เรามักจะบ่น หรือได้ยินคนบ่นบ่อยๆ ว่า "คุยกันไม่รู้เรื่อง" "คุยกันคนละเรื่อง" "ตีความกันไปคนละทิศ" "พูดอะไรก็ผิดทุกที" หรือมีประโยคคำพูดแรงๆ หลายอย่างที่พูดออกมาแล้วทำให้ทะเลาะกันทุกที....ปิ๊ดแตก ก็ว่าได้ จนทำให้คนในองค์กรที่ทำงานร่วมกัน คนในครอบครัวที่รักกัน กลับต้องมาขัดแย้งกัน คุยกันน้อยลง, ฟังกันน้อยลง, กลายเป็นชอบทำงานคนเดียว ไม่อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือคุยกับใคร และปิดกั้นตัวเองไม่อยากเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
....แล้วลองทบทวนการพูดสื่อสารของตัวเองดูสิคะ ว่าเราสามารถสื่อสารด้วยการพูดได้ดีเพียงไร? สิ่งที่พูดออกไปนั้นสื่อให้ผู้ฟังรับรู้ "ความรู้สึก (feeling)" และ "ความต้องการ (Need)" ที่แท้จริงของเราได้ตรงไหม และในทางกลับกัน เราเองหล่ะ รับรู้และเข้าถึงความรู้สึกและความต้องการของเพื่อนร่วมงานและคนรอบข้างที่พูดสื่อสารออกมาได้ดีเพียงใด
ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้และฝึกการพูดสื่อสารของเรา ฝึกการค้นหาความต้องการที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของตัวเองและเรียนรู้ที่จะพูดสื่อสารมันออกมาด้วยความเป็นกัลยาณมิตร พร้อมๆ กับเรียนรู้ที่จะเข้าถึง "ความรู้สึก" และ "ความต้องการ" ของเพื่อนร่วมงานและคนรอบข้างแม้ว่าเขาจะพูดสื่อสารออกมาด้วยถ้อยคำใดๆ (ที่บางครั้งขัดหูเรา) เพราะจะช่วยให้เราเข้าใจและพร้อมเปิดรับซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ลดความขัดแย้งอันเกิดจากคำพูดของการสื่อสารระหว่างกันภายในองค์กร และกับคนรอบข้า่งที่เรารัก
แล้วบรรยากาศในการอยู่ร่วมกัน บรรยากาศในการสื่อสารความคิด ความเห็น และความรู้ใหม่ๆ ของการทำงานภายในองค์กร ในครอบครัวก็จะดีขึ้น
เรา สคส. เลยขอนำแนวคิด Nonviolent Communication ของ Marshall Rosenberg มาประยุกต์รวมกับส่วนนึงของ กระบวนการจัดการความรู้ สร้างหลักสูตรการเรียนรู้ชื่อ
"การสื่อสารสร้างการเปลี่ยนแปลง (Communication for Change)"
3-5 มี.ค. 2553
สนใจดูรายละเอียดและสมัครเรียนรู้ได้ที่ http://www.kmi.or.th
สวัสดีค่ะคุณพี่
หนูดีใจมากที่คุณพี่นำบันทึกผ้าป่าจิตสาธารณะของพวกหนูของหนูไปไว้หน้าสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.)
และหนูมีบันทึกเรื่องเดียวกันที่นี่ค่ะ น้องนัท...วิทยสัมพันธ์ » ผ้าป่าวันวาเลนไทน์ เงินที่ได้รับจากการบริจาคผ้าป่าพวกหนูรวบรวมไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้นำไปทอดเพราะติดงานการแข่งขันกีฬาค่ะ
หนูขอกราบขอบพระคุณคุณพี่เป็นอย่างสูงค่ะ