วิ่งย้อนกลับมาที่กรุงเทพมหานคร เมืองแห่งเทคโนโลยีวิชาการอันทันสมัย การเรียนรู้ตัวอย่าง การ Implement KM ในองค์กร เป็นอีกฉากหนึ่งของ รวมมิตร KM ปฏิบัติ ชุดนี้
เป็นความกรุณาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่จัดเวทีนี้
และทีมงานจาก สคส. ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
พร้อมคุณอุรพิณ ชูเกาะทวด ที่หอบหิ้วผู้เขียนไปเรียนรู้
KM ปฏิบัติ
การเข้าสังเกตการณ์ ...
-
การจัดอบรม KM บรรยาย โดย ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด
-
การทำ Workshop การเล่าเรื่อง ที่เรียกว่า Knowledge Cafe
สาระประเด็นที่สกัดได้ จาก Knowledge Cafe เป็นข้อมูลของหน่วยงานอยู่แล้วจึงขอมอง องค์ประกอบอื่นๆ ดังนี้
o เป็นลักษณะการเล่าเรื่องซ้อนแบบสดๆ 2 รอบ
o ซ้อนรอบที่ 1 ในความเห็นผุ้เขียน ได้สิ่งที่ดีออกมา มุมมองน่าสนใจ
o ซ้อนรอบที่ 2 เริ่มเกิดภาวะเกมโซน คือ ความชัดเจนเที่ยงตรงของการสื่อสาร ต้องเน้นเรื่องสมาธิการฟัง และศิลปะการถ่ายทอดของประธาน
o ทั้งนี้ขึ้นกับภูมิความรู้เดิมของผู้เล่าเรื่องซ้อน ที่ต้องเลือกเฉพาะประเด็นที่ตนเองมีประสบการณ์ ซึ่งอาจจะกลายเป็นการระดมความคิดเห็นได้เหมือนกัน - การ Present แผนงาน KM ของหน่วยงานที่จัดการอบรม เพื่อผลักดัน KM ให้สำเร็จ
- การทำ Workshopด้าน IT เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการคลังความรู้
ทำให้ได้เรียนรู้ ส่วนหนึ่งของวิธีการ Implement KM ที่ค่อนข้างหลากหลายชวนให้ประมวลความคิด...
ผู้เขียนได้แลกเปลี่ยนความรู้กับคุณอุรพิณ ในช่วงเวลานี้ด้วย
ผู้เขียนมอง
เรื่องบรรยากาศที่ทำให้คนอยากเรียนรู้...
- บรรยากาศการพูดคุย
ปกติจะเริ่มคลี่คลายถ้ามีผู้เริ่มเปิดใจคุย
คนอาจเปิดใจได้ด้วยการพูดหัวข้อปัญหา แต่ไม่ตกหลุมความท้อแท้
โดยปลุกพาไปสู่การคิด การเล่า สิ่งที่ดีแบบสบายๆโดยอัตโนมัติ
คือสิ่งที่ค้นพบในเวทีนี้
-
ที่เวทีวิทยุชุมชน
เขามีปัญหาแต่ไม่ได้พูด จึงยากที่เปิดใจเล่าเรื่องดีๆ
ผู้เขียนมองว่าแป็น Key Success Factor
ตัวหนึ่ง ในกระบวนการ KM
เพราะช่วง AAR
ผู้เขียนไม่ยอมให้สมาชิกพาออกนอกประเด็น เช่น การกล่าวโทษกัน
แต่เปิดโอกาสให้ไปคุยเรื่องนี้ในโอกาสอื่น เขาฟังเข้าใจและทำ
AAR ต่อได้
ไม่ถึงกับรวนเพียงมีสีสันบ้าง
เมื่อถึงช่วงปิดงานจึงเป็นโอกาสที่ท่านประธานสหพันธ์วิทยุแห่งชาติ
ได้กล่าวเปิดใจเรื่องปัญหาของกลุ่มเอง ดูบรรยากาศโดยรวมดีมาก
ผ่อนคลาย จริงๆท่านควรทำตั้งแต่เริ่มงาน หรือก่อนหน้า
ถ้าจะไม่มัวกังวลเรื่องคนมาประชุมไม่ครบ ก็ควรหาช่องทาง
ในการเปิดใจ ทลายน้ำแข็ง ก่อนเริ่ม กระบวนการ KM
การอบรม “การจัดการความรู้และการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้” สำหรับหัวหน้าแผนกกลุ่มผลิตไฟฟ้า มีประเด็น วัฒนธรรม KM ที่ผู้เขียนสนใจเจาะมาแลกเปลี่ยน ในฐานะที่เคยผลักดันวัฒนธรรมองค์กรจนเกิดการเปลี่ยนแปลงสัมผัสได้
จากประสบการณ์ของผู้เขียน
การสร้างแรงกระตุ้นด้วยการตอบสนองสิ่งที่พนักงานส่วนใหญ่รู้สึก
หรือต้องการ จะทำให้พนักงานออกมามีส่วนร่วม
การสร้างวัฒนธรรมเรียนรู้
ในองค์กรใหญ่ คงต้องค้นหา พวกเรียนรู้พันธุ์แท้
มาแพร่เชื้ออย่างมีศิลปะ ที่สำคัญถ้าเจอทีมเสือ งานสำเร็จง่าย
คงต้องออกแบบกิจกรรมวิธีเรียนรู้ให้เหมาะกับตำแหน่งงาน
ความชอบของบุคคล ย่อมจะเกิดวัฒนธรรมที่ดี
(เพราะองค์กรใหญ่ภาพเดิมย่อมหลากหลาย คงต้องดูวัย
สาขาอาชีพ ความชอบ
เพื่อสร้างจุดร่วมเป็นตัวดึงดูดให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว...)
ความต้องการขั้นต่อไปของพนักงาน คืออะไร ?
เราอาจพบในวงสนทนาสบายๆของพนักงานเอง เช่น
การส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ มีการให้รางวัล
การประกาศชื่อเสียง มีการแข่งขัน เหล่านี้เป็นตัวอย่างวิธีการสร้างแรงกระตุ้น
องค์ประกอบอื่นในการสร้างวัฒนธรรม
เท่าที่ผู้เขียนนึกออก
-
Leadership
เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ โดยเฉพาะทีมแพร่เชื้อ
- พวกสร้างวัฒนธรรมจะต้องมีสไตล์เป็นตัวของตัวเอง
ที่เรียกว่ามีจินตนาการ
เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงาน คุยเปิดใจได้
ทำให้คนเปิดใจคุยได้
ภาวะผู้นำอาจสังเกตที่บางคนได้รับเลือกจากพนักงาน
โดยปกติผู้นำจริงจะทำให้คนในกลุ่มทำตามเขาได้แม้เรื่องเล็กน้อย
โดยที่เขาไม่มีตำแหน่งหัวโขนสวมอยู่
ถ้าคนนั้นเป็นผู้ตามที่ดีด้วย ก็จะเป็นผู้นำที่ดีนั่นเอง
คือรู้จักว่าตอนไหนควรนำ ตอนไหนควรตาม
-
Organization
การจัดองค์กรในการบริหารงาน และลักษณะทีมงาน
ก็เป็นปัจจัยที่ต้องมอง ในการหายุทธวิธีสร้างวัฒนธรรม การสร้างองค์กรเรียนรู้เป็นภารกิจของกฟผ.
พนักงานย่อมตระหนัก
-
Facilitator
ที่ดีต้องสู้ไม่ถอย มักจำเป็นเสมอในการขับเคลื่อน....ทุกๆเรื่อง
สำหรับองค์กรใหญ่
- ตนเองเริ่มวิธีการเรียนรู้จาก
การฟังบรรยาย การขอคำปรึกษา การดูงาน
การลงมือปฏิบัติ แล้วนำมาทบทวนพิจารณา ว่าควรปรับปรุงสิ่งใด
สิ่งใดดีแล้ว ทำผิดยิ่งดีสำหรับผู้เขียน
จะได้มีบทเรียนสอนใจ
โดยกำหนดเป็นหัวเรื่องที่อยู่ในความสนใจของเรา
เราจะเจาะเรื่องนั้นโดยเฉพาะ
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย
ในระดับความคิดตรงนี้ต้องอ่านภาพรวม
ตกผลึกความคิดและทบทวนอดีต 1 วัน 1 สัปดาห์ 1
เดือน 1 ปี 5 ปี... ว่าแตกต่างอย่างไร? ว่าอะไรคือถูก คือไม่ถูก? จะมีช่วงสับสนบ้างระหว่างความดีความไม่ดี
แต่เมื่อผ่านไปได้แล้ว เราจะเกิดความเข้าใจความจริงในเหตุและผล
โยงเหตุไปหาผล โยงผลไปหาเหตุได้ เมื่อเราวาง เราจะว่าง
กระจ่างใสในความนึกคิด
เพียงวางกรอบความคิดที่รองรับชั่วคราว
ก็จะเกิดความนึกคิดที่เป็นความจริง คือ
เราสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้ตัวเอง
- การไปดูเวทีภาคประชาสังคมแลกปลี่ยนเรียนรู้ก็อาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้องค์กรปิ๊งแนวทางการสร้างบรรยากาศสบายๆ
แง่มุมที่หลากหลายของ KM ปฏิบัติ ท่านจะพบได้กับตนเอง เหมือนที่ผู้เขียนกำลังประสบอยู่ในฐานะ KM Internship