บันทึกที่หนึ่งร้อยแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลย ..ดีใจจัง
วันนี้คุยเรื่อง..บทเรียนบทใหม่ที่สอนลูกให้เป็นผู้เลี้ยงอาหารคนอื่นด้วยเงินที่ตนเองหา หรือเก็บสะสมมา..
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่วันนี้น้องหยกลูกสาวผมเค้าต้องการไปโรงเรียนเช้าหน่อย
ซึ่งก็เป็นวันสอบกลางภาควันสุดท้าย อยากจะทานข้าวมันไก่ทอดหน้าโรงเรียน เพื่อเพิ่มพลังการทำข้อสอบ ผมก็ยื่นเงื่อนไขไปว่า
ไปก็ได้นะ แต่ต้องจ่ายสตางค์ค่าข้าวเองและเลี้ยงคุณพ่อด้วย
เค้าคิดช่างน้ำหนักนานอยู่…
ก็กระแอมออกมาว่า ก็ได้..(ด้วยความที่อยากกินก็เลยต้องรับเงื่อนไขไป)และเราก็ไปทานกัน
หลังจากได้ทบทวนเรื่องเทคนิคการทำข้อสอบแบบที่มีประสิทธิภาพ และค้นหาจุดอ่อนของเทคนิคที่เราเลือกใช้ เมื่อสอบทานจนแน่ใจว่าเค้ารู้จริงๆ
เวลาก็งวดเข้ามา จวนเจียนโรงเรียนจะเข้าแถวเคารพธงชาติกัน อาหารก็หมดพอดีและยังเหลือแตงไว้ทุกชิ้นเท่าที่แม่ค้าให้มา ผมจึงบอกข้อดีของแตงกวาสดๆ ว่ามันจะทำให้เราแจ่มใสมากเลยเวลาทำข้อสอบเนี่ย..ถ้าทานเฉพาะข้าวมันไก่ทอดอย่างเดียว ไม่จะไม่สมดุล เค้าก็หยิบทานจนเกือบหมด
จากนั้น น้องหยกเค้าก็จ่ายค่าอาหาร โดยจ่ายออกมาเป็นแบ็งค์ยี่สิบและก็เหรียญสิบ เหรียญสองบาทผสมกันจนครบห้าสิบบาท จ่ายให้แม่ค้าไป ..
ด้วยความรู้สึกเสียดาย และไม่อยากจ่ายเลย และยังบอกให้ผม อย่าลืมเอาไปเขียนในบันทึกนะ ว่าวันนี้พ่อน่ะ ให้ลูกเลี้ยงข้าว (รู้สึกเสียดายนิดๆ)
ก็ทำให้ วันนี้ลูกได้เรียนกันถึงเรื่องคุณค่าของเงิน ตัวผมเองมั่นใจนะว่า
ไม่มีใครรู้คุณค่าของเงินหรอก ถ้าไม่ได้ใช้เงินที่หาจากน้ำพักน้ำแรงของตน
น้องหยกเองก็เหมือนกัน ผมจึงเลือกที่จะสอนลูกแบบนี้ล่ะครับ
และผมก็ยังบอกว่า.. บทเรียนสำคัญยังมีอีกหนึ่งอย่างที่รอวันเรียนรู้ก็คือ กระเป๋าสตางค์หาย
ซึ่งจะหายหมดเลยทั้งกระเป๋าที่ใช้ประจำวัน(กระเป๋าขวา) กระเป๋าที่สำรองไว้เผื่อใช้จ่าย(กระเป๋าซ้าย) และกระเป๋าสิบเปอร์เซ็นท์ (กระเป๋าเงินสำหรับอนาคต)
จะร้องไห้ จะรู้สึกอย่างไร ก็จะรู้ได้ในวันนั้นเท่านั้น..
เงินไม่ใช่พระเจ้าหรอก แต่เป็นบิดาของพระเจ้า !