สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมกลับบ้านเกิดเพื่อร่วมงานศพลุง เยี่ยมแม่ น้องๆ และพบปะญาติ น้องชายผมเล่าเรื่องลูกชายเขาให้ฟังเรื่องหนึ่ง ฟังแล้วทำให้ผมชื่นชมโรงเรียนที่หลานเรียนอยู่ โรงเรียนนี้ทั้งผมและน้องชายผมเคยเรียนเมื่อครั้งเรายังเด็ก
เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายของเขาที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ถูกครูจับได้ว่าแอบดูโน๊ตในห้องสอบ ครูที่คุมสอบรายงานเรื่องนี้ต่อโรงเรียน โรงเรียนลงโทษด้วยการอบรมแล้วให้ทำงานขุดดินขุดหลุมปลูกต้นไม้ในบริเวณโรงเรียน ซึ่งเขาก็ยอมรับโทษนั้นโดยดี
ก่อนที่เขาจะเล่าว่าโรงเรียนลงโทษอย่างไรนั้น ผมคิดไปถึงเรื่องการเฆี่ยนตี การภาคทัณฑ์ อะไรไปโน่น แต่นี่เป็นการลงโทษในแบบที่ผมซึ่งห่างไกลโรงเรียนในระดับขั้นพื้นฐานมานาน คิดไม่ถึง
ผมชื่นชมการลงโทษในลักษณะนี้ เพราะเป็นการลงโทษโดยใช้เมตตาธรรม ไม่มีการทำร้ายร่างกาย อบรมแล้วให้ใช้แรงงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถูกลงโทษด้วย คือได้ออกกำลัง ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม ขณะเดียวกันโรงเรียนก็ได้ประโยชน์จากการได้ต้นไม้ภายในบริเวณโรงเรียนเพิ่มขึ้น
นั้นคือ win - win กันทั้งผู้ลงโทษและผู้ถูกลงโทษ แล้วก็ยังชนะใจพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย
สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์
20 ม.ค.53
การสร้างความเข้าใจ คือ ทางออกดีกว่าการทำโทษโดยไร้เหตุผลที่ดีครับ
ขอบคุณบันทึกดีๆครับ
เกือบลืม การลงโทษที่อาตมาพูดถึงคือ "การลงโทษด้วยเมตตาแบบปัญญา" ไ่ม่ใช่ "การลงโทษด้วยเมตตาแบบอวิชชา"
มาเรียนรู้ นำเข้าสู่ใจ ไปปฏิบัติต่อครับท่านอาจารย์
ขอบพระคุณครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นข้างต้นทั้งหมดครับ โดยเฉพาะของท่าน ธรรมหรรษา ที่ว่า "การลงโทษด้วยเมตตาแบบปัญญา" ไม่ใช่ "การลงโทษด้วยเมตตาแบบอวิชชา"