10วิธีดูแลสมอง


10วิธีดูแลสมอง

10วิธีดูแลสมอง

              ปลายฝนต้นหนาว หมอกจางๆเริ่มปรากฎให้เห็นยามเช้าและยามเย็น เชียงรายแดนศิวิไลซ์กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ฤดูกาลท่องเที่ยวเชียงรายของชาวเมืองริมน้ำกกำลังจะมาเยือน “สุดปฐพี” ขอเชิญชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ มาดูแลสมอง เพื่อสองมือจะได้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก้าวหน้าไปไกลมาก วิวัฒนาการใหม่ ๆ เข้ามามีส่วนช่วยให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น แต่การที่คนเราสะดวกสบายมากขึ้น ส่งผลให้เราใช้สมองน้อยลงและพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น แต่สมองนั้นเหมือนมีดที่ยิ่งลับยิ่งคม ยิ่งไม่ได้ใช้ยิ่งทื่อ เราจึงควรหาวิธีดูแลสมองของเราให้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา

             1.กินเพื่อสมองดี "กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น" คนส่วนใหญ่มักจะละเลยอาหารเช้า เพราะความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน การกินอาหารเช้านั้นจะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น อีกทั้ง ยังช่วยในเรื่องภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เนื่องจากอดอาหารมาตลอดคืน หากใครที่กินอาหารเช้าเป็นประจำก็จะทำให้ความจำดีขึ้น อย่างไรก็ตามควรเลือกกินอาหารที่ดี และงดอาหารขยะอย่างเด็ดขาด

             2.คิดเพื่อสมองดี ลองสังเกตว่าวันไหนที่เราตื่นขึ้นตอนเช้า แล้วรู้สึกว่าอารมณ์ดี วันนั้นเราจะรู้สึกดีไปตลอดวัน แต่ถ้าวันไหนเรารู้สึกเบื่อ ๆ หรือเจอเรื่องแย่ ๆ แต่เช้า ความรู้สึกนี้ก็จะติดตัวไปตลอดทั้งวัน ฉะนั้น คิดถึงแต่เรื่องดี ๆ ส่วนเรื่องร้าย ๆ ก็ลืมมันซะ
            
            3.พักผ่อนหันหาอากาศบริสุทธิ์ การพักผ่อนหย่อนใจหลังจากทำงานหนัก ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะสมองจะได้พักผ่อนจากเรื่องสำคัญมาก ๆ และเรื่องราวความเครียดต่าง ๆ ที่ต้องเจออยู่เป็นประจำ ในหนึ่งปี ควรหาที่พักตากอากาศแบบ สบาย ๆ เงียบสงบ ให้สมองได้พักผ่อน รวมทั้งหาอากาศที่ปราศจากมลพิษ เพื่อเติมพลังให้สมอง

           4.เรียนรู้สิ่งใหม่ การพัฒนาสมองให้ได้ผลดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ พยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา จะได้พัฒนาสมอง เช่น เทคโนโลยีใหม่ ๆ เรื่องราวการแพทย์ใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งเมนูอาหารอร่อย ๆ ที่คุณไม่เคยลอง

           5.เขียนหนังสือด้วยมือที่ไม่ถนัด การเขียนถือเป็นการพัฒนาสมองได้เหมือนกัน เพราะสมองซีกซ้ายของเรานั้นเป็นส่วนบังคับการเขียน หากใครที่ถนัดมือไหนอยู่ ก็ให้หัดลองใช้มืออีกข้างเขียนหนังสือ หรือวาดภาพ เพื่อให้สมองได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติม และยังมีส่วนช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นด้วย

           6.ยิ้มไว้โลกจะแตกก็ยิ้มไว้ เวลาที่เราทำอะไรก็ตาม หากเรายิ้มคนรอบข้างก็จะได้รับทราบถึงความรู้สึกดีๆ ของเรา แต่ควรจะยิ้มจากภายใน ไม่ต้องฝืน เพราะแววตาของรอยยิ้มนั้นหลอกกันไม่ได้

           7.หายใจช่วยให้สมองใส การหายใจอย่างถูกวิธี มีส่วนช่วยพัฒนาสมองให้ได้ผลดีมากทีเดียว เพราะสมองของเรานั้นใช้ออกซิเจนมากถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดที่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากเรารู้จักหายใจ เข้า-ออก ช้า ๆ ลึก ๆ เพียงแค่วันละ 15 นาที จะทำให้สมองได้รับพลังงานอย่างเต็มเปี่ยม

          8.เข้านอนแต่หัวค่ำ ภายในร่างกายคนเรามีนาฬิกาชีวภาพอยู่ ดังนั้นหากเราเข้านอนในช่วงเวลาที่ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนิน ก็จะทำให้ร่ายกายและสมองได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่

          9.นั่งสมาธิจิตมีพลัง การนั่งสมาธิ จะส่งผลให้สมองเกิดความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการที่ดีออกมา ทำให้สามารถแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างสร้างสรรค์

        10.เสริมวิตามินกินไขมันดี กินไขมันดี หรือที่เราเรียก โอเมก้า 3 เพื่อเข้าไปทดแทนส่วนของสมองที่เป็นในไขมันที่สึกหรอไป นอกจากนี้ยังมีวิตามินบำรุงสมองอื่น ๆ อีก เช่น สารสกัดจากใบแปะก๊วย วิตามินบี1 บี6 บี12 น้ำมันพริมโรสที่ช่วยให้เซลล์ชุ่มน้ำและวิตามินซีที่ทำให้กระปรี้กระเปร่า

คำสำคัญ (Tags): #สมอง#สุดปฐพี
หมายเลขบันทึก: 331202เขียนเมื่อ 26 มกราคม 2010 15:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

แวะเข้ามาพัฒนาสมองค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ

ตามครูอ้อย มา พัฒนาสมอง คนใกล้ เกษียณ ครับ ดีมากมาก ท่าน

เรียนครูอ้อย และรศ.นพ.จิตเจริญ

ผมอ่านเจอเลยนำมาฝากนะครับ แหมๆๆๆคำชื่นชมของท่านอาจารย์ทั้งสอง ทำให้ผมมีกำลังใจอ่านหนังสือเพื่อลดความเสี่ยงให้ตนเองมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

ขอขอบคุณพี่ชายครับที่เอา

บทความดี ๆ มาแบ่งปันกันครับ

จะต้องไปฝึกปฏิบัติเยอะ ๆ แล้วครับ

เคยอ่ายเรื่องการฝึกสมองซีกขวาด้วยครับ(เกี่ยวกับศิลปะ อารมณ์ จินตนาการ) เค้าว่าให้เอามือซ้ายทำงานเยอะ เช่น เขียนหนังสือ ฟอกสบู่ ทานข้าว อะไรที่เคยใช้ขวาทำ ให้ลองเปลี่ยนมาใช้ซ้ายทำ ต้องลอง ๆ ซะแล้วครับ

ขอบคุณครับพี่ชาย

ทองพันช่าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท