ชะตากรรมของนักมวยยามแก่ตัวลง


"ร่างกายหรือสมองของคนไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่อให้ทนต่อการถูกต่อยถูกเตะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีแล้วปีเล่าแบบนี้"

วันนี้ผมไปโรงพยาบาลหัวเฉียวตามนัดของหมอ คนที่นั่งติดกับผมขณะนั่งรอคิวเข้าพบหมอคอเขาบิดเอียงและกระตุกอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถตั้งคอให้ตรงได้ เวลาพูดก็จะอยู่ในท่าเอียงคอพูด

ผมถามว่าลุงเป็นอะไร เขาตอบด้วยเสียงสะดุดๆ ต้องพยายามฟังจนได้ความว่า “ประสาทเสีย”

ผมถามว่า “เสียอย่างไร?”

ลุงตอบว่า “เมาหมัด เคยเป็นนักมวย”

คำตอบของลุงทำให้ผมนึกถึงมูฮัมหมัด อาลี (Cassius Clay) นักชกแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่เป็นตำนานวงการมวย ที่เมื่อแก่ตัวลงป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน แขนขาสั่น พูดจาก็ลำบาก คล้ายๆ ลุงที่มารอพบหมออยู่ข้างๆ ผม อายุก็คงพอๆ กัน

ผมถามว่า “ลุงอายุเท่าไร?”

ลุงตอบว่า “68”

ผมถามว่า “รุ่นเดียวกับนักเตะบางนกแขวก อภิเดช ศิษย์หิรัญ หรือเปล่า?”

ลุงตอบว่า “รุ่นน้องอภิเดชปีหนึ่ง”

ผมบอกลุงว่า “พรรคพวกผมคนหนึ่งที่เป็นอาจารย์สอนพละศึกษา แล้วเป็นกรรมการห้ามมวยด้วย บอกว่า นักมวยเกือบทุกคนเมื่อแก่ตัวลง มักจะเป็นอะไรสักอย่างอันเกิดจากสมองกระทบกระเทือน บางคนถึงขนาดต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น”

ลุงบอกว่า “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ก็ตาบอด แถมตายตั้งแต่อายุไม่ถึงหกสิบ”

คุยกันยังไม่ทันจบ ผมถูกเรียกเข้าพบหมอ แต่ก็ได้พบลุงนักมวยอีกครั้งหน้าห้องรับยา ขณะไปนั่งรอคิวเรียกรับยา จึงถือโอกาสคุยต่อ จนได้ความว่าลุงมีชื่อว่า สถิต วรรณศรี ชื่อในการชกมวยของลุงสมัยโน้นคือ “ขวัญใจ ศิษย์อาจารย์แพ” ตระเวณชกไปตามงานต่างๆ หลายจังหวัด จน “เมาหมัด” อย่างที่ลุงว่า

ปัจจุบันลุงอาศัยอยู่กับภรรยาที่ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ พอได้เลี้ยงชีวิตรอดไปวันๆ ผมไม่ได้ถามลุงเรื่องค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลที่ต้องมาพบหมอและรับยาทุกเดือนว่าเป็นอย่างไร แต่ดูจากสภาพร่างกาย การแต่งกาย และการมาคนเดียวโดยไม่มีลูกหรือญาติมาด้วยทั้งที่ป่วยระดับนี้ เชื่อว่าลุงคงไม่ได้จ่ายค่ารักษาเอง อาจอยู่ในโครงการ 30 บาท หรือไม่ก็ผ่านแผนกสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลนี้ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งอนุเคราะห์ค่าใช้จ่ายให้

วันนี้ ลุงโชคดีที่มีชายใจดีคนหนึ่งที่พาภรรยามาตรวจ นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ไม่เคยรู้จักลุงมาก่อนแต่สนใจเรื่องราวของลุง เกิดความเห็นอกเห็นใจ ควักเงินให้ลุงไว้ใช้จ่าย 1,000 บาท ซึ่งลุงก็ยกมือไหว้รับไว้ด้วยความขอบคุณ ผมสังเกตท่ามือทั้งสองที่ยกขึ้นไหว้แล้วยืนยันได้ว่าเป็นท่าไหว้แบบนักมวยเก่าจริงๆ

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในวันนี้ นอกจากเรื่อง "อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน" (พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว) แล้ว ยังพบว่า ชีวิตนักมวยที่ขึ้นชกให้ความสนุกสนานแก่ผู้ชม หลายต่อหลายคนต้องมีชะตากรรมยามชราเช่นนี้ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่า แต่ละคนทราบไหมว่าอาชีพนี้เสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะร่างกายหรือสมองของคนแม้มีกะโหลกแข็งๆ หุ้มอยู่ แต่ก็ไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่อให้ทนต่อการถูกต่อยถูกเตะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีแล้วปีเล่าแบบนี้

คนที่ตัดสินใจที่จะเป็นนักมวยอาชีพเพราะใจรักทางนี้ ก็คงจะทราบข้อมูลนี้กันดีอยู่แล้ว และเขาก็คงทราบว่าการตัดสินใจนั้นอาจส่งผลอะไรต่อบั้นปลายของชีวิตบ้าง (กระมัง?)

ผมเชื่อว่า สมาคมที่เกี่ยวข้องกับวงการมวยคงมีการดูแลช่วยเหลือ มีสวัสดิการอะไรกันอยู่ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะครอบคลุมถึงนักมวยที่(ผมเข้าใจว่า)ไม่ได้มีชื่อเสียงมากอย่างลุงสถิต วรรณศรี คนนี้ด้วยหรือเปล่า!

สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์
12 มกราคม 2553

หมายเลขบันทึก: 327284เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2010 22:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 16:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท