กำลังคิดจะเพิ่มส่วนข้อมูลเกี่ยวกับ สื่อการสอน ในเว็บไซด์ MS-PCARE เครือข่าย Palliative Care ในโรงเรียนแพทย์ เกี่ยวกับ หนังสือ ที่เกี่ยวข้องกับคนไข้ระยะสุดท้าย
ก็คิดถึงหนังสือเล่มข้างบนนี้
กำลังคิดจะเข้าร่วม กิจกรรม : แลกเปลี่ยนความรู้ผ่าน "หนังสือ" แทนความรักแด่ครอบครัว
ก็คิดถึงหนังสือเล่มข้างบนนี้
ผมได้หนังสือเล่มนี้จากคุณหวาน..วีรมลล์ จันทรดี นักสังคมสงเคราะห์โรงพยาบาลจุฬาฯ ที่ร่วมทำงานในเครือข่ายฯ ตั้งแต่ตอนปลายปีที่แล้ว
ตอนเห็นชื่อหนังสือครั้งแรก ความจริงรู้สึกไม่ค่อยถูกใจเท่าไร ในใจคิดว่า เอาอีกแล้ว.. ตั้งชื่อเกาะกระแส เอา พระพุทธเจ้า มาเป็นจุดขาย เหมือนหนังสือหลายๆเล่มที่ขายดีหรือเป็นชนวนขัดแย้งในอดีต อีกแล้ว
แต่พอเปิดอ่าน แล้วก็วางไม่ลง อ่านรวดเดียวจบ แบบเลยเวลานอนแล้ว ก็ต้องขออ่านให้จบ
หนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องที่ คุณแม่ ซึ่งก็คือ ผู้เขียน เขียนถึงลูกชายคนโต น้องโย่ง..วีรภัทร์ อัครดำรงเวช ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งในทรวงอกระยะสุดท้าย ตลอดช่วงเวลาไม่ถึงปี ตั้งแต่รู้ว่าเป็นมะเร็ง จนกระทั่งน้องเขาจากไปในอ้อมกอดของตนเอง เมื่อปลายเดือน กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในวัยเพียง ๒๒ ปี
คุณแม่ซึ่งเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่นักเขียนอะไร แต่สามารถสื่อสารความรู้สึกของความเป็น แม่ ได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องมีภาษาที่สละสลวยอันใดเลย ได้บรรยายถึงการดูแลลูกชายคนนี้ตลอดช่วงที่เจ็บหนัก มีหลายๆเรื่องตั้งแต่การดูแลอาการต่างๆไปจนกระทั่งสิ่งที่เป็นประเด็นหลักของหนังสือ คือ การเตรียมตัวทางปัญญาหรือจิตวิญญาณ ตามแก่นของพุทธศาสนา
ผมคงต้องย้ำกว่า เป็นแก่นของพระพุทธศาสนาจริงๆ ไม่ใช่เปลือกอย่างที่กำลังเป็นกระแสมาแรงเหลือเกินในขณะนี้
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ความคิด ความรู้สึกของคุณแม่เองตลอดเวลาที่ดูแลลูกคนนี้อย่างดีที่สุด..เป็นครั้งสุดท้าย ผมขออนุญาตนำข้อความในหนังสือเล่นนี้ตอนเกือบจะท้ายๆของเล่ม มาลงให้อ่านกันนะครับ
เป็นช่วงที่ผมอ่านแล้วสะดุด แล้วน้ำตาไหลพรากเลยทีเดียว
ฉันไม่กล้าอธิษฐานว่า ขอให้เราได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันใหม่ แม้ตอนลูกมีชีวิตอยู่ เราสองคนแม่ลูกก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยประโยคนี้ออกมาเพื่อแลกเปลี่ยน หรือเป็นการแสดงความรักต่อกัน เพราะฉันเชื่อและบอกกับลูกว่า
"ความผูกพันพ่อแม่ลูก น่าจะยุติโดยภพชาติ ดวงจิตของลูกจะได้ไม่ต้องมากังวลหรือผูกติดกับครอบครัว แม่ต้องการให้ลูกจากไปสู่สุขคติได้อย่างวางใจอันเป็นที่สุดนะลูก"
ความรักของแม่ที่บริสุทธิ์ ไม่มีเงื่อนไข ไม่ได้คิดถึงตนเองก่อน แต่คิดถึงสิ่งดีที่ดีสุดสำหรับลูกอันเป็นที่รัก
ขอให้ดวงวิญญาณของน้องโย่งได้ไปสู่สุขคติตามความปรารถนาของคุณแม่
ขอคารวะ ความเป็นแม่ของคุณหทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ สามารถนำมาใช้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ในการเรียนการสอนการดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย โดยเฉพาะในประเด็น
ข้อควรระวัง: ไม่ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ในที่สาธารณะ
จากข้อควรระวัง ผมเดาว่า น่าจะเศร้ามากใช่มัยครับ ระวังน้ำตาลูกผู้ชายร่วงหล่นในพื้นที่สาธารณะ
ขอบคุณค่ะ...ครูนกจะหาไปฉบับเต็มมาอ่านค่ะ..เคยอ่านที่มีผู้โพสต์เป็นตอนๆไว้ในเว็ปไซด์...กระดาษของหนังสือเล่มนี้หนาจะเปียกชื้นก่อนจะอ่านจบค่ะ
เรื่องน่าสนใจจังค่ะ ยิ่งอาจารย์หมอ เกริ่นๆ แล้วยิ่งชวนอ่าน
เมื่อวันก่อนปูอ่านเรื่องความรักของพ่อ (เป็นใบ้) ที่มีต่อลูกสาว อ่านไปซึ้งไป แล้วก็อดไม่ไหว ต่อมน้ำตาตื้นอีกตามเคย ;)
สงสัยว่าเรื่องนี้ความรักของแม่ คงจะเศร้าอย่างแรงใช่ไหมคะ
เป็นชื่อเรื่องน่าอ่านค่ะ อยากอ่านค่ะ
อ่านแล้วย้อนกลับมาดูตัวเองค่ะ เราพร้อมหรือยัง ถ้าต้องดูแลคนใกล้ชิด
คุณหวาน.. วีรมลล์ จันทรดี
ภาควิชาผม อาจารย์กระแตส่งมาให้อ่านแล้ว
ดีจริงๆครับอาจารย์
เรียน อาจารย์หมอ นพ.เต็มศักดิ์ ที่นับถือ
สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ค่ะ คุณแม่ของน้องวีรภัทร์ ต้องขอบคุณ คุณหมอมากนะคะที่กรุณาให้กำลังใจ
ทุกตัวอักษรเขียนด้วยน้ำตาค่ะ ตอนพิมพ์ก็พิมพ์ไปร้องไห้ไป เพราะการที่ต้องมาพิมพ์เป็นตัวหนังสือเล่าเรื่องเป็นเล่มเหมือนกับเราต้องมาตอกย้ำความเจ็บปปวดอีกครั้ง แต่ครูบาอาจารย์บอกทำเถอะนะเพื่อเป็นธรรมทาน ว่าคำสอนของพระพุทธองค์ก็เป็นธรรมโอสถได้เหมือนกัน เป็นยารักษาใจไงล่ะ เอาก็เอาน้องจะได้กุศลไปด้วย ก็เลยทำ และผลรับที่ได้ก็น่าชื่นใจ มีผู้สนใจเยอะมาก
คุณหมอยุวเรศที่รพ.รามา ก็ได้กรุณาติดต่อมาเพราะท่านดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคองอยู่ค่ะ ดิฉันก็ได้ส่งหนังสือไปให้คุณหมอแจกคนไข้ค่ะ ตอนนี้พิมพ์จำหน่ายแล้วค่ะมีที่ซีเอ็ดบุคทุกสาขา ที่อัมรินทร์ ที่ดอกหญ้าก็มีนะคะ แต่เปลี่ยนปกเป็นดอกบัวสีชมพูค่ะ
รายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วทำบุญหมดค่ะ ถ้าคุณหมอต้องการให้คนไข้ ติดต่อมานะคะยินดีค่ะ
หทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย
เรียน คุณหมอเติมศักดิ์ ที่นับถือ
ยินดีบริจาคให้ทางโรงพยาบาลเป็นวิทยาทานค่ะ กรุณาแจ้งที่อยู่ให้ทราบด้วยนะคะ จำนวนด้วยก็ดีค่ะจะได้รีบจัดส่งให้
หรือมีวิธีใดที่สะดวกในการรับหนังสือคะ กรุณาแจ้งให้ทราบด้วยนะคะ จะเข้ามาเยี่ยมใหม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ หทัยภรณ์
หทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย
เรียน คุณหทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย
- ดิฉันเป็นพยาบาลที่ อ.เต็มศักดิ์ กล่าวถึงค่ะ เป็นผู้รับผิดชอบงานด้าน palliative care ของฝ่ายบริการพยาบาล รพ.สงขลานครินทร์
- ก่อนอื่นขอชื่นชมและซาบซึ้งในความรักของคุณแม่ที่มอบให้แก่น้องโย่ง และพลังความรักของคุณแม่นี้ยังเผื่อแผ่แก่สังคมตลอดจนผู้ป่วย โดยพยาบาลขออนุญาตเป็นผู้รับมอบพลังนี้เพื่อถ่ายทอดสู่กลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว แม้อาจจะทำไม่ได้ดีเท่าคุณแม่ แต่เชื่อว่าด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น ศรัทธา อดทน อดกลั้น คงจะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในระดับหนึ่ง
- จำนวนหนังสือที่ต้องการเพื่อมอบให้แก่บุคลากรของหอผู้ป่วยที่มีผู้ป่วยกลุ่ม palliative care คือ 40 เล่ม หากไม่เป็การรบกวนจนเกินไป อยากจะขออนุญาตให้คุณแม่ช่วยเซ็นต์มอบหนังสือนี้ที่ปกในด้วยนะคะ เพื่อความมีคุณค่าของหนังสือนี้แก่พวกเราค่ะ ( หากมีจำนวนไม่ถึง ก็ไม่เป็นไรนะคะ ดิฉันค่อยไปซื้อจากร้านเพิ่มได้ค่ะ)
- วิธีการส่ง หากไม่รังเกียจ ใคร่ขออนุญาตทราบเบอร์มือถือของคุณแม่นะคะ เพื่อจะขอช่วยเพื่อนไปรับมอบหนังสือแทน จะได้ไม่เป็นการรบกวนคุณแม่จนเกินไปค่ะ มือถือของดิฉัน 086 - 6945591
- ขอขอบพระคุณ คุณแม่แทนพยาบาลและผู้ป่วยด้วยนะคะ ขออนิสงค์ผลบุญส่งผลให้น้องโย่งไปสู่สุคติและคุณแม่พบแต่ความสุขความเจริญนะคะ
จุฑารัตน์ เกียรติศิริโรจน์
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ หาดใหญ่ 90110
เรียน คุณหมอเต็มศักดิ์ ที่นับถือ
ดิฉันได้ส่งหนังสือให้คุณหมอตามจำนวนที่ขอมา 40 เล่มแล้วนะคะ ให้คุณหมอไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยระยะประคับประคอง และผู้ดูแลผู้ป่วยค่ะ ขณะนี้หนังสือเล่มนี้มีวางจำหน่ายแล้ว แต่ปกเปลี่ยนเป็นดอกบัวสีชมพูค่ะ ได้จดลิขสิทธิ์การพิมพ์เรียบร้อยแล้วค่ะ
ขอบพระคุณคุณหมอค่ะ
หทัยภรณ์
หทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย
ครูอ้อยเล็กมารับหนังสือ...และจะไม่อ่านในที่สาธารณะตามคำเตือนค่ะ....
เรียน อาจารย์หมอ นพ.เต็มศักดิ์ ที่นับถือ
สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ค่ะ คุณแม่ของน้องวีรภัทร์ ต้องขอบคุณ คุณหมอมากนะคะที่กรุณาให้กำลังใจ
ทุกตัวอักษรเขียนด้วยน้ำตาค่ะ ตอนพิมพ์ก็พิมพ์ไปร้องไห้ไป เพราะการที่ต้องมาพิมพ์เป็นตัวหนังสือเล่าเรื่องเป็นเล่มเหมือนกับเราต้องมาตอกย้ำความเจ็บปปวดอีกครั้ง แต่ครูบาอาจารย์บอกทำเถอะนะเพื่อเป็นธรรมทาน ว่าคำสอนของพระพุทธองค์ก็เป็นธรรมโอสถได้เหมือนกัน เป็นยารักษาใจไงล่ะ เอาก็เอาน้องจะได้กุศลไปด้วย ก็เลยทำ และผลรับที่ได้ก็น่าชื่นใจ มีผู้สนใจเยอะมาก
คุณหมอยุวเรศที่รพ.รามา ก็ได้กรุณาติดต่อมาเพราะท่านดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคองอยู่ค่ะ ดิฉันก็ได้ส่งหนังสือไปให้คุณหมอแจกคนไข้ค่ะ ตอนนี้พิมพ์จำหน่ายแล้วค่ะมีที่ซีเอ็ดบุคทุกสาขา ที่อัมรินทร์ ที่ดอกหญ้าก็มีนะคะ แต่เปลี่ยนปกเป็นดอกบัวสีชมพูค่ะ
รายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วทำบุญหมดค่ะ ถ้าคุณหมอต้องการให้คนไข้ ติดต่อมานะคะยินดีค่ะ
แม่น้องโย่งยังมีจิตใจอยากช่วยผู้อื่นอีกด้วย..อนุโมทนาสาธุค่ะ...
มาทักทายท่านอาจารย์หมอเต็ม แบบสบายๆ ค่ะ ภารกิจคงยุ่งหลาย เป็นกำลังใจค่ะ
ได้รับหนังสือแล้วค่ะท่านอาจารย์..เชื่อแล้วกับคำเตือนที่ว่า..
ข้อควรระวัง: ไม่ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ในที่สาธารณะ
ตอนนี้กำลังเลือกอ่านตรงบทที่ว่า"น้ำตาลูกผู้ชาย รินหลั่งครั้งแรก" สะเทือนใจมาก "หม่าหม้าครับ ลูกอยากเลี้ยงดูหม่าหม้า ตอนที่หม่าหม้าแก่เฒ่า ทำไมลูกอายุแค่นี้เอง ต้องเป็นโรคนี้ด้วย"
น้ำตาร่วงแล้ว..ได้สัมผัสเนื้อหาของหนังสือโโยตรงแล้ว..ขอบคุณ...คุณแม่หทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย..ด้วยใจจริงมากๆเลยค่ะ..อ่านแล้วทำให้คิดอะไรๆได้หลายอย่างมากมายซึ่งล้วนเป็นจริงทั้งสิ้น..
ชอบปกหลังด้วยค่ะ..
หทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย
ก็วันคุ้มครองโลกที่ผ่านมา เช้าๆ ยังแจ่มใสเลยนะคะอาจารย์ กะว่าจะร่ายรสพจนา ลั่นกลอนว่าด้วยรักเรา รักษ์โลกซะ มาเจอเหตุการณ์สีลม ลมขึ้นจึงหมดอารมณ์ไปก่อน ;)
.... เจ้าเพื่อนยังมาบอกว่า ก็วันคุ้มครองโลกนิ ไม่ใช่วันคุ้มครองไทยซะหน่อย แหม เป็นงั้นไป น่าซะ
ช่วงนี้บ้านเราร้อนๆๆ มากจริงๆนะคะ ขนาดลงไปทำงานที่เกาะพีพี เจอร้อนแบบงงๆ ... ขอบคุณค่ะอาจารย์หมอ .. จะรอคลายร้อน ด้วยภาพ และเรื่องราวต่างแดน ค่ะ ;)
สวัสดีค่ะ
เรียนคุณ หทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย
ดิฉันก็เป็นแม่คนหนึ่งเหมือนกันที่ถูกโรคร้ายพรากลูกไปจากอกเมื่อ 6 เดือนก่อน หลังจากที่ได้อ่านหนังสือของคุณเพียงไม่กี่บทตอนก็เข้าใจความรู้สึกเพราะดิฉันก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณ ดิฉันเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายตามเพราะทำใจไม่ได้ ถึงแม้เราจะรู้ว่าต้องทำใจก็ตามที ทุกวันนี้ต้องอยู่กับความทรมานกับความรู้สึกที่มันไม่มีใครเข้าใจ ทุกคนคิดว่าเราเก่งมากที่ยังยิ้มได้ แม้ต้องเสียลูกไป แต่ว่าไม่มีใครเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วเราผู้เป็นแม่ต้องทนอยู่กับปวดร้าวที่มันลบออกจากใจไม่ได้ และไม่มีวันที่จะลบมันออกจากใจ ดิฉันเก็บความรู้สึกนี้ไว้เพียงคนเดียวไม่อยากบอกให้คนรอบข้างรู้กลัวเค้าจะเป็นทุกข์ใจไปด้วย แค่นี้ก่อนนะคะ....