จากการประเมินของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชี้แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ว่าจะอยู่ในช่วงขาลงต่อไป โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อภายในประเทศซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันเศรษฐกิจที่สำคัญลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากราคาสินค้าสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนประหยัดกันมากขึ้น ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าจากวิกฤตราคาน้ำมันจะทำให้แนวโน้มครึ่งปีหลังไปจนถึงต้นปีหน้า ประชาชนในประเทศอาจต้องเผชิญกับภาวะการว่างงานเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวจาก 2% ในปัจจุบันไปอยู่ที่ประมาณ 3 – 4 %
สำหรับการลงทุนในไตรมาส 3 นั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนคาดว่าจะ มีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยางพาราที่ราคายางยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงขึ้น เนื่องจากความต้อง การใช้ยางพาราในตลาดโลกยังคงมีอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมประเภทบริการและสาธารณูปโภคทรงตัว/ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่เริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่เป็นตัวแปร คือสถานการณ์ความไม่สงบ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การขาดแคลนแรงงานและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบต่อการลงทุนทั้งสิ้น กรณีรัฐบาลได้กำหนดมาตราการระยะสั้นในการฟื้นเศรษฐกิจซึ่งได้แก่
1. การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 5%
2. ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้คนงาน
3. จัดเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุที่ยากไร้
4. เพิ่มเงินให้ผู้ทำงานภาครัฐ หรือ อสม.
5. จัดส่งเสริมอาชีพพิเศษแก่กลุ่มแม่บ้านในหมู่บ้าน
6. จัดงบฯ เอสเอ็มแอลให้หมู่บ้าน
7. เจรจาสหรัฐ – ยุโรป คืนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรให้สินค้ากุ้งจากไทย
8. เพิ่มราคาสินค้าการเกษตร รักษาราคายางพารา
9. ขยายตลาดโอทอปทั้งในและต่างประเทศ
นั้นอาจทำให้ประชาชนมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ จากมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดภาวะการมีงานทำมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ได้
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Mr. PONGCHOTE SAINGAM ใน labour chumphon
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก