ในช่วงวัยรุ่นตอนปลายนักเรียนจะชอบแสดงออกถึงความสามารถของตนเองต่อที่สาธารณะดังนั้นการเปิดโอกาสให้จะเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์
"พิธีกร...กับทีมงานเบื้องหลัง"
ในที่สุดวันที่พวกเรารอคอยก็มาถึง...คือคาบปกครองวันศุกร์ที่ผ่านมาเพราะการแสดงของห้องม.5/1 ได้ถูกเลื่อนจาก 8 มกราคมมาเรื่อยๆ ครูนกเห็นเด็กๆซ้อมแล้วซ้อมอีกแต่ยังไม่ได้แสดงกันเลยก็สงสารนะค่ะ....เพราะเตรียมการกันมายาวนานแล้ว โดยที่ครูนกกับครูติ๊กที่ปรึกษาของนักเรียนทำหน้าที่แค่ส่งกำลังใจ ทุกอย่างนักเรียนจัดการเองหมดเลย และทุกอย่างก็ดูจะเก็บเป็นความลับไว้สำหรับกลุ่มเด็กๆ หน้าที่ของครูที่ปรึกษาคือเตรียมกล้องถ่ายรูป และไปนั่งให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ
เมื่อพิธีกรมืออาชีพของห้องออกมากล่าวแนะนำชุดการแสดง...ครูถึงทราบว่านักเรียนจะแสดงเรื่อง จำเลยรัก งานนี้ชวนติดตามแล้วสิค่ะว่าทำไมต้องจำเลยรัก ซึ่งนักเรียนใช้โครงเรื่องเดิมคือ คือมีพี่น้องสองสาวชื่อศันสนีย์ กับโศรยา ซึ่งทำให้ผู้ชายอกหักถึงขั้นฆ่าตัวตาย แล้วพี่ชายก็มาแก้แค้นโดยวางแผนลักพาตัวศันสนีย์ แต่ได้ตัวโศรยาไป ต่อมาทราบภายหลังว่าไม่ใช่ก็ได้ไปแสร้งทำเป็นรักศันสนีย์ แต่มาสู่ขอโศรยา...ทำให้เกิดความผิดหวัง และความสมหวังคละๆกันไป นักเรียนเขียนบทได้กระชับมากในเวลาประมาณสามสิบนาทีแสดงได้ถึงจุดสำคัญๆ จุดเด่นของการแสดงชุดนี้คือ ผู้แสดงที่อยู่เบื้องหน้าตัวเด่นเป็นผู้ชายหมด มีแต่เจ้ายุ้ยสาวพนักงานขายเป็นสาวแท้ และต้องชื่นชมผู้ที่แสดงเป็นพระเอกของเรื่อง...เพราะเป็นนักแสดงมือสำรองเนื่องจากพระเอกตัวจริงคือพี่เกมส์ไม่สบายเป็นหวัดไม่สามารถมาโรงเรียนได้ทำให้เจ้าพลชต้องทำหน้าที่แทนในเวลาจำกัดแต่นักเรียนสามารถแก้ปัญหาได้ และทุกคนแสดงออกอย่างเต็มที่น่าชื่นชมในสไตล์ของนักเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์
"พระเอกของเรื่อง...กับนายใบ้"
"คุณศันสนีย์กับแฟนหนุ่มรูปงาม....มีพนักงานขายสาวแท้อยู่ด้านหลัง"
"วันนี้คุณศันสนีย์สวยมาก"
"นางเอกกับผู้ดูแล...นายใบ้"
"พระเอกและนางเอกเข้าใจกันได้..."
อีกจุดหนึ่งคือเบื้องหลังของละครเรื่องนี้กลายเป็นสาวๆ ของห้องโดยเฉพาะเรื่องฉาก...นักเรียนใช้ฉากประกอบ 4 ฉากซึ่งเป็นฉากที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมนานพอสมควรและต้องมาเหนื่อยกับการยืนถือฉากด้วยพลังของสาวๆ ครูนกเริ่มเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนของผู้หญิงห้องเราแล้วละว่าต่อไปต้องเป็นนักวางแผน และผู้จัดการประสานที่ต้องอยู่เบื้องหลังมากกว่าเบื้องหน้า
พิธีการออกปิดท้ายการแสดงว่า ละครเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การแก้ปัญหาต้องใช้สติและความอดทน ถ้าใช้อามารณ์จะเกิดความเสียหายและความทุกข์ดังละครที่แสดงไป
งานนี้สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือของนักเรียนภายในห้องซึ่งครูนอยากให้เป็นภาพแบบนี้ตลอดไป เพราะอีกไม่กี่เดือนเด็กๆ ที่ครูนกดูแลจะกลายเป็นพี่ม. 6 ที่ต้องเตรียมเส้นทางเดินสู่สายอาชีพอย่างชัดเจน ตลอดจนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่น้องๆ ทั้งในด้านการเรียน พฤติกรรม และการแสดงออกในโรงเรียนครูภาวนาให้นักเรียนรักษาความดีไว้ได้ดังเกลือรักษาความเค็ม