การวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสถานบริการสาธารณสุข
การวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร (DuPont’s Analysis)
อนุชา หนูนุ่น : ผู้เขียน (30 มิถุนายน 2548)
การวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เป็นการวิเคราะห์ทางการเงินที่มุ่งวัดประสิทธิภาพใน 2 ประเภทหลัก คือ ประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโดยใช้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์สะสม (Return on total Assets – ROA) ซึ่งมาจากสูตร ROA = กำไรสุทธิ/สินทรัพย์สะสม
ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากสูตรจะทำให้มองภาพของประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการได้เห็นอย่างเด่นชัด จึงต้องกลับไปทบทวนที่มาของสูตรนี้
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม จะอธิบายได้ว่าเป็นการประเมินดูว่าการประกอบกิจการใด ๆ ซึ่งต้องใช้สินทรัพย์เป็นต้นทุนในการผลิต (ค่าใช้จ่าย, ค่าที่ดิน, อาคาร สถานที่, ค่าแรงฯลฯ ) นั้นจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนต่อการประกอบการ (สถานพยาบาล) มากน้อยอย่างไร หรือจะดูว่าคุ้มหรือไม่นั้นเอง ก็จะประเมินได้ในสองประเด็น คือ 1.) สถานประกอบการนั้น (สถานพยาบาล) ได้บริหารให้สินทรัพย์นั้นเกิดประโยชน์สูงสุดแล้วหรือยัง (ประสิทธิภาพในการบริหาร สินทรัพย์) และ 2.) สถานประกอบการ (สถานพยาบาล) นั้นได้จัดการให้ผลผลิต (บริการ) ที่มีอยู่เกิดกำไรสูงสุดแล้ว หรือยัง (ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ)
จากที่เราประเมินและได้ตั้งคำถามไว้ 2 คำถามดังกล่าวข้างต้นจะขออธิบายแยกที่ละประเด็น ไปตามลำดับเงื่อนไขการเกิดเหตุการณ์ก่อนหลัง ดังนี้
1. คำถามที่จะประเมินว่าสถานประกอบการเหล่านั้น ได้บริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือยัง (ประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์) ข้อสังเกตจากข้อคำถาม คือ โดยปกติการประกอบการใด ๆ ย่อมจะต้องมีสินทรัพย์เป็นองค์ประกอบแรก ประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์จึงเป็นที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกด้วย จากแนวคิดของการบริหารสินทรัพย์ที่ดี คือ การทำให้สินทรัพย์นั้นเกิดเป็นผลผลิต (บริการ) และขายออกได้มากที่สุด (ขายสิทธิ) โดยยังไม่ต้องสนใจว่าจะมีต้นทุนที่เกิดจากการขาย หรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นอย่างไร ฉะนั้น ประสิทธิภาพของการบริหารสินทรัพย์ ก็คือ อัตราส่วนของการขายสุทธิ ต่อสินทรัพย์ที่มีอยู่ (สินทรัพย์รวม) ซึ่งก็คือ อัตราการหมุนของสินทรัพย์ ฉะนั้นโดยสรุปก็คือ ประสิทธิภาพของการบริหารสินทรัพย์ หรืออัตราการหมุนของสินทรัพย์ = ขายสุทธิ/สินทรัพย์รวม
ประเด็นอยู่ที่การหาสินทรัพย์รวมว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งก็จะประกอบด้วย 1.) สินทรัพย์หมุนเวียน (เงินสด ลูกหนี้ สินค้า หรืออื่น ๆ ที่หมุนเวียนกลับมาเป็นเงินสดหรือเทียมเท่าเงินสดได้) 2.) สินทรัพย์ถาวร (ที่ดิน อาคาร สิ่งก่อสร้าง อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ หรืออื่น ๆ ที่เทียมเท่าครุภัณฑ์) และ 3.) สินทรัพย์อื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ระบุอีก แต่มีลักษณะเข้าได้ว่าให้จัดเป็น สินทรัพย์ ส่วนการขายสุทธิ ก็คือ รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการทั้งหมดที่ยังได้หักค่าอะไรออก
ข้อสังเกตจากประเด็นคำถามนี้ จึงสามารถตอบได้เฉพาะว่าได้มีการพยายามทำให้สินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดเกิดประโยชน์สูงสุดแล้วหรือยัง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบคำถามต่อไปที่จะได้กล่าวถึง คือ และประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้น มีส่วนที่เป็นกำไรจริง ๆ เหลืออยู่เท่าไร ความหมายก็คือ ถ้าเกิดประโยชน์สูงสุดแล้วจริง แต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูง หรือต้นทุนการขายก็สูง (รวมเรียกว่าต้นทุนในการดำเนินการสูง) ก็แสดงว่าไม่ได้ช่วยให้สถานประกอบการนั้นได้รับกำไรสูงสุดจริง ๆ ซึ่งในประเด็นนี้จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดเป็นกำไรสูงสุดด้วย ดังนั้นคำถามในข้อต่อไป จึงมุ่งไปยังประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
2. คำถามที่จะประเมินว่าสถานประกอบการแห่งนั้น ได้บริหารจัดการให้ผลผลิต (บริการ) ที่มีอยู่เกิดกำไรสูงสุดแล้วหรือยัง (ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ) ข้อสังเกตจากคำถามนี้มุ่งหวังที่จะทราบว่า กระบวนการในการนำผลผลิต (บริการ) ออกขาย (ให้บริการ) นั้นใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและมีต้นทุนการขาย มากน้อยอย่างไร เพราะถ้าใช้น้อย ๆ ก็จะมีส่วนที่เป็นกำไรมากขึ้น หรือแม้แต่จะพิจารณาไปถึงการกำหนดราคาขายหรือราคาของบริการ หากผลผลิตหรือบริการนั้นเป็นสินค้าที่ไม่ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดทางการตลาด (หมายถึงสินค้านั้นถูกควบคุมราคาหรือไม่นั้นเอง)
และจากการคิดกำไร จะคิดจาก ราคาขาย ลบด้วย ต้นทุน ฉะนั้น กำไรจากการดำเนินงาน จึงหมายถึง ขายสุทธิ ลบด้วย ต้นทุนในการดำเนินงาน ซึ่งต้นทุนในการดำเนินงานนั้นจะมี 2 ส่วนหลัก คือ ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขาย และกำไรสุทธินั้นคือ กำไรจากการดำเนินงานที่คำนวณได้ ลบด้วย ดอกเบี้ย และภาษีที่จะต้องจ่าย โดยสรุปกำไรสุทธิจึงเป็นขายสุทธิที่เกิดขึ้นจากการขายสินค้า (บริการ) ออกไปแล้วหักต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขาย ดอกเบี้ย และภาษีออกไป
จากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ คือ อัตราส่วนของกำไรสุทธิ ต่อขายสุทธิ ซึ่งก็คือ อัตรากำไรต่อขายเขียนในรูปสมการได้ว่า
ประสิทธิภาพของการบริหารจัดการ (อัตรากำไรต่อข่าย) = กำไรสุทธิ/ขายสุทธิ
ข้อสังเกตจากประเด็นคำถามนี้ จะเห็นได้ว่า สามารถตอบได้ดีว่าสถานประกอบการนั้น สามารถทำกำไรจากการลดต้นทุนขาย ลดค่าใช้จ่ายในการขาย หรือแม้แต่การกำหนดราคาขายหรือบริการ ได้หรือไม่ มากน้อยอย่างไร แต่ในขณะเดียวกันถ้าไม่สามารถบอกได้ว่าสถานบริการนั้น ได้ใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่คุ้มแล้วหรือไม่ในการผลิตสินค้า (บริการ) ออกมา การนำดัชนีนี้ตัวใดตัวหนึ่งมาใช้เพื่อบอกว่าสถานประกอบการนั้นมีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรโดยรวม จึงยังไม่มีความเหมาะสม ดัชนีที่จะบอกได้จึงต้องใช้ทั้ง 2 ตัวร่วมกัน เรียกว่า อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม (ROA) ที่จะได้กล่าวต่อไปนี้
จากกรณีทั้งอัตราการหมุนของสินทรัพย์รวม (ประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์) และอัตรากำไรต่อขาย (ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ) ล้วนประเมินตรงกับประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร จึงนำมาคิดคำนวณพร้อม ๆ กัน (คูณกัน) ก็จะได้ว่า
ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร (อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม)
= อัตราการหมุนของสินทรัพย์ X อัตรากำไรต่อขาย
= (ขายสิทธิ/สินทรัพย์รวม) X (กำไรสุทธิ/ขายสุทธิ)
= กำไรสุทธิ/สินทรัพย์รวม
ทั้งนี้ในการแปลผลนั้น จะต้องมีการเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานกลางว่าต่ำกว่าหรือไม่ ถ้าหากต่ำกว่าก็จะต้องย้อนไปดูว่าเกิดจากประสิทธิภาพในด้านการบริหารสินทรัพย์ และ / หรือ ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ยังด้อยอยู่ ตลอดจนการย้อนไปดูถึงต้นเหตุ ตั้งแต่ ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขาย ดอกเบี้ย ภาษี มีมากเกินไปหรือไม่ หรือย้อนกลับไปดูว่ามีสินทรัพย์ใดที่ยังใช้ไม่คุ้ม เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงกับเหตุของปัญหาที่แท้จริง
หมายเหตุ : หากจะมีการทำให้เป็นร้อยละ (%) ก็ได้แต่จะต้องคำนวณเป็นร้อยละ ในทุกค่าที่คำนวณได้ให้เหมือนกัน และเมื่อรวบรวมผลก็ต้องแสดงในรูปของ (%) หรือเขียน “ร้อยละ” กำกับไว้ด้วยเสมอ
ไม่มีความเห็น