ประยงค์
ร้อยตรี ประยงค์ ธรรมมะธะโร

มองมุมต่างการประเมินครู(ต่อครับ)แถมเรื่องน้ำใสอีกหนึ่งเรื่อง


มองมุมต่าง ไม่ใช่มองต่างมุม(ย่ำอยู่ที่เดิม)

      หลายคนเคยได้ยินคำว่า”มองต่างมุม” แต่ถ้าเปลี่ยนใหม่เป็น “ มองมุมต่าง “ คำนี้แปลกกว่าเดิมนะครับท่าน(ความคิดของผม) ผมจะอธิบายให้ฟัง เช่น 

    เมื่อเราพูดถึง”  มือ “ คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึง”ด้านหน้าของมือที่มีลายเส้นมือ เส้นวาสนา ชื่อเสียง ลาภ ยศ ฯ “ หาก มองต่างมุม น่าจะหมายถึง “ด้านหลังของมือที่มีเส้นเอ็น  เส้นเลือดโผล่ปรากฏให้เห็น”

       แต่ถ้าเป็น มองมุมต่าง น่าจะเป็น”ด้านข้างของมือ” ซึ่งน้อยคนนักที่จะนึกถึงส่วนนี้ ทั้งๆ ที่จริงมันก็คือการมองภาพ”มือ” อันเดียวกันนี่เองนะครับ แต่เพราะเราไม่ได้ถูกปลูกฝังให้มีการขยายความคิดออกไปเป็นหลายรูปแบบ ทำให้ความคิดมัน”ตื้อ” เลยมีผลทำให้คนส่วนใหญ่ ขาดปัญญาที่จะเอาตัวรอดได้ในสังคมที่มีการคิดหาทางเอาเปรียบ”คนที่คิดไม่ทัน”

        ซึ่งพอดีช่วงนี้มีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นใน"วงการครู"เลยทำให้อยากจะขยายความคิดให้ชุมชนได้รับฟัง หากไม่ตรงหรือคิดว่าไม่เหมาะสม โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านผ่านบอร์ดนี้ด้วยครับ หาก"เยี่ยมยอดในยุทธจักรวงการครู"เพื่อผมจะได้ปรับความคิดให้ตรงกับท่านผู้รู้

  ภูมิหลังก่อนวิจารณ์(ไม่ใช่ประจาน)โดยย่อ(ไม่นับปี 2522 - 2537)

1. การสอน

     1.1 สอนสังคมศึกษา (15 วัน) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2538

     1.2 สอนคณิตศาสตร์ ปีการศึกษา 2539

     1.3  สอนวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2540

     1.4  สอนคอมพิวเตอร์ ปีการศึกษา 2541 – 2542

     1.5 สอนภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2542

     1.6 สอนแนะแนว ปีการศึกษา 2543 – 2547

     1.7 สอนศิลปศึกษา ปีการศึกษา 2548 – 2549

     1.8  สอนแนะแนว ปีการศึกษา 2550 –  ปัจจุบัน

 หมายเหตุ -สอนภาษาอังกฤษ ม.3 อยู่ 1 สัปดาห์ ก่อนจะมีคุณครูภาษาอังกฤษย้ายมารับหน้าที่สอนต่อไป

2.  เกียรติบัตร/รางวัล

     2.1 เกียรติบัตรจากกระทรวงฯ ผลงานด้านจริยศึกษาดีเด่น ปี พ.ศ. 2534

     2.2 โล่เกียรติคุณ “หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร” ปี พ.ศ. 2543

     2.3 เกียรติบัตร”คุณธรรม จริยธรรม”ดีเด่น จาก สพท.ปข. เขต 1 ปี พ.ศ.2552

3.  การเป็นวิทยากร

     3.1 ประชาสัมพันธ์ งานประจำปีของวัดนิคมราษฎร์รังสรรค์(ที่ พิเศษ /2535 ลวท. 14 ก.พ. 2535)

     3.2 อบรมคุณธรรมฯ  ณ  โรงเรียนพระแม่มารีประจวบคีรีขันธ์(ที่ 110/2539 ลวท. 15 ก.ค. 2539)

     3.3 อบรมหลักธรรมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในยุคโลกาภิวัตน์  ณ   เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

(ที่ ปข0023/3168 ลวท. 5 ก.ย.  2540)

              ฯลฯ

หมายเหตุ ต้องแสดงคุณสมบัติที่ตัวเองมีก่อน เดี๋ยวจะมีคนออกมากล่าวว่า มีภูมิปัญญาแค่ไหน เที่ยวออกมาวิจารณ์คนอื่นเขา ความรู้แค่หางอึ่ง อย่ามาอวดอ้างสอนผู้รู้..งุงิ..

ก่อนแสดงความเห็น ให้ท่านลองอ่านบันทึกเล็กๆ น้อยๆ ที่เพื่อนครูหลายๆ ท่านมองต่างมุมก่อน ตามภาพข้างล่างนี้ครับ ...อุ..อุ...อย่าแอบเอาไปบอกใครเชียว..เก็บไว้เป็นความลับ      เดี๋ยวเจ้านายจะว่าเอา.....นะจะบอกให้....

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ผมแอบเอามาแสดงให้เห็น  .....อย่างแรงก็มี แต่ไม่เอาเพราะบางท่านอาจรับไม่ได้

ประการที่ 1 "เรามานึกเสียก่อนว่าทำไมกระทรวงฯ(ต่อไปจะใช้คำแทนว่าท่าน เพื่อสะดวกในการพิมพ์)จึงต้องการประเมินครูทั้งระบบ" แน่นอนท่านมีเหตุผลแน่ๆ ผมก็เลยแอบใช้สมองอันฉลาดพอควรนึกหาเหตุผล ชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็พอเห็นสาเหตุว่าต้องเป็นอย่างนี้ คือ

1.   วัดความรู้ของคุณครู

  ท่านให้เราดำเนินการสอนมานานแล้ว และท่านก็ได้รับข้อมูลจากการรายงานทั้งผลการประเมินระดับต่างๆ ผลการทดสอบตามสำนักต่างๆ ผลของความประพฤติของนักเรียนผ่านทางสื่อต่างๆ ฯลฯ ท่านก็เลยเกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าเอ…… ครูมีความรู้ติดตัวเหลือเท่าใด เพราะครูไทยเพียงประเทศเดียวที่แบกรับภาระนักเรียนมากกว่าที่ประเทศอื่นๆ หลายเท่า แถมพ่วงงานจิปาถะอื่นๆอีกเพียบ ก็เลยอยากจะวัดครูดูบ้างว่า มีความรู้ ความเฉลียวฉลาดเพียงใด โดยจัดหาข้อทดสอบกลางๆ มาเป็นตัวชี้วัดด้านความรู้ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์  การประเมินค่า การสังเคราะห์ (ครูเคยเอามาใช้วัดนักเรียน คราวนี้ท่านก็เลยนำเอากลับมาวัดคุณครูบ้าง… นี่หายกันไป… ไม่มีการเสียเปรียบ แหล่มจริงๆ ขอชื่นชม… ขอชื่นชม…….)แต่ว่าผมคิดเองนะครับว่า เอามาวัดผลยากนะครับท่าน เพราะครูทุกท่านที่จบมาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า หากไปบรรจุหรือสอนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล หรือชั้นประถม หรือระดับ มัธยมต้น มัธยมปลาย จะให้ความรู้ยั่งยืนคงทนแบบตกผลึกความรู้ เท่าเดิมก็คงยาก เพราะนานๆ ไป ไม่ค่อยได้ใช้ความรู้จะให้เหลือเท่าเดิมมันก็กระไรอยู่นา..ท่านนา….. คนเรามีการจำการลืม….คงไม่มีใครจำได้หมดทุกเรื่อง คงต้องมีการส่งคืนความรู้บ้างหล่ะครับผม ผู้เขียนเอง จบวิทย์ แต่ประวัติการสอนข้างต้นก็คงจะพอมองออกกระมังว่า ตอนนี้เหมือนเป็ดเลย เป็นได้ทุกเรื่อง แต่ไม่เก่งอะไรสักอย่าง แต่ดีนะพูดอะไรมาข้าฯรู้หมด แต่อดแสดงตน…….งุงิงุงิ…..

2. อยากให้ครูมีมาตรฐาน

    คุณครูมีอยู่ทั่วทั้งประเทศตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ อยู่ในเมืองอยู่ตามป่าเขา บนดอยในดงไม้ใบป่าเบญจพรรณ ท่านก็คงกลัวว่าเดี๋ยวจะสอนคนละเนื้อหา พูดจาคนละภาษาสอน หาเกณฑ์ลงกันไม้ได้อาจเกิดผลเสียกับวงการศึกษาของไทย ท่านก็เลยอยากให้มีการวัดเป็นแบบเดียวกัน ครอบคลุมเนื้อหาสำหรับครูในไทย พูดจาภาษาสอนแบบเดียวกัน นักเรียนจะได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธ์เท่าเทียมกัน คุณครูมีความรู้ตามเนื้อหาสามารถประเมินและตรวจสอบหลักฐานได้เป็นระบบระเบียบยิ่งขึ้น(อีกอย่าง เวลาประเมินออกมา ผลปรากฏตามหลักฐานว่า โรงเรียน…….   มีคุณครูที่มีเก่งจริงๆ  ผู้ปกครองก็จะได้ไม่แห่แหนพาบุตรหลานเข้าแต่โรงเรียน ……..  ทำให้ลดอัตราการฝากเข้าเรียนในโรงเรียนยอดนิยมลงไปได้ เรียกว่ายิงทีเดียวได้สองต่อ ทูอินวัน ด้วยนะ…….  จะบอกให้)

3. อยากให้ครูมีคุณภาพ

       เมื่อผ่านการทดสอบแล้วท่านก็สามารถจะทราบได้ว่าระดับคุณภาพครูเป็นแบบพื้นฐาน  ปานกลาง ครูผู้นำ กลุ่มใดมากหรือน้อยกว่ากัน ซึ่งก็จะทำให้นักเรียนภาคภูมิใจในตัวครูว่ามีภูมิรู้ ภูมิ ธรรม ภูมิฐานสมกับเป็นครู อบรมสั่งสอนศิษย์อย่างมีคุณภาพ(ท่านอุตส่าห์คิดตั้งนาน ตอบสนองท่านบ้างเถอะ อย่าไปค่อนขอดนินทาท่านเลย

      เราผู้น้อย   ต้องคอยก้ม   พนมกร       รู้โอนอ่อน   ย่อมดูงาม ตามวิถี

      ท่านให้ทำ   ก็น้อมนำ ทำให้ดี             สมวจี  ว่าครูไทย  ใจอ่อนเอย…… .

                      (ไม่สามารถบอกที่มาได้ว่าวรรคสุดท้ายใครเป็นคนดัดแปลง…….)

4. สะดวกในการพัฒนาและส่งเสริมครู

  เมื่อผลการสดสอบออกมาแล้ว ทีนี้ท่านก็สามารถใช้ข้อมูล 1 – 3 มาใช้ในการพัฒนาหรือส่งเสริมครู ดังนี้

ครูพื้นฐาน ก็พัฒนาเป็นครูปานกลาง ครูปานกลางก็พัฒนาเป็นครูผู้นำ   ครูผู้นำก็ส่งเสริมให้ดีเลิศเป็นวิทยากร หรือไปศึกษาต่อให้มีความก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้น(แหม…..  ฝันหวานและหรูเลิศจริงๆ ครับท่าน….สนับสนุน สนับสนุน….เอ……  แล้วจะเอาเวลาไหนมาอบรมสั่งสอนลูกศิษย์หล่ะครับ……. แถมเวลาที่จะให้กับครอบครัวจะมีหรือเปล่านี่ …..น่าสงสัย น่าสงสัย)

5. ครูจะได้ใช้เทคโนโลยี

   ต่อยอดจากข้อ 4 ตอนนี้คุณครูต้องเป็นเทคโนโลยีแล้วหล่ะครับ เพราะทั้ง 3  กลุ่มของครูท่านคงไม่เอามาฝึกอบรม สัมมนาตามหน่วยงานราชการหรือโรงแรมต่างๆ เพราะงบประมาณคงไม่น้อยแน่ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมารองรับการพัฒนาครู อาจเป็น internet  โดย มาในรูป ประชุมทางไกล หนังสืออีเลกทรอนิกส์  โต้ตอบจดหมายอีเลกทรอนิกส์ ฯ ดาวโหลดลงมาอ่าน อัพโหลดข้อมูลผ่านไปยังหน่วยงาน จะอ่านและประชุมหรือส่งงานตรงไหนก็ได้ นี่เยี่ยมจริงๆ     (น่าจะทำตั้งนานแล้วนะครับท่าน สนับสนุน……แต่เอ….. คอมพิวเตอร์ของใครกันละหว่า….)

6. สังคมยอมรับความเป็นครูเทียบเท่าสากล

  พูดก็พูดเถอะ ครูไทยแทบจะไม่อยู่ในสายตาของใครหลายคน จริงๆ นะ (ขนาดผมสอนนักเรียน เคยสอบถามเรื่องอาชีพที่นักเรียนใฝ่ฝันในอนาคต   ครูเป็น  1 ใน  1,000  ที่นักเรียนอยากจะเป็นเท่านั้นเอง ครูได้ภูมิใจก็แค่วันครูวันเดียว นอกนั้น ไม่เห็นใครพูดถึงเลย น่าน้อยใจยิ่งนัก….. อุอุ……อย่าร้องไห้)แต่เมื่อผลทดสอบออกมา  เมื่อเป็นเช่นนี้ไซร้ ครูก็สามารถเชิดหน้าชูตาในสังคมอย่างภาคภูมิใจว่า ครูเก่งนะ สอนศิษย์อย่างมีหลักการ มีความก้าวหน้า มีเกียรติจริงๆ แถมเงินวิทยฐานะก็ทำให้ครูอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก

   ประการที่ 2 คราวนี้ผมขอมองมุมต่างของผมบ้าง คงไม่ว่านะครับเพราะเป็นการแสดงความรู้อย่างหนึ่งของครูหนึ่งคนในครูทั้งหมดประมาณสามแสนกว่าคน

1. การวัดความรู้ของครู

ทำไมเราไม่ลองให้ครูสมัครใจหรือตัดสินใจเลือกบ้างละครับ เช่น

     1.1 สมัครใจสอบวัดความรู้(สอบเป็นข้อสอบเป็นข้อๆ โดยกำหนดเนื้อหามาว่า สอบเรื่องอะไรบ้าง)

     1.2 สมัครใจส่งเป็นผลงานทางวิชาการในเรื่องที่สอน(ภาคทฤษฎี)

     1.3 สมัครใจส่งผลงานเรื่องที่สอนภาคปฏิบัติ(ชิ้นงานหรือนวัตกรรม)

    1.4 อื่นๆ เช่น การนำเสนอข้อมูลด้วยตนเอง โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปแบบต่างๆ

     1.5 สมัครใจส่งผลงานด้านการวิจัยทางการศึกษา

2. การมีมาตรฐาน

ให้ครูแต่ละท่านที่ดำเนินการตามวิธีในข้อที่  1 ประเมินผลงานตนเองว่า ผลงานที่ส่งมาพิจารณานั้น ผลงานอยู่ในระดับใด ซึ่งท่านก็สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งคณะ เพื่อประเมินผลงานที่ครูส่งมาว่าเหมาะสมเพียงใด ควรปรับปรุง แก้ไขหรือเพิ่มเติมอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว สะดวกด้วยประการทั้งปวง

3. การมีคุณภาพ

    จากข้อ 2 กรรมการสามารถพิจารณาผลงานของครูแต่ละท่าน(ครู)ว่า มีระดับคุณภาพเป็นอย่างไร โดยใช้เกณฑ์ประเมิน เช่น ความถูกต้องของเนื้อหา ความละเอียดรอบคอบ ความประณีตงดงาม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ฯ

4.การพัฒนาและส่งเสริม

   เป็นของแน่นอนว่า เมื่อครูมีโอกาสนำเสนอผลงานในรูปแบบที่ตนเองถนัดหรือนำเสนอ ย่อมเป็นแรงจูงใจให้ครูแต่ละท่าน(ครู)พัฒนาขีดความสามารถของตนเองให้มากและสูงขึ้น เช่น ครู คศ 2  เป็นครู คศ 3  ครู คศ 3 ก็เป็นครูที่มีระดับสูงขึ้นไปอีกต่อไปจนกว่าหมดเพดานบินนั่นแหละครับ(ไม่ต้องไปกระตุ้นด้วยวิธีอื่นๆ ให้เสียเวลาครับผม)

5. การใช้เทคโนโลยี

  ท่านครับ  ครูยุคนี้ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีก็หมดทางไปแหละครับ เอาง่ายๆ  อี - ออฟฟิศ ก็เข้ามาแทนที่ จะประชาสัมพันธ์ แจ้งข่าวสาร ก็ผ่านทาง อี - ออฟฟิศแล้ว ใช้ไม่เป็นก็จบหล่ะครับผม อย่าห่วงเลย(ว่าแต่ท่านเถอะ ส่งทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีมาให้ครูเขาใช้บ้าง ไม่ใช่ให้ครูลงทุนเอง ถึงจะมีใช้กับเขา)

6. การยอมรับในสังคม

   อะไรก็ตาม เมื่อครูได้ทำด้วยตนเอง  สมัครใจส่งผลงานที่ตนถนัด  ได้รับการพิจารณา มีการสร้างขวัญกำลังใจ ไม่มีนอกหรือในให้กังขา ย่อมเกิดความภาคภูมิใจในเกียรติประวัติของตนเอง  แน่นอนครูย่อมเชิดหน้าชูตาได้อย่างสบายใจ จะทำสิ่งใดก็ไม่เขินอาย เพราะมีผลงานของตนเองที่ทำด้วยฝีมือตนเองเป็นที่ปรากฏครับท่าน

                    ขอบคุณที่ให้ผมได้สอบด้วยวิธีการที่ท่านถนัด แต่ไม่ใช่วิธีที่ผมสบายใจหรือสมัครใจ 

  ผลการประเมินออกมา หลายท่านภาคภูมิใจ ได้เป็น Master Teacher แต่อีกหลายคนกังวลใจ เพราะต้องเข้าไปลงทะเบียน utqonline ก็ไม่ทราบว่า ระบบดีเพียงใด เพราะต่อมาก็ แฮงค์ ตอนนี้ต้องโอนงานไปที่ผู้ดูแลระบบของเขตฯ ครับไม่เป็นไร หลายท่านทำใจได้แล้ว พร้อมเสมอสำหรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนับวันเวลายิ่งน้อยลงในการทำระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพราะต้องมาทำระบบดูแลช่วยเหลือตนเอง(แก้ปัญหาถูกจุดหรือเปล่านี่?)  บ่นเพ้อมาตามประสาคนแก่ รอเวลา...ครับผม

         อ้อ..ขอแถมนิยายเรื่องหนึ่งครับ แต่เป็นกลอนแปด...ลองอ่านดูแล้วได้ความคิดเห็นอย่างไร แจ้งให้ทราบด้วยครับ ขอบพระคุณล่วงหน้า

      มีน้ำใส หนึ่งแก้วตั้ง  วางบนโต๊ะ

      เด็กเห็นโอ๊ะ  นึกน้ำหวาน   ใจสุขศรี

      ขี้เหล้าเห็น  นึกเป็นสุรา   ข้าเปรมปรีดิ์

      ภิกษุ,ชี    มองน้ำนึก  ตรึกพรหมจรรย์

              นักดนตรี  มองน้ำนึก  ตรึกเป็นโน้ต

              ศิลปินโปรด วาดภาพมา  ธาราสวรรค์

              พ่อค้าเห็น  หัวเราะร่า  ตาเป็นมัน

              คว้าน้ำนั้น  ใส่ขวดขาย  ได้สตางค์เอย.

                       จบแล้วครับ..นึกเอาเอง..คำตอบตามอัธยาศัยครับผม  

 

 

หมายเลขบันทึก: 336431เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2010 12:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีครับ มุมต่างที่ดีมากครับ

สวัสดีค่ะท่าน..ขึ้นต้นก็มองมุมต่างคงจะมีอะไรมากกว่านี้นะคะ..รอด้วยใจจดจ่อค่ะ

เนื่องจากครูเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เขาสามารถจะกระทำต่อได้เป็นสิ่งแรกมั้งครับ

มาให้กำลังใจ "มองมุมต่าง ไม่ใช่มองต่างมุม" คะ

สวัสดีครับท่าน.

มองมุมนี้ดีมากนะ..

จากมิตรภาพ...

วณพ.

30 มิ.ย. 2553

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท