รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ กลิ่นอายเมืองเหนือ


ในความเงียบและสงบกลับกลายมาเป็นจุดเด่นที่ทำให้เมืองน่านมีเสน่ห์ที่ใครหากได้ไปเที่ยวสักครั้งจะมีความสุข ณ.ตัวจังหวัดน่านกลางเมืองตกกลางคืนดึกหน่อยก็ไม่มีรถวิ่งแล้วเงียบเหมือนอยู่ตำบนปลายทางของจังหวัดใหญ่ๆ

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ กลิ่นอายเมืองเหนือ 

            เวลา 2 ทุ่ม ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553  รถโมบาย ที่ขน เสื้อผ้ามือสอง อาหาร ขนม ตัวการ์ตูน อุปกรณ์ฉายหนัง และวัสดุอื่น ๆ มากมาย  เดินทางมุ่งตรงสู่ ต.เมืองลี อ.นาหมื่น จ.เมืองน่าน แวะพักทักทายตามทางไปเรื่อย ๆ จนไปรับอรุณรุ่งเช้าที่เขาพรึง กลิ่นอายของธรรมชาติและลมเย็น ๆ ที่พัดมากระทบผิว นั้นรู้สึกถึงความสดชื่น ทักทายเพื่อนตัวน้อยที่อาศัยอยู่ที่พักริมทางเขาพรึง ถ่ายรูปกับบรรยากาศที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น และออกเดินทางต่อ มุ่งยาวสู่ที่หมาย โดยตลอดการเดินทางต้องข้ามภูเขาเทือกเขาไปยากๆพอๆกับไปอำเภอปาย อบต.เมืองลี ตอนเวลาเกือบ 12.00 น. ของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 พบกับน้อง ๆ ที่ชวนมาทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ

            สถานที่แรก ที่ไปทำกิจกรรมคือ บ.วังน้ำเย็น ต.เมืองลี อ.นาหมื่น จ.เมือง ซึ่งมีหุบเขาล้อมรอบ มีบ้านคนประมาณ 34 หลังคาเรือน มีเด็ก ๆ ในหมู่บ้านประมาณ 30 คน ซึ่งกิจกรรมแรกที่จะเริ่ม คือการฉายหนังกลางแปลง จากรถโมบายให้เด็ก ๆ ได้ดูกัน เริ่มฉายหนึ่งทุ่มตรง ซึ่งก่อนถึงเวลานั้น นักเดินทางก็ไปพักผ่อนที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน  ซึ่งเป็นบ้านใหม่ทั้งหลัง มีใต้ถุนบ้าน และพอตกเย็นเด็กน้อยลูกสาวเจ้าของบ้านก็พาเดินเที่ยวชมรอบหมู่บ้าน ที่ท้ายหมู่บ้านมีลำธารน้ำตกที่ไหลเป็นทาง เด็กชาย 2 คนกำลังกระโดดเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ถึงแม้น้ำจะเย็นเพียงใดก็ตาม เด็กสาวที่พาเดินชมนั้นได้ถามคำถามขึ้นว่า “พี่ ๆ ค่ะ ที่กรุงเทพฯ มีป่าแบบนี้ไหมค่ะ????” เรากลับยิ้มออกในความสงสัยของเด็กที่อยู่ชั้น ป. 5 ที่คำถามที่แฝงด้วยความรักและภาคภูมิใจในป่าไม้ในหมู่บ้านของตนเอง เราเองที่กลับอิจฉาเด็ก ๆ น้อยเหล่านี้ ที่ได้อยู่ใกล้ธรรมชาติที่สดชื่น สดใส ตลอดเวลา พอใกล้เวลาฉายหนังก็ไปเตรียมกางรถ กางจอหนังพร้อมฉาย แม่บ้านก็ทำอาหารเพื่อเตรียมเลี้ยงเราแบบง่าย ๆ คือไข่เจียว อ่อมหมู เป็นต้น เด็ก ๆ ก็มาจับจองพื้นที่ใกล้ ๆ  หน้าจอหนังเพื่อดูหนังกัน หนังที่เตรียมฉายและเด็ก ๆ เลือกที่จะดูคือ  ปืนใหญ่จอมสลัด กับ สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด (เอาหนังไปสี่ม้วนสุดท้ายให้เป็นมติของผู้ชม) ผู้ใหญ่ที่จัดการงานของตนเองเรียบร้อยแล้วก็ทยอยเดินออกมานั่งดูนั่งและนั่งพูดคุยกัน  กินอาหารพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน บางคนนำงานสานมานั่งสานไปด้วยดูหนังไปด้วย พร้อมกลับอากาศที่หนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งดึกยิ่งหนาว แต่ก็ไม่มีใครลุกหนีไปไหน จนหนังจบ แอบเห็นรอยยิ้ม แอบได้ยินเสียงหัวเราะ ช่างมีความสุขเหลือเกิน  พอหนังจบช่วยกันเก็บอุปกรณ์และแยกย้ายกันเข้านอน เพื่อเช้าวันใหม่จะได้มาเล่นกิจกรรมด้วยกัน

            เวลา 09:00 น. เด็ก ๆ มารวมตัวกันที่ลานกิจกรรมในหมู่บ้านเพื่อทำกิจกรรมรวมกันกับพี่ ๆ คือ การเล่นเกมส์ การวาดภาพ การเล่าเรื่องหมู่บ้านของตนเอง  การทดสอบเกมส์ฐาน  และสุดท้ายการเรียนรู้วันสำคัญทางศาสนาที่ใกล้มาถึง คือ วันมาฆบูชา มีพี่เป็ดและลุงน้ำตาลมาเล่นกับน้อง ๆ มีทั้งกลัวและกล้าที่จะมาเล่นกับมาสคอท สร้างเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม ที่ฟุ้งกระจายอยู่บริเวณนั้น ทั้งจากตัวเด็กเองและ ชาวบ้านที่มาดูลูกหลานของตนเองทำกิจกรรม ทั้งช่วย ลุ้น ช่วยเชียร์กันห่าง ๆ กิจกรรมจบลง

ประมาณบ่ายโมง ก็ออกเดินทางมาข้างล่าง คือ บ้านน้ำอูน ต.เมืองลี อ.นาหมื่น จ.เมืองน่าน ทำกิจกรรมกับเด็กที่ ๆ วัดน้ำอูน กิจกรรมคล้าย  ๆ กับบ้านวังน้ำเย็น แต่ที่เพิ่มมาคือ ภาษาล้านนาที่เด็ก ๆ ได้เรียนจาก หลวงพี่ในวัดเป็นคนสอน มีการประกวดวาดภาพและประกวดการคัดภาษาล้านนา

ในคืนที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 ก็ได้ฉายหนังในเรื่องเดิม ที่ฉายที่บ้านวังน้ำเย็น แต่ที่ประทับใจ คือ เด็ก ๆ บ้านวังน้ำเย็น บางคนก็ตามลงมาดูหนังที่บ้านน้ำอูนอีกรอบ

ในเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ตอนรุ่งเช้า ชาวบ้านได้มีการทำบุญตักบาตรเนื่องในวันมาฆบูชา แม่อุ๋ย เดินมาที่วัดกันหลากหลาย เป็นความสุขที่น่าอิจฉา มาก ๆ และต่อด้วยการประกาศรางวัลให้เด็ก ๆ ที่ชนะการประกวดวาดภาพและประกวดการคัดภาษาล้านนา และเวลาบ่ายโมงก็เริ่มกิจกรรมนันทนาการ การเล่าเรื่องหมู่บ้านของตนเอง  การทดสอบเล่นฐาน  และสุดท้ายการเรียนรู้วันสำคัญทางศาสนาที่ใกล้มาถึง คือ วันมาฆบูชา มีพี่เป็ดและลุงน้ำตาลมาเล่นกับน้อง ๆ มีทั้งกลัวและกล้าที่จะมาเล่นกับมาสคอท สร้างเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มให้กับเด็กเหล่านี้ กิจกรรมจบลงที่บ่ายสามโมง ก็ออกเดินทางกลับเข้าเมืองน่านเพื่อพักผ่อนก่อนเดินทางกลับในเช้าวันที่ 1 มีนาคม 2553

ในความเงียบและสงบกลับกลายมาเป็นจุดเด่นที่ทำให้เมืองน่านมีเสน่ห์ที่ใครหากได้ไปเที่ยวสักครั้งจะมีความสุข ณ.ตัวจังหวัดน่านกลางเมืองตกกลางคืนดึกหน่อยก็ไม่มีรถวิ่งแล้วเงียบเหมือนอยู่ตำบนปลายทางของจังหวัดใหญ่ๆ

ชาวบ้านก็ยังคงรักษาความเป็นอยู่ของเขาได้เป็นอย่างดี ปลูกผัดสด กินกันเอง เหลือก็นำมาขาย เป็นรายได้พอเพียง ซึ่งยังคงวัฒนธรรมต่างๆไว้ได้อย่างดี ตลาดจนสิ่งปลูกสร้างก็ไม่มากมายยังคงรักษาบ้านเก่าๆ ทรงล้านนาโบราณไว้ได้มาก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ในครั้งนี้ ยังตราตรึงใจพี่ ๆ ทุกคนเสมอ พร้อมน้อง ๆ ที่ส่งเสียงชวนว่า “พี่ ๆ มาฉายหนังและเอาการ์ตูนมาเล่นกันอีกนะค่ะ”  ถ้ามีโอกาสเราจะกลับไปเยี่ยมเยียนกันอีกนะค่ะ ความสดชื่นของธรรมชาติ

 

อัจฉรา อุดมศิลป์ สรวารี : เขียนและเรียบเรียง

หมายเลขบันทึก: 341309เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2010 09:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 10:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท