บ่ายแก่ๆ พอออกจากสถูปโพธินาถได้ประมาณ 30 นาที รถก็พาเราจอดที่ ปศุปฏินาถ (Pashupatinath Temple) ก่อนที่จะพาเราไปค้างคืนที่นาร์การ์ก๊อต สรุปว่าวัดนี้ห่างจากตัวเมองกาฐมัณฑุมาทางสนามบินตรีภูมิวันประมาณ 5 กม.
ไกด์บอกว่าจะพาเรามาชมวัดฮินดู เป็นวัดที่ประกอบพิธีเผาศพ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบักมาติ (Bagmati River) ซึ่งเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับแม่น้ำคงคาในประเทศอินเดีย
ระหว่างทางจากถนนใหญ่เดินไปวัดประมาณ 700 เมตร มีสินค้าจำหน่ายมากมาย ต่อรองได้ (ต่อแบบสุดๆ ด้วย) ที่นี่แม่ค้าจะนำเสนอแบบ 3 รุม 1 หากสนใจซื้อชิ้นใดชิ้นหนึ่งจะเกิดมหกรรมแม่ค้า 5 รุม 1 ลูกค้า และตามถึงรถเลยทีเดียว รับเงินไทยด้วย แถมหากเราคิดช้าแม่ค้าจะช่วยเทียบเงินไทยให้ด้วยหล่ะ อิอิ
เริ่มเข้าเขตวัด กลิ่นเนื้อไหม้โชยมา ผ้าปิดจมูกได้ใช้ตอนนี้แหละ วันที่เราไปแม่น้ำบักมาติแห้งขอด น้ำเหลือน้อย ทำให้เป็นที่สงสัยเหลือเกินว่าจะลอยอังคารกันยังงัย แสงตะวันที่อ่อนลงเรื่อยๆ ทำให้หลายคนในคณะทัวร์ชักหวาดๆ ว่าคืนนี้จะหลับตานอนได้สนิทหรือป่าว เพราะในขณะที่ไกด์อธิบาย หลายคนก็ใช้เลนส์ซูมเพื่อเลือกมุมเด็ดๆ แต่ดันติดหน้าผู้อยู่ในห่อผ้าขาวท่ามกลางญาติพี่น้องที่กำลังการล้างหน้าให้ศพโดยใช้น้ำจากแม่น้ำบักมาตี และเป็นที่น่าแปลกใจที่มองไม่เห็นผู้หญิงระหว่างการประกอบพิธีกรรมที่วัดนี้เลย
บริเวณนี้จะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ เชื่อมระหว่างวัด 2 ฝั่ง และในสมัยก่อนเคยใช้เป็นสัญลักษณ์แบ่งเขตการประกอบพิธีศพของชั้นกษัตริย์ และชาวบ้าน โดยกษัตริย์จะประกอบพิธิที่ต้นน้ำ หรือทิศเหนือ...ปัจุบันยังมีการแบ่งชั้นวรรณะหรือไม่ ไม่แน่ใจ แบบว่าแปลคำให้การของไกด์ไม่ทัน
น่าเสียดายที่เราเพียงได้ดูในอีกฝั่งของแม่น้ำบักมาตีเท่านั้น ด้านตะวันตกของแม่น้ำหรือฝั่งที่ประกอบพิธีเผาศพนั้นเป็นเขตสงวนสำหรับชาวฮินดีเท่านั้น แต่เวลาไม่นานที่เราอยู่ตรงนี้ก็ทำให้กระตุกเรื่องจริงที่เป็นอยู่แต่คนเรามักลืมไป ด้วยว่าเวลาสุดท้ายของชีวิตยังอยู่อีกไกล จริงหรือ?
ตะวันอ่อนแสงหากลาลับ พรุ่งนี้ก็กลับมาใหม่ ชีวิตหาใช่เช่นนั้นไม่ ชีวิตที่อ่อนแสงรอเวลาลาลับ ไม่มีวันกลับคืนได้เช่นตะวัน สุดท้ายสิ่งต่างๆ ที่สะสมไว้ก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ งานศพจะใหญ่โตมโหฬาร หรือมีเพียงแคร่สี่เหลี่ยมหามและกองฟืน กับร่างที่มอดไหม้ คงไม่มีอะไรที่ต่างกัน ยกเว้น “ความดี” ให้ผู้คนสรรเสริญ
จากฝั่งซ้ายของแม่น้ำเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนิน จะเห็นปรางค์หลายองค์ วัดนี้เป็นวัดที่สร้างถวายพระวิษณุ บูชาศิวลึงค์ จะมีทั้งอยู่ในปรางค์ที่มีภาพแกะสลักสวยงามน่าชม หรือที่วางเป็นสิ่งสักการะตามมุมเทวาลัยหรือใต้ต้นไม้ แสงแดดอ่อนๆ ทำให้ด้านบนค่อนข้างที่จะมีบรรยากาศแตกต่างจากบริเวณด้านล่าง ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกๆ ปี จะมีชาวฮินดูทั้งในประเทศเนปาลและมาจากประเทศอินเดีย เดินทางมากราบไหว้บูชาพระวิษณุที่นี่ ในช่วงเทศกาลศิวาราตรี (Maha Shivaratri)
ด้านในจะเป็นที่อยู่ของพวกโยคี ที่นี่มีโยคีเยอะมาก ขอเป็นเงินไทยด้วย เห็นยกกล้องหน่อยไม่ได้
ค่ำแล้วค่ะ เราต้องไปแล้ว เพราะต้องไปค้างคืนกันที่นาร์การ์ก๊อต ซึ่งห่างออกไปประมาณ 1.30 ชม.
ถ้าไม่เบื่อไปนับดาวเป็นเพื่อนกันนะคะ
พี่ตูนครับ
ประสบการณ์เที่ยวในโลกกว้างของพี่ตูน ทำให้ผมอิจฉามาก ปีหน้าผมก็ยังจะคงความอิจฉาพี่อยู่ :)
อยากไปครับ อยากไป ต้องปรึกษาพี่เเล้วครับ ต้องซื้อทัวร์หรือไปเอง??
พี่ตุ่นจ๋า..เอาภาพที่อัดมาให้ที่บ้านดู..พ่อกะแม่บอกว่า มีแต่ภาพนางงาม อิอิ..ส่วนพ่อใหญ่อ้อ...พูดว่าไงนั้น..ก็เป็นไปอย่างที่พี่ตุ่นคาดเดาเป๊ะ..ไมซื้อลอตเตอรี่ ไม่ถูกงี๊มั่งน๊อ..
แต่สรุปว่า ..ทุกภาพงามมากเลยจ้า..คอนเฟิร์มโดยป้าสุข..อีกคนจ้า..อิอิ
คืนนี้..มีปาร์ตี้ครอบครัว..คิดถึงพี่ตุ่นจัง..^^
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
มาส่งความสุข และอนุโมทนาบญแดนพุทธภูมินะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะ แวะมาเที่ยวเมืองนอกด้วยคนค่ะ..แปลกตาดี ขอบคุณน่ะค่ะ
สวัสดีปีใหม่ ค่ะ ขอให้สุขกาย สุขใจ ร่ำรวย รุ่งเรือง นะคะ
ไปเที่ยวต่างแดน ไม่มีหนุ่มๆๆ ติดมือมาฝากเลยนิ อิๆๆ
ป้าจ๋า เข็นบันทึกนับดาวที่นากาก็อตมาให้อ่านหน่อยเหอะนะ
แอ้ว่ามันโรแมนติคเป็นบ้าเลยอ่ะ