Open will: จิตตปัญญา day1


80% ของความคิดเป็นความคิดให้เกิดความรู้สึกลบ เพราะประสบการณ์แง่ลบ เกิดง่าย ออกยาก เหมือนตีนตุ๊กแก

คณะวิทยากร จากซ้ายไปขวา : อาจารย์เต็ม, ครูแอ๊ด, คุณหมอวิธาน,คุณหมอวรวุฒิ, อาจารย์สกล

ขอยืมคำพูดของ ท่านวิทยากร ว่าให้บันทึกความรู้-สึก  ไว้ก่อนที่มันจะระเหิด..
จึงขอบันทึกกิจกรรมที่มี (รวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ)  การเข้าอบรมจิตตปัญญา ที่นครปฐม วันแรกไว้ดังนี้ 

1. กองความเป็นหมอ--หรือถ้าจะพูดอีกแง่หนึ่งคือ กอง"อัตตา" ไว้หน้าประตู ออกนอกห้องค่อยไปเก็บคืน ( อาจารย์สกลบอก)
    แต่สังเกตุดู การพูดถึงเรื่องตัวเอง ก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้พูดอยากพูด และคนอื่นๆ ในกลุ่ม(อาจ) อยากฟัง นะ ฉันว่า

2. เปิดด้วยกิจกรรม กายภาวนา..ไม่ใช่นั่งวิปัสนา แต่เป็นการ ยืดเหยียดร่างกาย ที่ทำให้พบว่า สภาพร่างกายเรานี้สะสมความตึง-เครียด ขนาดไหน ตอนไปยืดมันก้เจ็บ แต่เจ็บแล้วก็สบาย..

3. กิจกรรมการฝึกฟัง  ด้วยการผลัดกันเป็นคนเล่าเรื่องความประทับใจวัยเด็ก คนฟังต้องตั้งใจฟังเพราะจะต้องเล่าเรื่องกลับ...เหตุที่ให้เล่าความประทับใจวัยเด็ก ก็เพราะ เป็นเรื่องที่คนฟังเถียงไม่ได้ ยกเว้นแต่บังเอิญเกิดบ้านเดียวกัน..เพื่อเพิ่มความรู้สึก safe ในขณะเล่า
   ฉันเป็นฝ่ายเล่าก่อน ก็พบว่า การเล่าเรื่องให้คนแปลกหน้าฟัง แบบ one way นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะเป็นเรื่องทั่วๆไป
    ฉันเล่าแบบเรียงความ บทนำ เนื้อหา สรุป จบแ่ล้วก็..นั่งมองหน้า มองย้อนไป คงเป็นเพราะขาดอารมณ์ในขณะเล่า ทำให้คนฟัง (ซึ่งถูกห้ามพูดใดๅ) ได้แต่มองหน้า พยักหน้าน้อยๆ ..ต่างกับตอนที่อาจารย์ซึ่งเป็นคู่ เป็นฝ่ายเล่า ท่านเล่าได้ตื่นเต้น แถม มีท่าทาง สีหน้า ออกมาชัดเจน

พักเที่ยง......... 
  วันนี้ในขณะตักอาหารเที่ยง คำถามเพียงประโยคเดียว- ซึ่งท่านผู้พูด อาจไม่มีเจตนาเป็นอื่น- หากแต่มัน "ย่ำ" อัตตาของฉันอย่างแรง..และมันมีอานุภาพพอที่จะทำให้ใจฉัน หมองหม่น จนมาถึงตอนที่กำลังเขียนบันทึกนี้

  ลองสมมติเล่นๆ  หากท่านเป็นนักศึกษา แล้วมีคนมาถามว่า "สาขาที่หนูเรียนอยู่นี้ หางานลำบากหรือเปล่า?"..นักศึกษาคนนั้น น่าจะรู้สึกอย่างไร?? 
  ต่อให้เราเชื่อว่า รู้ในหลักการ communication skill แต่ในบรรดาคำถาม 108 ที่เราถามคนไข้ หรือญาติ คงมีบ้างเหมือนกัน ที่ไปกระทบส่่วนที่ sensitive ทำให้เขาไม่สบายใจ ด้วยความไม่เจตนา..แต่เพราะ "่ลืมเอาใจเขามาใส่ใจเรา"  

กลับจากพักเที่ยง ก็มาถึงกิจกรรมยอดนิยม "Body scan" หลังจากนอนสักระยะ..ได้ยินเสียงกรนแว่วๆ..แต่ฉันไม่สามารถนอนหลับได้เลย เพราะ ยิ่งเงียบ ความคิดยิ่งผุดพราย ราวกับฟองโซดา 

  มีกิจกรรมช่วงกลางคืน เป็นการให้สะท้อนว่าได้อะไรจากการอบรมบ้าง..มี 2 ประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจ คือ
  1) เรื่องของความคิด vs ความรู้สึก ...ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกัน อาจารย์วิธาน กล่าวว่า วันหนึ่งๆ คนเรามีความคิดแล่นมาในสมองนับหมื่นเรื่อง และ 80% เป็นความคิดเชิงลบ และมักเป็นเรื่องเดิมๆ ในอดีต - ส่วนนี้ อาจารย์สกล สันนิษฐานว่าเพราะมนุษย์มีสัญชาตญาณต้อง survive  ต้องเรียนรู้เพื่อจะป้องกันตัว ดังนั้นประสบการณ์ที่ไม่ดีจึงจำต้องติดง่าย และลบยาก...
      ความคิด กับ ความรู้สึกทางลบ จึงอาจอนุมานว่าเกี่ยวข้องกัน ในขณะม่่านความคิดจางลง เราจึงจะเห็นความสวยงามในชีวิต
     หลายคน รวมฉันด้วย ยังไม่ค่อยกระจ่างกับคำว่า จิตตปัญญา นัก..Contemplate education เป็นศัพท์ใหม่ ที่ยังถกเถียงใน definition แต่มาด้วยความหวังว่า จะช่วย change อะไรในตัวเราในทางที่ดีขึ้น

  จะนิยามอย่างไร ให้ใครกำหนด พยายามอธิบายให้เข้าใจอย่างไร ก็ไม่สู้ การเข้าถึง ด้วยการปฎิบัติด้วยตนเอง

หมายเลขบันทึก: 339520เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2010 23:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

โชคดีจังครับ ที่ได้มีโอกาสหยุดมองชีวิตตัวเองโดยมีกัลยาณมิตรคอยแนะนำ....จิตตปัญญา !!!

ใช่คะ การที่มีเวลาหยุดเสียบ้าง ทำให้มีเวลาตกตะกอน หรือ ตกผลึก สิ่งต่างๆ ในตัวเรา เสียบ้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท