8. ผ่าตัดกันเถอะ


นมหายไม่เป็นไร อยากให้มะเร็งกระเด็นไปไำกลๆก็พอ

หลังจากทำคีโมได้ 3 ครั้งหมอก็นัดผ่าตัดเนื่องจากก้อนเนื้อที่บวมและแตกปริเริ่มแห้งสนิทหมอก็เลยทำการนัดมา ผ่าตัดเพราะถ้าหากผ่าตอนที่ก้อนเนื้อยังบวม มีโอกาสที่จะกระจายไปยังส่วนอื่นได้ง่ายหมอเลยต้องให้คีโมก่อนเพื่อให้มันยุบและแห้ง ผลก็เป็นที่น่าพอใจวันนัดผ่าหมอให้อดอาหารตั้งแต่ตอนกลางคืนเช้าขึ้นมาก็ออกเิดินทางมาที่โรงพยาบาลพร้อมน้องสาวส่วนข้าพเจ้าก็นั่งรถไฟไปจากกรุงเทพฯเช้า 8.00 ก็ถึงพร้อมกันที่โรงพยาบาลพอดียื่นเอกสารและพบหมอก่อนขึ้นหวอดไปนอนที่เตียงก็ประมาณ 10 โมงกว่าแล้ว รอ รอ รอพยาลก็จะเดินมาบอกว่า ประมาณ 16.00 น.คุณหมอก็จะเริ่มผ่าตัด คนป่วยนอนรอ+หิว

ช่วงนอนรอเข้าห้องผ่าตัด

หน้าตาดูมีกังวลนะเีนี่ย?

รอแล้วรอเล่าจน 18.00 น ก็แล้วเราก็เลยเดินไปถามพยาบาลก็ได้คำตอบว่ายังไม่ถึงคิืวค่ะต้องรอเพราะวันนี้คุณหมอมีคิวผ่าถึง 20 ราย โอ้โฮ ทำไมคุณหมอทำงานคุ้มจังน่าสงสารคุณหมอหรือคนป่วยดี รอต่อไป

หน้าตาเริ่มเครียด

สำคัญกว่าอย่างอื่นคือหิว หิวเพราะไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวาน 18.00น

รอจน 20.00น โดยประมาณน่าจะกว่าด้วยเตียงไกล้ๆกันเค้าก็เข็นไปกันจนหมดแล้ว เอ๊? หรือว่าเค้าจะลืมเตียงนี้ ซักพักบุรุษพยาบาลก็เข็นเตียงมารับ เราก็เดินตามไปที่ห้องผ่าตัดชั้น 1 เพราะนอนอยู่ชั้น 4 หน้าห้องผ่าตัดก็มีเตียงรอเข็นเข้าห้องผ่าตัดเป็นแถวเลย ญาติก็รอกันเพียบ เตียงคนที่ผ่าแล้วก็ทะยอยเข็นออกมาเรื่อยๆ อ้าวเตียงเรายังไม่ได้เข็นเข้าไปเลย รอซักพักก็เข็นหายเข้าไปข้างใน คาดว่าประมาณเกือบ 21.00น.โดยประมาณเราก็เลยชวนน้อง ออกไปข้างนอกเพื่อซื้อข้าวและ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้เช่น กระดาษทิชชู่ น้ำดื่ม ยาสีฟัน ฯลฯ (โรงพยาบาลรัฐบาลนะไม่ใช่โรงพยาบาลเอกชนที่จะมีให้ทุกอย่างครบครัน) กลับเข้ามาแล้วก็ไปนั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัด รอ รอ ซักประมาณ 22.00 น. บุรุษพยาบาลก็เข็นรถออกมาแล้วร้องหาญาติคนป่วย พร้อมกับเข็นไปส่งที่เตียง ออกมาสะลึมสะลือ ยังไม่ตื่นจากยาถึงเตียงก็หลับต่อ ออกมามีของแถมห้อย หน่องแหน่งมาด้วย 2 กระปุก คือกระปุกระบายเลือดและน้ำเหลือง แต่ลืมถ่ายรูปกระปุกไว้มีแต่สายที่ได้มา

ของแถมมาจากห้องผ่าตัด

สรุปคืนนั้นไม่ได้กินข้าวมีแต่ตอนดึกๆ ตื่นขึ้นมากินน้ำแล้วก็หลับต่อเราก็มุดใต้เตียงนอนกันจนเช้า พอซักตี 4-5 พยาบาลเริ่มกวนแล้วเช็ดตัวบ้างวัดความดันบ้างเช็คกระปุกเลือดบ้าง สรุปเช้านี้มีใข้นิิดหน่อยเพราะระบมแผล เช้าขึ้นมาก็กิน เกร็ดข้าวกล้องผสม นีโอมูนได้แค่ 1แก้วแล้วก็กินยา พอสายๆ ก็มีน้องๆพยาบาลฝึกงานมาช่วยดูแล

พอวันที่ 2 เริ่มแหย่ให้แกหัวเราะกัน

หลังจากผ่าประมาณวันที่ 2 เห็นจะได้หมอเริ่มให้ขยับแขนแต่ยังไม่ให้ขยับมากไม่รู้ว่าชวนแกหัวเราะมากไปหรือเพราะแกลุกขึ้น บ่อยๆ หรือเพราะพยาบาลบังคับให้กายภาพก็ไม่รู้แน่ วันที่ 3 แผลแตกเลือดทะลักออกมาทางปากแผลเต็มเลย ตกใจมากโดนเข็นกลับเข้าห้องผ่าตัดไปทำแผลใหม่ โดนรมยาอีกแล้วกลับออกมาเลือดก็หยุดใหลทางปากแผลนอนโรงพยาบาลสรุปรวมก็ 7 วัน หมอก็ให้กลับบ้านไปพักฟื้นที่บ้านและให้ไปล้างแผลทุกวันที่คลีนิคไกล้บ้าน แต่น่ารำคาญที่สุดคือกระปุก 2 ลูกที่ต้องคอยระวังไม่ให้ตัวปั๊มมันดีดขึ้นเพราะไม่งั้นมันจะไม่ีดูดน้ำเหลือง น้ำเหลืองก็จะคั่งอยู่ข้างในอาจทำให้แผลอักเสบได้ ต้องให้น้ำเหลืองหยุดใหล หรือเหลือน้อยมากๆ จึงจะถอดออกได้ใช้เวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์โดยประมาณบางคนก็อาจไม่ถึง ช่วงนี้ก็กินไข่ขาวบ่อยหน่อยเพราะจะช่วยเรียกเนื้อให้หายเร็วขึ้น แต่ถ้ากินมากก็อาจทำให้แผลไม่สวยเพราะเนื้อจะขึ้นเร็วและนูน ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาก็จะต้องทำกายภาพร่วมด้วยทุกวันตามท่าทางที่ทางโรงพยาบาลสอนมา เืพื่อป้องกันแขนบวม และข้อใหล่ติด ส่วนน้าสาวขยันมากลัวแขนบวมและข้อใหลติด

หมายเลขบันทึก: 338641เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2010 21:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เป็นบทความที่ช่วยให้ได้ความรู้และแนวทางในการรักษาสำหรับคนที่เป็นโรคนี้ ช่วยให้เข้าใจได้หลายอย่างเลยค่ะ

พอดี อ่านเจอโดยบังเอิญจาก กูเกิ้ล ค่ะ

เพิ่งพบความรู้สึกแบบนี้กับตัวเองเมื่อประมาณ ต้นเดือน กันยา ที่ผ่านมาค่ะ ผลชัวร์ๆ จากการเจาะเซลล์ไปตรวจพบว่า

คุณแม่เป็นโรคมะเร็งเต้านมเหมือนกันค่ะ คือ ตอนนี้ รอคิวผ่าตัดค่ะ วันที่ 28 กย นี้

อยากทราบว่า ที่น้าสาวเป็นก่อนผ่า ก้อนที่พบใหญ่ไหมคะ ของคุณแม่ 6 ซม ได้ หมอบอกค่ะ

ตอนนี้ ก็รอมา 3 อาทิตย์แล้ว เริ่มมีอาการเจ็บจี๊ดที่ก้อนเนื้อแล้วค่ะ

อยากทราบว่าช่วงที่ทำการรอรักษานานไหมคะ

แล้วรักษาที่ รพ ไหน ช่วยให้คำตอบด้วยนะคะ

ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดค่ะ

สวัสดีค่ะ

สวัสดีค่ะ

ยินดีที่จะให้คำแนะนำค่ะ เอาเป็นว่าจะสรุปคร่าวๆ ในหน้านี้เลยค่ะ เผื่อคุณไม่ได้เข้าไปในหน้าอื่น ประสบการณ์มักจะเป็นครูให้เราเสมอในเมื่อเรารู้แล้วเราควรช่วยเหลือคนอื่นที่ยังไม่รู้ เพราะจะสามารถทำให้เค้าได้รู้ในสิ่งที่ดีกว่าได้โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกเพราะบางอย่างตัดสินใจทำไปแล้วอาจมีผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้ น้าสาวเราก็เป็นแต่ตอนนี้สบายดีแล้วค่ะ ทำงานได้ตามปกติ (โดยผ่าตัดเต้าและเลาะต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ออก) สุขภาพแข็งแรงดี ผมขึ้นยาวเป็นปกติแล้วจากเดิมเมื่อก่อนมีผมหงอก ตอนนี้หลังจากคีโมแล้วและผมขึ้นใหม่กลับไม่มีผมหงอกมีแต่ผมดำ ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นการเฝ้าระวังการเกิดซ้ำซึ่งเป็นสิ่งที่ยากกว่าการรักษา เพราะนั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นการกิน การนอน การใช้ของต่างๆ การหาความรู้และบอกเค้าให้เข้าใจจะช่วยให้เค้าสบายใจขึ้นค่ะ

สิ่งแรกที่คุณและแม่คุณต้องเชื่อและเข้าใจก่อนคือ โรคนี้รักษาได้ค่ะ และหายด้วยค่ะ สิ่งต่อมาคือคุณหมอเก่งๆเยอะค่ะเดี๋ยวนี้ เพราะโรคนี้ไม่ได้เป็นอยู่คนเดียวคนอื่นเค้าเป็นกันทั้งประเทศ ทั้งโลก เค้ายังหายเลย ให้มองคนที่หาย คนที่เค้าไม่หายอาจเป็นไปได้ด้วย สภาพร่างกาย หรือความรุนแรงของโรค แต่ที่น่ากลัวคือการไม่ดูแลตัวเองจนทำให้เกิดโรคซ้ำหลังจากรักษาหายแล้ว ต้องดูแลสุขภาพและเรื่องสำคัญคืออาหารการกิน ความเชื่อของคนไทยส่วนมากกลัวคำว่ามะเร็ง เป็นแล้วต้องตาย แต่จริงๆแล้วมันรักษาให้หายได้ แต่มันจะต้องประกอบไปด้วยปัจจัยหลายด้านเหมือนกัน

สิ่งแรกคือจิตรใจเป็นตัวหลักและสำคัญ มีผลกระทบกับโรคมาก หาความรู้และคำแนะนำที่ดี น้าสาวตอนแรกไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นมะเร็ง และไม่ยอมบอก เก็บไว้คนเดียวจนอาการเยอะมากจึงต้องยอมบอกและอีกอย่างแกไม่มีครอบครัวเป็นสาวโสด มีีแต่หลานก็คงไม่อยากรบกวนแต่พอ บอกแล้วและยอมรับการรักษา่ สภาพจิตรใจของแกก็ดีขึ้นมาก จากช่วงแรกไม่ค่อยคุย ก็กลับมาคุยเก่งเหมือนเดิม เพราะจิตรใจยอมรับได้ ว่ายังไงก็ต้องรักษา แกก็สบายใจขึ้น ไม่กลัวไม่เครียด น้าสาวอยู่ในระยะลุกลามค่ะคือมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 ตัดเต้านมและเลาะต่อมน้ำเหลืองออกด้วย แต่จากความรู้ต่างๆ ที่หาไปเล่าให้แกฟัง และวิธีการรักษาต่างๆ ที่แนะนำให้แกทำ บวกกับการรักษาของโรงพยาบาลทำให้แกเชื่อมั่นว่าจะต้องหายค่ะ ความเครียดสำคัญค่ะ ทำให้โรคลุกลามไว หลังจากนั้นก็ทำทุกอย่างที่หมอสั่ง และห้ามผิดนัดหมอ เด็ดขาด

มีข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆ ในการปฏิบัติตัวค่ะในขณะที่ให้คีโมบางคนเม็ดเลือดขาวจะลดต่ำมากผลไม้ที่เพิ่มเม็ดเลือดขาวได้ดีมากๆ และช่วยในการป้องกันการติดเชื้อได้ดีคือ เสาวรส หรือ ภาษาต่างจังหวัดคือกระทกรกค่ะ เพื่อนที่เป็นพยาบาลบอกมาค่ะ ก็เลยลองให้น้ารับประทาน เนื่องจากช่วงให้ คีโมเม็ดเลือดขาวจะต่ำ มีโอกาสในการติดเชื้อได้ง่าย คุณหมอจะรอให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มในปริมาณที่ดีก่อนค่อยให้ แต่ถ้าระยะเวลานานเกินแล้วยังให้ยาไม่ได้ก็ไม่ค่อยดีค่ะ น้าสาวดิฉันก็ให้ 8 ครั้งค่ะ มีช่วงแรกๆ ที่เม็ดเลือดขาวต่ำแล้วให้ไม่ได้ อยู่ 1ครั้ง หลังจากนั้นก็ให้ทานเสาวรส ก็ไม่มีอีกเลย แต่อย่าทานมากนะค่ะ เพราะเดี๋ยวทำให้เลือดจางอีก (แย่เนอะ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้)

ที่สำคัญป่วยแต่กาย แต่ใจต้องแข็งแรงนะค่ะ เพราะใจเป็นนายของกายค่ะใจมีผลเป็นอันดับ 1 ในการรักษา ให้เชื่อว่าเราต้องหายและมีกำลังใจมากๆ ต้องไม่เครียดพูดคุยกับคนในบ้านเยอะๆ ทำกิจกรรมที่เฮฮากันบ่อยๆ ปล่อยวางชีวิตไว้ก่อนหายแล้วค่อย คิดค่อยทำค่ะ จะได้ไม่เครียด ส่วนเรื่องผมร่วง ถ้าไม่ร่วงก็ถือว่าไม่ได้ผล ไม่ต้องห่วงพอให้ครบ ผมก็ขึ้นแล้ว น้าสาวขึ้นตอนครั้งที่ 6-7 นี่ละค่ะ ยังไม่ครบ 8 เลยเริ่มขึ้นแล้ว ส่วนช่วงที่ยังไม่ขึ้น ก็ได้ซื้อวิกผมให้ใส่ ไปโรงพยาบาล (สวยกันน่าดูเลย วันดีคืนดีน้องสาวยืมไปใส่เล่นหากันให้วุ่น ว่าหายไปใหน ) ตอนนี้กำลังหาซื้อซิลิโคลนสำหรับเสริมเต้าให้อยู่ เพราะตอนนี้ผมขึ้นยาวแล้ว เริ่มทำงานทำสวนและไปใหนมาใหนเป็นปกติ ก็เลยต้องหาไปให้จะได้ใส่เพิ่มความมั่นใจเวลาออกสังคม คนรอบข้างสำคัญ กำลังใจของคนป่วยอยู่ที่คนรอบข้าง อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีคนอื่นคอยเป็นกำลังใจให้เค้า

มีสมุนไพรอยู่สุูตรหนึ่งค่ะ่ที่ให้ น้าสาวกินตั้งแต่ก่อนให้คีโม คือใช้ใบย่านาง ซัก 10 ใบ ใบบัวบก 1 กำมือ ผักบุ้ง และบัวเตยหอม ตำและใช้น้ำ 1 แก้ว คั้นกรองเอาแต่น้ำ กิน มื้อละ 1แก้ว 3 เวลาก่อนอาหาร อาการข้างเคียงในการให้คีโมจะไม่ค่อยมี ครอโรฟิลในผักใบเขียวช่วยในการต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ด้วย ลองไป ค้นหาข้อมูล ดูก่อนแล้วค่อยทำกินก็ได้ค่ะหรือถ้ากินอยู่แล้วก็ดีค่ะ

น้าสาวทุกวันนี้ก็ยังกินน้ำใบย่านาง ใบบัวบก อยู่ค่ะ ส่วนผักบุ้งถ้าไม่มีไม่ต้องใส่ค่ะ แต่น้าสาว ไม่ค่อยได้ใส่ เพราะต้องไปซื้อที่ตลาด ที่ข้างบ้านมีแต่ใบย่านาง และใบบัวบกสรรพคุณในการรักษามันอาจจะไม่ใช่ตัวรักษา 100% แต่มันช่วยในเรื่องของผลข้างเคียงหลายอาการ และบำรุงร่างกาย ช่วยต่อต้านและช่วยกำจัด เซลล์มะเร็งได้ (อย่างน้อยให้เป็นตัวช่วยยาแผนปัจจุบันก็ยังดี) ลองศึกษาเรื่องผักพื้นบ้านดูค่ะ มันมีสรรพคุณในการกำจัดเซลล์มะเร็งได้หลายตัวมาก แต่ก่อนกินต้องแช่น้ำล้างให้สะอาดนะค่ะ สำคัญสุดคือต้องไปหาหมอตามนัดห้ามขาดเลย ยาที่หมอให้ก็ต้องกินให้ได้ตามหมอสั่ง มีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆ ที่ได้ให้น้าสาวปฏิบัติดังนี้ค่ะ เผื่อบางอย่างอาจจะลองนำไปประยุกต์ใช้ได้บ้างนะค่ะ หรือไม่ก็ลองศึกษาดูก่อนว่าจะเหมาะกับการป่วยของแต่ละบุคคลหรือไม่แล้วค่อยทำก็ได้ค่ะ

เรื่องอาหาร

น้าสาวงดเลยก็คือ

1.เนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลากินได้ทุกมื้อ (โปรตีนคืออาหารชั้นดีของมะเร็ง)

2.น้ำตาล (จะกลายเป็นโปรตีนอาหารชั้นดีของมะเร็ง)

3.ของหมักดอง (หน่วยสนับสนุนของเจ้าพวกมะเร็ง)

4.ผลไม้ที่มีรสหวานจัดเช่น ทุเรียน เงาะ ลำใย สัปปะรด

อาหารที่ต้องกินคือ

1.ข้าวกล้อง (เพราะข้าวขาวธรรมดากินมากจะกลายเป็นน้ำตาลและแปลสภาพเป็นโปรตีนอาหารของมะเร็ง)

2.ธัญญพืช เช่นถั่ว งา ต่างๆ (เพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์)

3.ผักสดทุกชนิด (ล้างให้สะอาด ก่อนกินต้องแช่น้ำำไว้ก่อนซัก 20 นาทีถ้านานกว่านี้ได้ยิ่งดี สำคัญค่ะ)

4.ผลไม่ทุกชนิดที่รสไม่หวานจัด

ยาและอื่นๆ ที่ำิน้าสาวกินเสริม

1. น้ำใบย่านาง ใบบัวบก (กินประจำ วันละ3เวลา กินมาตั้งแต่ก่อน คีโมครั้งแรกจนครบ 8ครั้งแล้ว นัดตรวจสุขภาพทุกๆ 3 เดือน ไปครั้งแรกมาแล้ว ก็ยังกินอยู่เสมอไม่ขาด) หลังจากทำคีโมครบแล้วคนอื่นที่ไปรักษาพร้อมกันทุกคนต้องฉายแสงกันแต่น้าสาวไม่ต้องฉายแสงต่อ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเพราะกินน้ำใบย่านางหรือเปล่า เพราะน้าสาวกินตั้งแต่ก่อนให้คีโมเป็นอาทิตย์ ส่วนคนอื่นที่เจอเค้าไม่ได้กินกัน มีตอนหลังๆ ที่พอเจอกันหลายครั้งแล้วน้าสาวแกก็เริ่มกล้าแนะนำเค้าให้เค้ากิน บางคนก็ทำแต่บางคนเค้าก็ไม่ทำ

2. หญ้าปักกิ่งอัดเม็ด (กิน 7 วัน เว้น 7วัน บางทีไม่มีก็ไม่ได้กิน ไม่ได้กินตลอด) หรือถ้ามีต้นสด ใช้ผสมกับใบย่านางและใบบัวบกคั้นกินน้ำได้ค่ะ หรือถ้ามีแบบแห้งชงเป็นชากินก่อนอาหารก็ได้ค่ะ

3. พลูคาวอัดเม็ด กิน 3 เวลา กินมาตลอด มาช่วงนี้ไม่ค่อยได้ซื้อให้หยุดมาเป็น เดือนแล้ว

แต่ตัวหลักคือใบย่านางและใบบัวบก ไม่เคยขาด

อาหารประจำวันช่วงให้คีโม ที่น้าสาวกินคือ

1. เกรดข้าวกล้อง ตอนเช้า

2.นีโอ-มูน อาหารทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการโปรตีนและพลังงานสูง นมที่เป็นอาหารสำหรับคนป่วยที่ให้อาหารทางสายยาง (จะมีขายตามร้านขายนมเด็กและร้านขายยาแถวหน้าโรงพยาบาลส่วนมากจะมี) จะเขียนว่า อาหาร ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการโปรตีนและพลังงานสูง เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่มีความต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้นภายหลังการผ่าตัด หรืออุบัติเหตุ , แผลไฟลวก ราคากระป๋องละประมาณ 300 กว่าบาทถึง 400 ค่ะ ควรกินตอนเช้า หรือตอนที่ให้คีโม เพราะคนป่วยจะขาดโปรตีนใช้ตัวนี้ช่วยได้มากมายเลย คนป่วยจะไม่ค่อยเพลีย ปกติจะเพลียมากเป็นอาทิตย์ และที่สำุคัญกินง่ายเพราะไม่มีรสชาติ กินได้เหมือนกินนมธรรมดา เพราะคนป่วยช่วงนี้จะกลืนอะไรไม่ค่อยได้จะเจ็บคอเพราะผลข้างเคียงของยาที่ให้ ลองศึกษาผลข้างเคียงของการให้คีโมดูค่ะ ถ้าคนป่วยแพ้ยาไม่มากก็จะดีเพราะบางคนแพ้มากแล้วจะกลัวการให้คีโมบางคนกลัวแล้วไม่ยอมไปให้ต่อ จนมันลุกลามมากขั้นต้องไปตามหมอสั่งเสมอ ส่วนอาหารเสริมตัวนี้ช่วยได้มากจริงๆค่ะ เพราะน้าสาวแกไม่กินเนื้อสัตว์อีกเลย กินแต่ปลา

3. อาหารทั่วไปที่น้าสาวกินคือ ผัดผักบุ้ง ไม่ใส่น้ำตาล ใส่แต่ซีอิ้วขาว , ต้มจับฉ่ายใส่เต้าหู้ไม่ใส่เนื้อสัตย์ไม่ใส่เครื่องปรุงใส่แต่ซีอิ้วขาว, ข้าวต้มกินกับถั่วคั่ว ผัดผักบุ้งไฟแดงไม่ใส่เต้าเจี้ยว และน้ำตาล, ปลาสดทอด, ข้าวต้มเครื่องปลา, ต้มยำปลา, แกงต่างๆ ก็กินได้แต่ไม่ควรปรุงรส เพราะขิงข่า ตะใคร้ก็เป็นสมุนไพร แต่ช่วงให้คีโมยังกินไม่ใหวเพราะไม่อยากกินข้าว

4. คนรอบข้างและความเชื่อของคนป่วยค่ะ ต้องไม่กลัว และให้เชื่อเถอะว่ารักษาได้และหายสิ่งสำคัญคือจิตรใจ ต้องเข้มแข็งและไม่กลัวมัน ร่าเริงเข้าไว้ ไม่ต้องห่วงและไม่ต้องทุกข์กับอะไรอย่างอื่นมาก ถ้าหายแล้วค่อยกลับไปคิดเรื่องอื่น ตอนนี้ให้เชื่อมั่นก่อนว่าต้องหาย และไม่ต้องฟังคนอื่น ดิฉันจะสั่งน้าสาวไว้เลยว่า ไม่ต้องฟังคนอื่นคนอื่นเค้าไม่มีความรู้ เราจะเชื่อเค้าได้หรือ ชอบมาพูดว่าเป็นแล้วตายแน่ๆ รักษาไม่หายบ้างละ คนป่วยฟังแล้วใจเสีย หมดกำลังใจต่อสู้ (แค่ต้องงดของกินก็แย่แล้ว) ต้องไม่ฟังเรื่องพวกนี้ สนใจและให้อ่านสาระที่มีความรู้ในเรื่องการดูแลรักษา การปฏิบัติตัว และสุดท้ายคือการเฝ้าระวังการเกิดซ้ำ และต้องเชื่อเสมอว่าจะต้องหาย คนอื่นยังหายได้เลย ทำไมเราจะหายไม่ได้ อยู่ที่ตัวเราว่าจะสู้หรือถอย ในเรื่องการรักษา หมอรักษาเท่ากัน ทุกคนแต่ ในเรื่องจิตรใจของคนป่วยไม่เท่ากัน ใครสู้ก็รอดใครไม่สู้ก็แย่ลง อย่างที่เราเคยเห็นกัน ขอให้สู้เท่านั้น ส่วนเรืองอื่นเป็นแค่ตัวช่วยค่ะ ตอนนี้น้าสาวสบายดี อ้วนท้วน แข็งแรง น้ำหนักขึ้น 2-3 กก กรีดยางเองได้แล้ว(เป็นคนใต้ค่ะ) ใช้ชีวิตปกติดี แต่ก็ต้องเฝ้าระวังและงดเว้นอาหารข้างต้นอยู่ และสมุนไพรก็ยังกินอยู่ ไม่ประมาท เข้าวัด ทำบุญ พูดคุยกับคนในครอบครัวและเพื่อนบ้าน สนุกสนาน ไม่เครียด ไม่ห่วง ไม่เหมือนตอนแรก

ของแสลงห้ามกินสำหรับคนที่เป็นมะเร็ง

1. ปลากระเบน

2. เต่า

3. ตะพาบน้ำ

4. ปลาะทะเลที่คาวจัดมาก

5. สัตว์สี่เท้า

6. ข้าวเหนียว

7. หน่อไม้

8. น้ำตาล

9. หอยดอง

10. เบียร์ สุรา ไวน์ เป็นต้น

11. บุหรี่ ยาเสพติดอื่นๆ

12. เกลือทะเล เกลือสินเธาว์

13. สะตอ ชะอม กระถิน มะเขือเปราะ

14. ของสุขๆ ดิบๆ เช่น แหนม ปลาร้า ฯลฯ

15. ของนึ่ง ย่าง รมควันทั้งหลาย

16. น้ำอัดลมทุกชนิด

17. ของหมักดองทุกชนิด

18. ของที่มีเชื้อราและแบคทีเรีย

19. ของค้างวันค้างคืน

20. ของที่ทำไว้นานหลายวันแล้ว

สูตรทำน้ำผลไม้ไว้กินเผื่อเบื่อน้ำใบย่านางค่ะ

สูตรที่ 1

1.ผักกาดหอม 2 ใบ เพื่อกล้ามเนื้อกระดูก ,เส้นเอ็นและปอดแข็งแรง

2.คื่นช่าย 2 ก้าน เพื่อการหมุนเวียนโลหิตและหลอดเลือดแข็งแรง

3.มะเขือเทศ 1 ลูก เม็ดเลือดแข็งแรง

4.หอมใหญ่ 1/4 ลูก หัวใจแข็งแรง

5.น้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานรวม (น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำอ้อยสดก็ได้)

6.น้ำมะนาว 1 ลูก ช่วยฟื้นฟูภูมิต้านทาน

7.แอ็ปเปิ้ล 1 ลูก หรือกล้วยน้ำว้า,ชมพุ่,สับปะรด,แตงโม,แคนตาลูป

8.น้ำเปล่า 2-4 แก้ว

ให้ปั่นรวมกันแล้วคั้นเอาแต่น้ำ

วิธีล้างผัก:น้ำส้มสายชู 1 ชต:น้ำ 1 ลิตรแช่ผัก 1 กก.นาน 45 นาที

สูตรที่ 2 นมธัญญพืช

1.เม็ดบัว 1 ส่วน

2.ลูกเดือย 1 ส่วน

3.ข้าวกล้อง 1 ส่วน

วิธีทำ แช่เม็ดบัว+ลูกเดือยในน้ำร้อน 2 ชม.แล้วนำไปต้มจนสุกประมาณครึ่งชั่วโมง

หุงข้าวกล้องจนสุก แล้วเอามาอย่างละ 1 ขีดปั่นจนเข้ากันดี ใส่น้ำสะอาดต้มสุก

พออุ่นพร้อมกันจะได้นมธัญญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารเป็นอย่างมาก

สูตรที่3 น้ำผักสีเขียว(ใช้เครื่องคั้นน้ำแยกกาก)

-แอ๊ปเปิ้ลเขียว 1 ลูก

-ผักชีฝรั่ง 4 ใบ

-ใบย่านาง 6-7 ใบ

-ใบยอ 2 ใบ

-ใบบัวบก 1 ขีด

-ส้มเขียวหวาน 1 ลูก

สูตรที่4 น้ำผักสีส้ม

-แครอท 1 ลูก

-ส้มเขียวหวาน 1 ลูก

-แอปเปิ้ลแดง 1 ลูก

-สาลี่ 1 ลูก

Link สำหรับเอกสารข้อมูลความรู้บางส่วนที่พอจะหาได้ค่ะ ดิฉันเอาขึ้นไปไว้บน Internet เผื่อจะได้ให้คนที่เค้าต้องการหาความรู้เข้าไปโหลดไปไว้อ่าน คุณลองโหลดมาอ่านดูนะคะจะได้แนะคำคุณแม่ของคุณได้ค่ะ คลิกที่ Link แล้วจะเข้าสู่หน้าโหลดเอกสารคลิกคำว่าโหลดเครื่องจะให้ Save File ลงเครื่องเสร็จแล้วค่อยเปิดอ่านหรือปริ้นไว้อ่านก็ได้

เรื่อง 10 อันดับ อาหารต้านมะเร็ง

http://www.4shared.com/file/209660023/9dade8c0/10__.html

เรื่อง 13 สมุนไพรจีนรักษามะเร็ง

http://www.4shared.com/file/209660050/4be52fbd/13__.html

เรื่อง สมุนไพร พลูคาวหรือผักคาวตอง.

http://www.4shared.com/file/209660081/894c6166/__online.html

เรื่อง สมุนไพรต่อสู้การเกิดโรค

http://www.4shared.com/file/209660122/eb68b261/_online.html

เรื่อง สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งกับงานวิจัย

http://www.4shared.com/file/209660253/d168aa69/_online.html

เรื่อง หญ้าปักกิ่ง

http://www.4shared.com/file/209660376/92f65653/_online.html

เรื่อง สมุนไพรไทยต้านมะเร็ง

http://www.4shared.com/file/209660180/ff893bc7/_online.html

เรื่อง มากมายของมะเร็ง

http://www.4shared.com/file/209662027/30c9e452/_online.html

เรื่อง สาเหตุการเกิตมะเร็ง

http://www.4shared.com/file/209662056/88f4203/_online.html

เรื่อง ทำไมคุณถึงป่วยเล่ม1

http://www.4shared.com/file/209691325/4c640318/1_online.html

ที่เหลือก็ทำตามที่หมอสั่งทุกอย่างนะค่ะ

ฝากเป็นกำลังใจให้คุณแม่คุณด้วยนะค่ะ เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้วค่ะ อดทนสู้นิดนึงค่ะ รักษาหายค่ะคุณหมอเก่ง วิวัฒนาการการรักษาก็ดีมากแล้วหมอเก่งเยอะไม่ต้องกลัว มีหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ ที่ช่วยในเรื่องของมะเร็งและอื่นๆ ลองหามาอ่านนะค่ะ จะได้ค่อยๆปรับพฤติกรรมการกินได้ น้าสาวตอนนี้ก็เปรียบเหมือนคนกินเจ โดยปริยายแต่ตอนนี้แกเริ่มชินแล้ว ที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์แรกๆ ก็ไม่ชิน แล้ว Mail มาบอกความคืบหน้าบ้างนะค่ะ แต่เชื่อค่ะว่าหายแน่นอนบอกคนป่วยนะค่ะว่าหายแต่นอนและต้องมีกำลังใจมากๆด้วยค่ะ คนที่อยู่ไกล้ๆคือกำลังใจที่สำคัญมากค่ะ

Mail มาคุยได้นะค่ะ [email protected]

PTM

อ้อลืมบอกไปอีกอย่าง น้าสาวตอนก่อนผ่าน่าจะประมาณ 3-4 เซ็นต์ น่าจะได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ มันแตกออกมาข้างนอกแล้วมีน้ำเหลืองซึมออกมาด้วย หมอตรวจแล้วพบว่ามันอยู่ในช่วงกำลังเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง ก็เลยต้องตัดเต้านมและต่อมน้ำเหลืองไต้รักแร้ออกด้วย ช่วงที่รอผ่าตัดก็ประมาณ 1-2 อาทิตย์ หมอก็จะให้ล้างแผลที่แตกที่คลีนิคไกล้ๆบ้านไปก่อน ก่อนเข้าผ่าตัด หลังจากนั้นก็นัดทำคีโม ไปเรื่อยๆ จนครบทุกครั้ง โรงพยาบาลที่รักษาเป็นโรงพยาบาลต่างจังหวัดค่ะ โรงพยาบาลสุราษฏร์ธานีค่ะ นี่ขนาดโรงพยาบาลต่างจังหวัดยังสามารถรักษาได้เลยค่ะ ถ้ายิ่งได้โรงพยาบาลในกรุงเทพฯโรงพยาบาลใหญ่ๆ หน่อยก็น่าจะ โอเค เพราะเดี๋ยวนี้คุณหมอเก่งๆ มีเยอะค่ะ วิวัฒนาการในการรักษาก็ดีขึ้นมากมาย ขอจิตรใจและร่างกายพร้อมที่จะสู้แค่นี้ละค่ะ

ขอให้หายไวๆนะค่ะ

PTM

ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะเพราะกำลังกลัวคีโมอยู่เป็นมะเร็งระยะ 2 มีประโยชน์จริง ๆ ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท