ทั้งนี้หลักสูตรดังกล่าวประกอบด้วยการให้ข้อมูลความรู้เพื่อการพัฒนาสหกรณ์แท็กซี่และสามล้อเครื่อง
ในประเด็น “ สถานการณ์สังคมเมืองไทยในปัจจุบัน “ โดยเภสัชกร
สงกรานต์ ภาคโชคดี
ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าเป็นผู้นำเสนอ
อันดับต่อไปคือการเสวนาบทบาทของแท็กซี่และสามล้อเครื่องต่อการช่วยเหลือสังคมไทย
นำการเสวนาโดย นายแพทย์พรหมมินทร์ กัณธิยะ
ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ
ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ณ์เมาแล้วขับมาบอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองแก่ผู้เข้าร่วมการในครั้งนี้
ส
ำหรับกิจกรรมสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ถือว่าช่วยสร้างความสมานฉันท์ให้แก่ทุกฝ่า
ยได้เป็นอย่างดีก็คือ
กิจกรรมสันทนาการตลอดจนการเข้าฐานผจญภัยที่สนุกสนานทว่าแฝงไว้ด้วยสาระของกา
รร่วมแรงร่วมใจจากการสร้างสรรค์โดยทีม stop drink
และต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์บุคคลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในครั้งนี้…
………………………………………………………………………………………………..
สัมภาษณ์ เภสัชกร สงกรานต์ ภาคโชคดี
ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า
ถ าม…ในฐานะของผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า
มองถึงความร่วมมือระหว่างสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและภาคีสหกรณ์แท็กซ
ี่ –
สามล้อเครื่องเกี่ยวกับการรณรงค์ต่อต้านแอลกอฮอล์อย่างไรบ้าง
ต อบ…คิดว่าเครือข่ายพลังของคนที่ขับรถสาธารณะเหล่านี้
เป็นพลังที่มีคุณค่ามากในฐานะที่ต้องสัมผัสกับผู้โดยสารหลากหลายทั่วไป
แน่นอนว่าตัวผู้ขับขี่เองคงต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร
โดยการรักษาสุขภาวะของตัวเอง อย่างน้อยก็เรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับคนที่ขับรถอยู่แล้ว
เราจะไม่พูดแค่ว่าเมาไม่ขับเท่านั้น
แต่เราอยากให้ผู้ขับขี่ทุกคนนั้นถ้าดื่มแล้วก็ต้องไม่ขับ
อันนี้จะเป็นหลักประกันอย่างน้อยเรื่องอุบัติเหตุว่าจะไม่เกิดขึ้น
หรือโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยลงก็เป็นที่คาดหวังอยู่แล้วของผู้โดยสาร
แต่ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ก็มักจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้โดยสารอยู่แล้ว
ฉะนั้นถ้าเค้าได้ทราบข้อมูลอะไรดีๆ
ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลจากเครือข่ายองค์กรงดเหล้าหรือภาพรวมเรื่องสุขภาวะทั้งห
ลายก็น่าจะเป็นข้อมูลที่เค้าจะได้นำไปสื่อสารกับผู้โดยสารอย่างมีคุณค่า
ดังนั้นคนที่ขึ้นรถแล้วก็ไม่เพียงแต่ได้รับความปลอดภัยเท่านั้นแต่ยังได้รับ
รู้ข้อมูลที่ดีๆ อันนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ถาม…ทางด้านสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจะสนับสนุนสิ่งใดบ้างให้กับสหกรณ์แท็กซี่
– สามล้อเครื่องในการขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้
ต อบ…อย่างน้อยเราก็คงมีสื่อและข้อมูลดีๆ
อันที่จริงเราอยากจะทำมากกว่านั้น
คือเราอยากจะทำให้เครือข่ายนี้เข้มแข็งขึ้น
ซึ่งก็จะต้องมีการพูดคุยกันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีใครบ้าง
และจะช่วยกันสร้างให้เค้าเกิดองค์กรที่เข้มแข็งมีพลังเพื่อจะทำงานเพื่อสังค
มได้อย่างไร ซึ่งก็รวมทั้งความสมัครใจของเค้า สวัสดิภาพ
สวัสดิการของเค้าซึ่งก็ควรจะมีความมั่นคงพอสมควรด้วย เ
ค้าถึงจะมีพลังและมีกำลังใจ
เรียกว่าทุกฝ่ายก็คงต้องช่วยกันทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข
คิดว่าคงจะต้องสนับสนุนกันหลายๆ ด้าน สำหรับการมาพบ
กันในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก่อนถึงความต้องการของเค้าว่า
อยากจะทำอะไรให้สังคม
ต่อไปอาจจะมีการประชุมใหญ่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายๆ องค์กร
รวมทั้งสื่อสารมวลชนซึ่งจะเป็นส่วนที่เผยแพร่เรื่องดีๆ
อันนี้ก็จะได้คิดกันทั้งภาพใหญ่ว่าจะทำให้เกิดพลังโดยรวมของชาวผู้ที่ขับรถส
าธารณะทั้งหลายเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างไร
น่าจะได้เกิดพลังที่สร้างสรรค์อย่างกว้างขวางมากขึ้น
ถาม…หมายความว่างานนี้คือจิตอาสาใช่หรือไม่
ตอบ…ครับ ท ั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราสร้างสุขภาวะ
คือตัวเค้าเองถ้าไม่มีเรื่องที่ทำลายสติทำลายสุขภาพแล้ว
เค้าเองก็มีความสุข
ซึ่งความสุขที่ได้ทำงานเสียสละนั้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้
การหาความสุขจากการเป็นผู้ให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นก็เป็นความสุข
ที่ทุกคนทำได้
……………………………………………………………………………………………………
สัมภาษณ์ คุณชาญ รูปสม ผู้ประสานงานพื้นที่
สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ( แอลดีไอ. )
ถาม…มองบทบาทของแท็กซี่และสามล้อเครื่องในเรื่องบทบาทการรณรงค์ลดแอลกอฮอล์อย่างไรบ้าง
ต อบ…คือผู้ขับขี่รถโดยสารจะได้พบผู้คนมากมายในแต่ละวัน
ซึ่งการที่จะชวนผู้โดยสารพูดคุยเราก็สามารถเปิดประเด็นหรือนำเนื้อหาเกี่ยวก
ับการต่อต้านแอลกอฮอล์สอดแทรกเข้าไปได้ค่อนข้างดี
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพิษภัย รวมถึงสาเหตุของปัญหาต่างๆ
ในชีวิตประจำวันที่มาจากแอลกอฮอล์
กับอีกอันหนึ่งก็คือเรื่องของความปลอดภัย
เนื่องจากแท็กซี่และสามล้อนั้นในแต่ละวันมีวิ่งเป็นหลายหมื่นคัน
อย่างน้อยก็ประมาณสองถึงสามหมื่น
เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นจุดหนึ่ง ถ
้าจะมีซักยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซ็ฯต์ของรถโดยสารทั้งหมดที่เข้าร่วมก็ถือว่า
ค่อนข้างมากในการร่วมสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องเมืองน่าอยู่ในการที่จะช่วยเ
หลือซึ่งกันและกัน และก็รวมถึงเรื่องการเฝ้าระวังในเชิงของความปลอดภัย
เช่น อาจจะไปเห็นเหตุการณ์ผิดสังเกตตรงไหน อย่างไร
ก็สามารถที่จะรายงานกระจายข่าวสารถึงกัน
คิดว่าขณะนี้รถโดยสารเหล่านี้มีบทบาทมากในการผนึกกำลังหรือดูแลกัน
ถ้าทำแบบนี้ได้กรุงเทพก็จะน่าอยู่ ความปลอดภัยมันก็จะเกิด
อย่างพวกเราเองก็ใช้บริการรถโดยสารเยอะมาก พอดึกๆ
หน่อยก็ไม่ต้องวิตกว่าจะเจอรถที่ไม่น่าไว้วางใจหรือเปล่า
ถาม…มองแนวทางหหรือวิธีการรณรงค์เรื่องนี้ให้เป็นจริงได้ในกลุ่มของแท็กซี่
– สามล้ออย่างไร เพราะนี่คืองานจิตอาสาล้วนๆ
ซึ่งอาจจะมีคนท้วงติงขึ้นมาว่างานนี้ไม่มีค่าตอบแทน
มันควรจะต้องมีปัจจัยแวดล้อมอย่างไรในการปลุกใจให้กลุ่มเป้าหมายอยากจะลุกขึ
้นมาช่วยกันสร้างสรรค์สังคม
ต อบ…ตรงนี้ต้องดูว่าเราเห็นความสำคัญ
เห็นถึงพลังของพวกเค้าหรือเปล่า
ถ้าเราเห็นสิ่งเหล่านี้เราก็จะมาผนึกกำลังกันในการสร้างบรรยากาศโดยใช้รถโดย
สารมาเป็นพระเอกในการสื่อสารต่อสังคม ขณะเดียวกันหน่วยงานต่างๆ
ที่จะเข้าร่วมกันก็คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่จะทำให้ความคาดหวังของเรานั้นเป็น
ไปได้ อีกอันหนึ่งก็คือเรื่องของการให้คุณค่า อ ย่างเช่น
หลายๆ
ครั้งมีแท็กซี่ที่บ่นว่าพอข่าวไม่ดีเกี่ยวกับแท็กซี่ทำไมดูเยอะมาก
แต่ข่าวดีๆ กับถูกสื่อออกไปน้อย
กับอีกส่วนก็คือเรื่องคุณค่าของอาชีพแท็กซี่เอง ณ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาชีพนี้เป็นงานที่ไม่มั่นคง ใครก็เข้ามาขับได้
ต่อไปควรจะมีการยกระดับให้อาชีพแท็กซี่เป็นวิชาชีพหนึ่งที่มีความสำคัญ
นี่คือสิ่งที่ต้องช่วยกันเสริมสร้างว่าเราจะพัฒนาคนทำอาชีพนี้ให้เกิดความภา
คภูมิใจในเกียรติในศักดิ์ศรีซึ่งเป็นงานที่มีบทบาทในการช่วยเหลือสังคมต่อไป
…………………………………………………………………………………………………..
สัมภาษณ์ นายแพทย์พรหมมินทร์ กัณธิยะ
ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ
ถาม…สถานการณ์ทางด้านอุบัติเหตุที่มาจากแอลกอฮอล์ของสังคมไทยในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ตอบ…ถ้าพูดถึงภาพรวมในสภาพที่เรียกว่าปกติ
สังคมไทยก็มีการเกิดอุบัติเหตุอยู่เป็นระยะ ค
่าเฉลี่ยคนไทยมีการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตชั่วโมงละ 2 ราย
จากที่เราประมวลตัวเลขพบว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุเกิน 70
เปอร์เซ็นต์ มาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนที่จะมาขับขี่รถ
ในภาพรวมแล้วถือว่าสูงแต่เมื่อเทียบกับเทศกาลต่างๆ
อันนี้ถือว่ายิ่งสูงไปกันใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่สำคัญ อ
ย่างปีใหม่หรือสงกรานต์ ตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บค่อนข้างสูง
จากการทำงานมาระยะหนึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็ลดลงเรื่อยๆ
แต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ ในภาพของเทศกาลต่างๆ
ปัญหาที่เราคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องของการบริโภคเครื่องดื่มมึนเมาแล
้วก็ไปขับขี่
เ ราทำการวิเคราะห์ตัวเลขตลอดทั้งสองสามปีที่ผ่านมา
ปัญหาของการขับรถเร็วกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัญหาที่มาเป็นอั
นดับต้นๆ
ปัญหาการขับรถเร็วนั้นก็สืบเนื่องมาจากการที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
การบริโภคเรื่องดื่มแอลกอฮอลืแล้วไปขับขับขี่ยานพาหนะแล้วเกิดอุบัติเหตุเสี
ยชีวิตนั้นเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง คือหมายความว่า
เมื่อมีคนประสบอุบัติเหตุ 10 ราย 7 รายนี่ใช่เลย
ตรงนี้ถ้าถามว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร
คิดว่าแนวโน้มมีหลายองค์ประกอบที่มีความสำคัญมาก ต
อนนี้นโยบายรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย รวมถึงทุกกระทรวงที่ทำงานด้านนี้เค้าก็ให้ความสำคัญ
มาตรการต่างๆ
ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ทำให้ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุถูกนำมาใช้
มาตรการ 5 อี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย
เรื่องการปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อม เรื่องการให้ความรู้อะไรต่างๆ
ก็ถูกดำเนินงานอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันที่ทำอยู่ตอนนี้ก็คือ
สสส.
ได้มีแนวนโยบายที่จะช่วยผลักดันให้ชุมชนในท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วม
ถ ้าถามว่าแนวโน้มเป็นยังไง แนวโน้มของคนทำงานป้องกันนั้น
มีแนวโน้มว่าจะมีภาคีแนวร่วมมากขึ้น
แต่ถามว่าปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นอย่างไรในอนาคต
ผมมองว่ายังมีอุปสรรคอยู่ค่อนข้างมาก
เนื่องจากนโยบายรัฐบาลในส่วนหนึ่งเน้นการป้องกันก็จริง แ
ต่ว่านโยบายในการควบคุมและการป้องกันการบริโภคยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ยิ่งตอนนี้ภาคธุรกิจมีความเข้มแข็ง เช่น
การผลิตก็มีขนาดมีพรรคพวกมากขึ้น
มีโรงงานขนาดใหญ่และความพยายามที่จะแทรกเอาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข
้าสู่ทุกวาระโอกาสทางสังคม
จนกระทั่งตอนนี้เราพบว่างานประเพณีไทยจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบ
ทำให้เราได้ประเพณีที่มีเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด
ไม่ว่าจะขึ้นบ้านใหม่ งานศพ เหล่านี้…น่าเป็นห่วง ถ
้าจะแก้ที่ต้นเหตุจริงๆ
เราก็จะต้องช่วยกันให้ประเพณีไทยปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หรือว่ามีแอลกอฮอล์เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดหรือไม่มีได้ยิ่งดี
และจะทำให้อุบัติเหตุในภาพรวมมันลดลงมีความยั่งยืนและมีความต่อเนื่อง
……………………………………………………………………………………………………..
สัมภาษณ์ คุณภัทรพันธ์ กฤษณา
อาสาสมัครมูลนิธิเมาไม่ขับ เ
หยื่อจากอุบัติเหตุกรณีคนเมาขับรถสิบล้อ
เข้ามาพุ่งชนรถคันที่คุณภัทรพันธ์โดยสารอยู่ เมื่อ 17 ปีก่อน ส่งผลให้
ปัจจุบันต้องเป็นผู้พิการอัมพาตครึ่งตัวท่อนล่าง
ถ าม…ภายหลังจากได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุในระยะแรกๆ
ได้มีความคาดหวังต่อสังคมไทยเกี่ยวกับมาตรการป้องกันอุบัติภัยบนท้องถนนที่เ
กิดจากกรณีเมาแล้วขับรถอย่างไรบ้างหรือไม่
ต อบ…ในช่วง 13 ปีแรก
ผมไม่เคยคิดถึงมาตรการของรัฐบาลในเรื่องอุบัติเหตุจราจร
เพราะขนาดตัวเราเองประสบอุบัติเหตุ ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องของโชคลาง
จนมีโอกาสได้มาทำงานร่วมกับทางมูลนิธิเมาไม่ขับ
ถึงได้ย้อนกลับไปดูอดีตที่ผ่านมา
คือระหว่างที่พิการอยู่ก็มีเพื่อนฝูงมารับไปเที่ยวประจำแล้วเค้ากินเหล้าเมา
ก็ยังนั่งรถไปกับเค้า
โดยไม่ได้คิดถึงผลกระทบหรือว่าภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น
พอมาทำงานถึงได้รู้ว่าจริงๆ
แล้วอุบัติเหตุหรือที่เราพิการมันมีสาเหตุเพราะว่าเป็นอุบัติเหตุทางการจราจ
รแล้วก็มีปัจจัยแทรกหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของถนน
ที่เราต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกับคนที่เมาแล้วขับ
ตอนนี้ก็เลยเริ่มที่จะหันมามองแล้วก็ได้ไปรวบรวมเพื่อนๆ
พี่น้องที่พิการจากอุบัติเหตุจราจรเหมือนกัน
พยายามมองให้ถึงปัญหาต่างๆ แล้วก็มาตรการแก้ไขของรัฐบาล
คือพอมาทำงานถึงได้คาดหวังว่ารัฐบาลน่าจะมีมาตรการอะไรที่เข้มงวดในเรื่องขอ
งการบังคับใช้กฎหมายซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดในการที่จะป้องกันการเกิดอุบ
ัติเหตุ เช่น การเพิ่มบทลงโทษคนเมาแล้วขับ
การได้มาซึ่งใบขับขี่ให้มันยากขึ้น
เนื่องจากถ้าได้มาง่ายจะยึดไปก็ไม่ใช่ปัญหา
ถ้ามันได้มายากเย็นกว่าจะสอบได้หรือกว่าจะผ่านขั้นตอนกระบวนการต่างๆ
ก็ทำให้คนที่ขับขี่เกรงกลัวการถูกยึดใบขับขี่มากขึ้น
อันนี้ก็อยู่ที่เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย การสร้างกระแส
การรณรงค์ ซ ึ่งอย่างที่ตัวผมเองเจอผมเองไม่เคยคิดถึงตรงนี้
พอผมได้มาเจอกระแสการรณรงค์
หรือการได้เข้ามาร่วมงานถึงได้ฉุกคิดว่าจริงๆ
แล้วเราพิการมันเพราะอุบัติเหตุ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจคิดถึงเรื่องการป้องกัน
ถ าม…มองว่าปัจจุบันมาตรการต่างๆ
เกี่ยวกับการร่วมแรงร่วมใจผนึกกำลังของภาครัฐและเอกชน
ตลอดจนการดูแลและป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนหรือไม่
อย่างไร
ตอบ…การที่มีโอกาสได้ทำงานตรงนี้มานานพอสมควรคือประมาณ 6 – 7 ปี
ก็ต้องยอมรับว่าประมาณ 4 – 5 ปีหลังมานี่เรามีการตื่นตัวมากขึ้น
องค์กรภาคีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนเห็นความสำคัญตรงนี้
แล้วก็พยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นกระแสโดยชี้ว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ก
ับทุกคนและทุกเวลา สำคัญที่สุดคือเท่าที่เรายังพบเห็นอยู่
คนที่ใช้รถใช้ถนนโดยทั่วไปยังคิดว่าอุบัติเหตุทางจราจรหรือการเมาแล้วขับไม่
ได้เป็นเรื่องของทุกๆ คนในสังคม แต่เป็นเรื่องของคนใดคนหนึ่ง
บางคนคิดว่าตัวเองอาจจะไม่เกิดเพราะไม่เคยดื่มเหล้าขับรถไปดีๆ
ตามกฎจราจร ก็ไม่น่าจะพิการหรือต้องเสียชีวิตจากเรื่องนี้ แต่จริงๆ
แล้วถ้าเรายังไม่ตื่นตัวด้วยกันทั้งหมดทั้งสังคม
โดยการทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของทุกคน
เพราะว่าถ้าเรายังปล่อยให้คนที่ไม่มีความรับผิดชอบเรื่องการใช้รถใช้ถนนมาใช
้ถนนร่วมกับเราอยู่โอกาสที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตหรือพิการมันก็มี
ได้ตลอดเวลา
อันนี้ก็ถือว่ามันเป็นเรื่องของการร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชนที่ตื่นตัวอ
ย่างมากทำให้สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างดีขึ้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดก็ยังติดขัดเรื่องของการออกกฎหมายและการบังคั
บใช้ซึ่งบางอย่างมองเป็นเรื่องยากกว่าจะผ่านกระบวนการต่างๆ
มันก็เลยทำให้มันยังช้าอยู่ ดังนั้นอะไรที่ทำได้ก็ควรทำก่อน
ถาม…กำลังใจในการดำเนินชีวิตมาจากไหน
ต อบ…ต้องสร้างจากตัวเอง แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนฝูง
แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าการมีกำลังใจของเรา
เราต้องสร้างจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายของตัวเราเองว่าเราจะทำอะไร
สำหรับผมได้มีโอกาสมาร่วมงานตรงนี้ได้ทำเพื่อสังคมก็รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่
าแทนที่จะถูกมองว่าเป็นภาระต่อสังคมหรือเป็นภาระต่อคนในครอบครัว
ก็ถือว่าเรามีคุณค่าในชีวิตมากขึ้นที่จะได้ออกมาทำประโยชน์ให้สังคมทำให้มีก
ำลังใจ เมื่องานที่เราทำมันบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
……………………………………………………………………………………………………..
ที่มา :: http://www.stopdrink.com/webboard/public/view.php?id=249
ไม่มีความเห็น