกประทับใจคือ เนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้เป็นเชิงชีวประวัติของขงจื้อ เรื่องราวในสมัยขงจื้อ การแต่งกาย สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อของชนชาวจีน และอีกหลายๆอย่างที่น่าสนใจ

           หนังเรื่องนี้ ให้คำคมชวนคิดและชวนปฏิบัติตาม ใช้วาทะเป็นอาวุธ ในการเจรจาแก้ปัญหาต่างๆ ขณะที่โอโอมะซังนั่งดูหนังเรื่องนี้ รู้สึกมีกำลังใจ รู้สึกว่าคำคมแต่ละประโยคเค้าคิดกันมาได้อย่างไร ได้ทั้งอารมณ์ความรู้สึก ทำให้คิดได้ และต้องการปฏิบัติตามนั้นจริง วันนี้โอโอมะซัง เลยมีคำคม คำพูดชวนคิดดีๆ ของอาจารย์ ขงจื้อ มาให้ลองอ่าน และลองไปคิดปฏิบัติกันดูนะคะ เผื่อการอ่านเรื่องของโอโอมะซังครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ที่จิตใจโอนอ่อน อ่อนแอ ท้อแท้ สิ้นหวัง เหนื่อยจากการทำงาน เหนื่อยจากสังคมและสภาพแวดล้อม ถ้าได้อ่านอะไรที่ให้กำลังใจ โอโอมะซังเชื่อว่า คงจะนำพาสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้ทางตรงหรือไม่ก็ทางอ้อม ไม่มากก็เพียงเล็กน้อยก็ยังดีนะคะ

        ขงจื๊อ กล่าวไว้ว่า

  •  อ่อนแอยังอยู่ได้ อ่อนโยนยังอยู่คง

 

  • ถ้าเราเปลี่ยนจากสิ่งรอบข้างไม่ได้ เราก็ควรเปลี่ยนภายในจิตใจเราก่อน

 

  • ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน

 

  • เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิตจะไม่คิดได้อย่างไร

 

  • ขุนเขาต้องพังทลาย ขื่อคานแข็งแรงปานใด  สุดท้ายต้องพังลงมา เหมือนเช่นบัณฑิตสุดท้ายต้องร่วงโรย

 

  •    การเรียนรู้โดยปราศจากการคิด คือ แรงงานที่สูญเปล่า
         การคิดโดยปราศจากการเรียนรู้ คือ อันตราย

 

  • สิ่งที่ท่านไม่อยากให้คนอื่นทำกับท่าน
    ท่านไม่ควรทำกับคนอื่น

 

  • การศึกษา ค้นคว้า ถ้าเอนเอียงไปสุดสายไม่ว่าข้างใดข้างหนึ่ง
    ก็มีแต่ผลเสียเท่านั้น

 

  • เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต

 

  • อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล
    อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย
  • ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด    ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

 

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว
    แต่ คนคดใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • เมื่อยากจนก็ยังชื่นชมในคุณธรรม เมื่อมั่งมี ก็ยังชื่นชมในมารยาทจริยธรรม

  • ไม่ต้องเป็นหว่งคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรา แต่ต้องเป็นหว่างว่าเรา ไม่เข้าใจคนอื่น

  • การที่ยอมรับว่าไม่รู้นั้น ก็คือความที่รู้แล้ว

  • บัณฑิตคิดถึงว่า ทำอย่างไรจะเพิ่มพูนคุณธรรมของตนได้ คนพาลคิดถึงว่า ทำอย่างไรจึงจะเห็นความเป็นอยู่ของตนสะดวกสบายขึ้น โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม

  • บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่อง ที่ชอบด้วยคุณธรรม คนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม

  • ความผิดอันเนื่องมาจากการประหยัดนั้น มีน้อยเหลือเกิน

  • ผู้ที่คุณธรรมย่อมไม่ถูกทอดทิ้งโดยโดดเดี่ยว และจะต้องมีเพื่อนบ้านมาคบหา

  • บัณฑิตมีความอ่อนน้อมถ่อมตน รับใช้ราษฎรด้วยสติปัญญา มีความเอื้ออาทร ใช้ราษฎรโดยชอบด้วยเหตุผล

  • ไม่คิดถึงความชั่วของคนอื่นในอดีตกาล จึงมีคนโกรธท่านน้อย

  • จงเป็นนักศึกษาในแบบบัณฑิต อย่าเป็นนักศึกษาในแบบคนพาล

  • ตั้งใจมุ่งมั่นอยู่กับคุณธรรม ยึดมั่นในคุณธรรมไม่ละทิ้งความเมตตาธรรม ท่องเที่ยวไปในศิลปะวิชาการ

  • สุรุ่ยสุร่ายเกินไปก็จะอวดหยิ่ง ประหยัดเกินไปก็จะเป็นคนคับแคบ แต่เป็นคนอวดหยิ่งสู้เป็นคนคับแคบดีกว่า

  • บัณฑิตย่อมมีจิตใจกว้างขวางราบรื่น คนพาลย่อมมีความกลัดกลุ้มอึดอัดตลอดเวลา

  • อ่อนน้อมแต่ไม่มีจริยธรรม จะกลายเป็นเรื่องเหนื่อยเปล่า ระมัดระวังแต่ไม่มีจริยธรรม จะเป็นความขลาดกลัว

  • กล้าหาญแต่ไม่มีจริยธรรม จะกลายเป็นก่อการร้าย ซื่อตรงแต่ไม่มีจริยธรรม จะเป็นภัยแก่คนอื่น

  • ยังปรนนิบัตติคนที่มีชีวิตไม่เป็น จะปรนนิบัติเซ่นไหว้เทพเจ้ากับผีได้อย่างไรเล่า

  • บัณฑิตมีความสามัคคีต่อกัน แต่ความคิดกับการกระทำไม่เหมือนกัน คนพาลมีความคิดกับการกระทำเหมือนกัน แต่ไม่มีความสามัคคี

  • ปรนนิบัติบัณฑิตเป็นเรื่องง่าย แต่ทำให้บัณฑิตรักเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะว่าถ้าไม่ชอบด้วยลักษณะธรรมบัณฑิตก็ไม่รัก

  • ต่างตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน อยู่กันด้วยความสามัคคี เรียกว่าเป็นนักศึกษาได้

  • ในระหว่างเป็นเพื่อนกันต้อง ตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน ในระหว่างพี่น้องต้องสามัคคีกัน

  • เมื่อรักเขาจะไม่ให้กำลังใจเขาได้หรือ เมื่อซื่อสัตย์ต่อเขาจะไม่ตักเตือนสั่งสอนเขาได้หรือ

  • บัณฑิตย่อมมีความอับอายที่พูดไปแล้วนั้น เกินกว่าที่ทำไป

  • ปราชญ์ย่อมหลีกเลี่ยงสังคมที่เลวร้าย สถานที่เลวร้าย มารยาทที่เลวร้าย และวาจาที่เลวร้าย

  • ผู้ที่ไม่มีการไตร่ตรองให้ยาว ในอนาคตไกลจะต้องมีภัยที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

  • ตำหนิตนเองให้มาก ตำหนิผู้อื่นให้น้อย ก็จะไม่มีใครโกรธแค้น

  • รวมอยู่กันเป็นหมู่ ตลอดวันไม่เคยพูดถึงธรรมที่ชอบ ทำตนเป็นคนฉลาดในเรื่องเล็กๆน้อย ต่อไปเห็นจะลำบาก

  • บัณฑิตขอร้องกับตนเอง ส่วนคนพาลนั้นจะขอร้องกับคนผู้อื่น

  • บัณฑิตทีความภาคภูมิใจในตนเอง โดยไม่แย่งชิงความภาคภูมิใจของคนอื่น บัณฑิตมีความสามัคคี แต่ไม่เล่นพวกกัน

  • พูดไพเระาตลบแตลงทำให้สูญเสียคุณธรรม เรื่องเล็กไม่อดกลั้นไว้จะทำให้แผนเรื่องใหญ่เสีย

  • ทุกคนเกลียดก็ต้องพิจารณา ทุกคนรักก็ต้องพิจารณา

  • เพื่อนที่ซื่อตรง เพื่อนที่มีความชอบธรรม เพื่อนที่มีความรู้ ทั้ง 3 ประเภทนี้มีประโยชน์แก่เรา

  • เพื่อนที่ประจบสอพลอ เพื่อนที่ทำอ่อนน้อมเอาใจ เพื่อนที่ชอบเถียงโดยไม่มีความรู้ ทั้ง 3 ประการนี้เป็ยภัยแก่เรา

  • บัณฑิตมีความกลัวอยู่ 3 ประการ กลัวประกาศิตของสวรรค์ กลัวผู้มีอำนาจ กลัวคำพูดของอริยบุคคล

  • นิสัยคนมีความเหมือนกัน แต่การศึกษาทำให้แตกต่างกัน

  • เฉพาะคนที่มีปัญญาสูง กับคนที่โง่มากเท่านั้น ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเขาได้

  • รักความเมตตาแต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ถูกหลอกลวงง่าย รักความรู้แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ความรู้นั้นกระจัดกระจายไม่มีฐานที่ตั้ง

  • รักความซื่อสัตย์ แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่เป็นภัยแก่ตนโดยง่าย รักพูดตรงความจริง แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่การพูดจะเป็นการทำร้ายผู้อื่นได้โดยง่าย

  • รักความกล้าหาญ แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ก่อความไม่สงบได้ง่าย รักความเข้มแข็ง แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่เป็นคนมุทะลุได้ง่าย

  • อ่านหนังสือโดยไม่ค้นคิด การอ่านจะไม่ได้อะไร ค้นคิดโดยไม่ได้อ่านหนังสือ การค้นคิดจะเปล่าประโยชน์

  • ทบทวนเรื่องเก่าและรู้เรื่องใหม่ขึ้นมาอีก ก็จะเป็นครูได้

  • นักศึกษาสมัยก่อน ศึกษาเพื่อให้ตนมีความสำเร็จในการศึกษา นักศึกษาในปัจจุบัน ศึกษาเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าตนเองมีการศึกษา

  • ชอบเอาสองคนมาเทียบว่าใครดีกว่าใคร เธอเองเก่งพอแล้วหรือ สำหรับเราไม่มีเวลาว่างมาทำเช่นนั้น

  • แสร้งพูดไพเราะ แสดงความน่ารัก เพื่อให้ถูกใจคน คนประเภทนี้น้อยนักที่จะเป็นคนมีเมตตาธรรม

  • ผู้ที่มีเมตตาธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถรักคนด้วยความจริงใจ และจึงสามารถเกลียดคนด้วยความจริงใจ

  • ผู้มีปัญญาชื่นชมน้ำ เป็นผู้ขยัน ผู้มีความสุข ผู้มีเมตตา ชื่นชมภูเขา เป็นผู้รักสงบ เป็นผู้มีอายุยืน

  • ผู้ที่มีเมตตาธรรมเท่านั้น เวลาพูด เขาพูดอย่างเชื่องช้า ไม่พูดเชื่องช้าได้หรือ เพราะเมื่อพูดไปแล้ว ต้องทำตามที่พูดด้วยความลำบาก

  • ผู้ที่มีความเข้มแข็ง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ พูดช้าก็ใกล้กับความมีเมตตาธรรมแล้ว

  • ผู้มีคุณธรรมต้องมีคำพูดที่ดี แต่ผู้มีคำพูดที่ดี ไม่ต้องใช่เป็นคนที่มีคุณธรรมเสมอไป

  • ผู้มีเมตตาธรรมต้องเป็นผู้ที่กล้าหาญ แต่ผู้กล้าหาญ ไม่ใช่ต้องเป็นคนที่มีเมตตาธรรมเสมอไป

  • เลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีชีวิตอยู่ได้เท่านั้นนะหรือ ถ้าเช่นนั้น หมากับม้าก็ได้รับการเลี้ยงดูให้มีชีวิตอยู่เช่นกัน

  • บัณฑิตให้ความเมตตากรุณาแก่ผู้อื่น ใช้คนทำงานแต่คนไม่โกรธแค้น ความต้องการของเขาไม่เป็นความโลภ มีความสงบแต่ไม่มีความเย่อหยิ่ง มีความสง่าแต่ไม่มีความโหดเหี้ยม

  •  

    หมายเลขบันทึก: 341480เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2010 17:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 12:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (2)

    ชอบมากอ้อม คิดถึงแกด้วย เป็นบทความที่ดีจริง ๆ ไม่ได้เจอแกมานานมากแล้ว เป็นปีเลยมั้ง อยากเจอจัง

    เขืยนงานออกมาเยอะๆนะ

    พี่จะเป็นกำลังใจให้

    แล้วจะแวะมาอ่านบ่อย

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท