เรื่องของผม ภาค 4 (จบ)


เรื่องของผม ภาค 4

            จบจากค่ายก็เป็นช่วงเวลาเปิดเทอม เทอมสอง มี งานลอยกระทง ชมรมก็ขายของกันเหมือนเดิม อาทิ ข้าวไข่เจียว ไอติมหลอด และน้ำอัดลม มีการแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย แต่ส่วนมากก็มีแต่หน้าเดิมๆมาเตรียมของกัน ตกเย็นมาก็ตั้งร้านแล้ว หุงข้าวและเตรียมของกันที่ชมรม ผมจะมาช่วยทุกวัน แต่บางวันก็แทบไม่มีใครจะมาช่วยพวกผมเตรียมของ แต่ตกค่ำๆคนจะมาเยอะ ก็ขายกันทุกวัน สนุกดี ปีนั้นได้ล็อกไม่ดีแต่ก็พอขายได้ บรรยากาศก็เหมือนปีที่ผ่านๆมา วันสุดท้ายวันลอยจริงบางคนก็ลอยเดี่ยว บางคนก็ลอยคู่ บางคนก็ลอยเป็นหมู่คณะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเราต่างก็ลอยกันเป็นขโยง ซึ่งยกกันไปลอยกระทงเหมือนเดิมทุกปี

            ช่วงนั้นผมเริ่มเร่งทำโปรเจค เพราะกลัวมันจะไม่เสร็จ แต่ก็ยังชิวๆ ยังว่างอยู่ดี จบค่ายตุลาไปแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มต้นของค่ายวันเด็ก ค่ายนี้น้องแหม่มเป็นประธานค่าย ได้ตกลงกันว่าจะไปจัดค่ายสามวันสองคืน เพราะค่ายก่อนๆไปแค่วันเดียว น้องๆยังสนุกสนานกันไม่พอ ผมก็โอเคสามวันต้องมันส์กว่าวันเดียวแน่นอน ค่ายนี้ผมไม่ได้เป็นคณะกรรมการเพราะอยากเห็นน้องๆได้ทำงานกันเองบ้าง เริ่มแรกก็ได้ไปเซอร์เวย์ คุยกันว่าจะไปหาโรงเรียนแถวๆ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ตอนแรกได้โรงเรียนแล้ว แต่โรงเรียนนั้นค่อนข้างปัญหาเยอะ เลยย้ายโรงเรียนมาเป็นโรงเรียนบ้านทับสูง ครั้งนี้ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเซอร์เวย์กันเหมือนเดิม ผมว่าเป็นอะไรที่สนุกที่ได้เดินทาง โดยเฉพาะไปเซอร์เวย์ และยิ่งได้บรรยากาศถ้าไปโดยรถมอเตอร์ไซค์ แต่ก็ควรขับโดยระมัดระวังอย่าประมาทเพราะมันอันตรายจริงๆ


            ค่ายนี้ผมได้แต่ดูน้องๆทำค่ายกันเอง มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ที่ได้เห็นน้องๆทำงานกันเป็นโดยที่ไม่มีรุ่นพี่คอยบอกกล่าว หรือบอกกล่าวกันน้อยมาก พี่ๆ อาจจะสอนไม่ดีแต่น้องทำงานดีก็ดีมากแล้ว ใจหนึ่งก็อุ่นใจแล้วว่าน้องๆเริ่มทำงานกันเป็น ชมรมก้าวเดินต่อไปได้แน่ๆ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดถึงและใจหายที่ตัวเองใกล้จะจบเต็มที

            ผมได้ไปเตรียมค่ายวันเด็กและพาน้องไปฝึกงาน (เตรียมค่าย) กันหลายคน ตอนเย็นเกิดปัญหารถไม่พอ แต่น้องๆ ก็สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีทีเดียว ค่ายวันเด็กเราจัดเพื่อมอบความสนุกสนานให้เด็ก แต่ชาวค่ายก็ยังได้รับความสนุกสนานกันไปด้วย จบค่ายลงด้วยดี เด็กๆติดใจจนไม่อยากให้พี่ๆกลับ

            และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องหาประธานชมรมคนใหม่ น้องๆที่เข้ามามีหลายคน และแล้วปรากฏว่าจากการโหวดได้น้องเก๋งเป็นประธานค่าย และน้องคนอื่นๆ ก็เป็นคณะกรรมการชมรมไป

            จบค่ายวันเด็กก็เริ่มค่ายซัมเมอร์ ช่วงนั้นใกล้จะปิดเทอม โปรเจคผมก็เร่งทำทุกวัน จวนจะเสร็จ ค่ายนี้น้องนวยเป็นประธานค่าย ได้โรงเรียนที่อำเภอบ่อไร่ จ.ตราด ไปสร้างห้องพยาบาล ซึ่งค่ายนี้จะเป็นค่ายสุดท้ายในชีวิตมหาลัยของผม ผมอยากเป็นคณะกรรมการค่ายทิ้งทวน เลยสมัครเป็นฝ่ายอาหาร

    ซึ่งข่าวนี้ได้ยินมานานแล้วแต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาจะทุบตอนไหน พี่กองกิจบอกให้ย้ายของออกไปไว้ห้องกระจกใต้แคนทีน ผมเองก็สะเทือนใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เขาทุบเลยเพราะมันผูกพันกับสถานที่แห่งนี้อย่างมากๆ แต่ก็ต้องจำใจย้าย ขนของทุกสิ่งทุกอย่างจากชมรมไปเก็บไว้ห้องกระจก           ใกล้ๆปิดเทอมซัมเมอร์ได้ยินข่าวมาว่าเขาจะทุบชมรมแล้วสร้างอาคารใหม่จากชมรมที่เคยมีของเยอะๆ รกๆ ตอนนั้นดูสะอาดมาก ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ทำให้ผมหดหู่ใจเป็นอันมาก แต่ขนของไปได้สักสามสี่วัน ข้าวของก็เริ่มกลับมาเรื่อยๆ เพราะพวกผมและคนในชมรมมากันทุกวัน และยังคงใช้ประชุมกันอยู่ กะว่าจะอยู่จนนาทีสุดท้ายกันเลย

            ไม่รู้ว่าเป็นอาเพศหรืออาถรรพ์ ผมอยู่ค่ายซัมเมอร์ไม่ครบเจ็ดวันอีกแล้ว เนื่องจากติดสอบโปรเจค ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของชีวิตในมหาลัยเช่นกัน ไปค่ายได้สองวันก็ต้องเดินทางกลับมาสอบอีกสองวัน สอบเสร็จก็เดินทางกลับค่ายซึ่งเหลืออีกสามวัน ก็ยังดียังได้อยู่ค่ายในวันสันทนาการและเปิดใจ ค่ายนี้ก็ถือว่าโอเค ประธานนวยและน้องๆทำได้ดีทีเดียว ถึงตอนนั้นผมเองก็วางใจที่เห็นน้องๆต่างก็ทำงานกันดี พอจบค่าย ผมก็จบการศึกษาด้วยเหมือนกัน

             จบค่ายซัมเมอร์ก็เป็นช่วงที่ผมเคลียร์ทุกอย่าง ย้ายของจากหอเดิม คืนของทำโปรเจค ส่งเล่มแดง ปลดหนี้ ฯลฯ รวมระยะเวลากว่ามหาลัยจุอนุมัติจบก็ปาเข้าไปเดือนมิถุนาเปิดเทอมพอดี ผมก็ได้หางานทำ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ ก็ยังดีที่ผมทำธุรกิจอยู่ตัวหนึ่ง ทำให้มีตังค์กินข้าวไม่ต้องขอตังค์ที่บ้าน

            ในช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ ชมรมก็ยังอยู่เพราะเขายังไม่มาทุบ แต่ช่วงนั้นเงียบมาก แทบไม่มีใครที่จะมาชมรม อาจเพราะเข้าใจว่าเขาทุบแล้ว หรือปิดเทอมกลับบ้านกันหมดก็ไม่รู้ แต่บางวันก็มีคนมา ผมก็ขี่รถผ่านและแวะทุกวัน ไปนั่งเล่นคอมบ้าง นั่งเล่นกีต้าร์บ้าง กินข้าวบ้าง กินเหล้ากันบ้าง(บางครั้ง) และข้าวของชมรมที่เคยย้ายไปก็ค่อยๆทยอยกลับมาเรื่อยๆ จนถึงเปิดเทอม คนก็มาเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมก็นึกไปเองอีกว่า เขาคงไม่ทุบแล้วมั้ง ก็เลยมาชมรมกันทุกวัน เอาคอมมานั่งเล่น เอากีต้าร์มาเล่น ทำกับข้าวกินกัน บางวันก็ไปตกปลา


            พูดถึงเรื่องตกปลาแล้วก็อดพูดถึงไม่ได้ มันไม่ได้เริ่มตอนที่ผมใกล้จบ แต่มันเริ่มตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่ง ซึ่งโครงการนี้ไอ้ต้าได้ริเริ่มขึ้นมา โดยตระเวนตกกันที่สระน้ำทั่วมอ มีกระผม ไอ้คม ไอ้อัว ซึ่งอยู่หอเดียวกันเป็นแนวร่วมด้วย ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน โดนยามมาไล่ในบางครั้ง พอขึ้นปีสอง สาม สี่ ก็ตกกันเรื่อยๆ ในที่สุดวิชาตกปลาเลี้ยงชีพก็ได้ตกสู่รุ่นน้องในชมรมต่อไป

            ช่วงเปิดเทอมใหม่ๆผมก็ยังไม่ไปไหน ยังหางานไม่ได้ เที่ยวเตร็ดเตร่อยู่แถวๆชมรม น้องๆ ประชุมกันบางครั้งผมก็เข้าไปดูด้วย ผ่านเปิดโลกกิจกรรมไป ตอนนั้นผมรู้สึกไปเองว่าน้องๆไม่ค่อยสามัคคีกันเลย ไม่อยากจะทำกัน และเหมือนมีใครมาบังคับให้ทำ ไปถึงค่ายเพื่อนใหม่ น้องๆก็ยังใช้ชมรมเป็นที่ประชุม ค่ายนี้น้องโบ๊ทเป็นประธานค่าย ไปกันที่โรงเรียนบ้านคลองสอง อำเภอแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ค่ายนี้ผมไปได้เต็มค่าย สามคืนสองวัน บรรยากาศก็โอเคสนุกสนานดี จบค่ายก็เร็ว ชมรมก็ยังไม่โดนทุบ พวกผมก็พากันมาทำกิจกรรมทุกวันที่ชมรม


            ผ่านค่ายเพื่อนใหม่น้องๆใหม่ก็พากันมาชมรม จนกระทั่งถึงเริ่มค่ายตุลา ค่ายนี้น้องแพรวเป็นประธานค่าย กะว่าจะไปที่ จ.จันทบุรี ตอนไปเซอร์เวย์ผมก็อยากจะไปกับเขาด้วย เลยขออาศัยเบียดเสียดไปกับน้องๆ โดยรถน้องโอ สนุกดี เหมือนไปเที่ยวแบบลุยๆ ไปเซอร์เวย์กันสองรอบ ได้โรงเรียนบ้านสามสิบพัฒนา อ.โป่งน้ำร้อน จันทบุรี

            จนกระทั่งใกล้ๆวันรับปริญญาประมาณกลางเดือนกันยา พี่กองกิจบอกให้ขนย้ายของออกจากชมรมให้หมด เพราะเขาจะทุบแล้ว คราวนี้ดูท่าทางเอาจริง ทุบจริงๆแน่ๆ พวกเราชาวอาสาก็ขนของออกในวันนั้น และยังได้อยู่ต่อกันสามสี่วัน บางคนก็เขียนอักษรและวาดรูปใส่กำแพงชมรมไว้ บางคนก็ทำป้ายความในใจมาแขวนต้นไม้หน้าชมรม พวกผมก็ยังมาชมรม ยังตกปลาทำมาหากินกันแทบทุกวัน มันจะมีโต๊ะหินหน้าชมรมไว้ให้นั่งเล่น ไม่ว่าจะเล่นหมากรุกหมากฮ๊ฮต นั่งมองสาว นั่งกินปลา นั่งคุยกัน หรือทำกิจกรรมต่างๆ จนหลังวันรับปริญญาคนงานเริ่มมารื้อกระเบื้องฝั่งชมรมมุสลิม เริ่มทุบกำแพง ถอดหน้าต่าง และก็เริ่มมารื้อฝั่งชมรม พวกผมก็ยังไม่วายที่จะตกปลากินกัน ขนาดชมรมถูกรื้อหลังคา รื้อประตูหน้าต่างแล้วก็ยังมาย่างปลากินกันที่ม้าหินหน้าชมรม มืดๆอย่างนั้น วันนั้นคงเป็นวันสุดท้ายจริงๆที่ผมได้มาชมรม


            วันต่อๆมาเขาก็เริ่มรื้อไปเรื่อยๆ ทุบกำแพง ทุบพื้น จนกระทั่งไม่มีร่องรอยของอาคารอะไรเหลืออยู่เลย กระผมผ่านมาเห็นก็รู้สึกเศร้าทันที ชมรมเราที่ผมเคยนั่ง เคยนอน เคยอยู่ เคยรัก เคยผูกพัน เคยเถียงกัน เคยหลบแดด หลบฝน โดดเรียน โดดเล่น โดดกลับบ้าน เคยสนุก เคยทำอะไรกิน เคยควงกระบอง เคยเตะบอล เคยตีแบ็ต ซ่อมรถ ทำโปรเจค เคยหัวเราะ เคยร้องให้ ฯลฯ บัดนี้เหลืออยู่แต่ในความทรงจำและรูปถ่ายเท่านั้น นับเป็นเวลานานเหมือนกัน ประมาณสี่ปีที่ผมได้เข้ามาที่นี่ มีเรื่องราวเกิดขึ้นที่นี่มากมาย ที่นี่เปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองจริงๆ เป็นบ้านที่อบอุ่นและผมก็ยังคิดถึงมันอยู่ บางทีก็อยากย้อนเวลากลับไปตอนที่ผมยังทำค่ายกันอยู่ เพราะช่วงเวลานั้นผมว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด แต่ยังไงเมื่อถึงเวลา บางอย่างก็ต้องแปรเปลี่ยนไป ชมรมอยู่ได้เพราะมีคนอย่างพวกเรานี้ อุดมการณ์และความเสียสละของพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆ ไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้โดนทุบไปกับชมรมด้วย แต่มันคงอยู่ในใจของพวกเราทุกคน เมื่อชมรมหลังใหม่สร้างเสร็จ เราก็จะมีเรื่องเล่าขานให้น้องๆรุ่นใหม่ๆฟัง ถึงเรื่องราวของชมรมหลังเก่า และทุกคนจะสามารถเล่าได้ เพราะมันจะคงอยู่กับความทรงจำของทุกคนตลอดไป


                                                    คิดถึงเลยนึกถึง               สักวันหนึ่งคงกลับไป

                                        กลับได้แต่ในใจ                            ภาพสดใสและชัดเจน

                                        วันวานยังหวานอยู่           เคยรับรู้และมองเห็น

                                        เก่าไปใหม่มาเป็น                        ภาพที่เห็นคงเลือนราง

                                                    เหลือแต่ความทรงจำ       ภาพซ้ำซ้ำไม่เคยจาง

                            เรื่องเล่าเริ่มก่อสร้าง                    จากเส้นทางที่เคยเดิน

หมายเลขบันทึก: 332133เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2010 23:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เก่าไปใหม่มามันเป็นสัจจะธรรม

แต่ที่ชมรมอาสา...

คนเก่าๆไม่ค่อยอยากจะไปเพราะยังอยากดูคนใหม่ๆที่จะเข้ามา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท