ผู้เขียน ,ออย (ชุติมา กิจสงสาร) และน้องทรี (ไพลิน พิชา) ได้มีโอกาสไปอบรมโครงการฝึกอบรม หลักสูตร “ทฤษฎีเกมกับกลยุทธ์สู่ความสำเร็จขององค์กร (BLUE OCEAN AND GAME)” ในระหว่างวันที่ 24-25 ธันวาคม 2552 วิทยากรโดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ซึ่งบอกตามตรงไม่เคยเข้าใจหรือได้ยินชื่อพวกนี้มาก่อนเลย แต่จากเนื้อหาการอบรมทำให้พอจะเข้าใจว่าเป็นการจัดการระบบความคิดของเราให้มีศักยภาพ โดยนำทฤษฎีเกมของ John Nash มาใช้ในการพัฒนาระบบคิดของเรา
จุดประสงค์หลักของทฤษฎีเกม คือ การหาทางออกที่เหมาะสมให้ผู้ที่อยู่สถานการณ์ที่ซับซ้อน โดยยึดหลักความจริงว่า รูปแบบควรดำเนินการเพื่อให้ได้ผลดีที่สุดจะเป็นเช่นไร ขึ้นอยู่กับรูปแบบการตัดสินใจของคนอีกหลายคน
เริ่มอบรมอาจารย์ได้ให้พวกเราเล่นเกมง่ายๆ คือ
เกมทายใจ เลขที่อาจารย์นึกในใจไว้ อยู่ระหว่างเลข 0 -100 แล้วให้เวลาพวกเราคิดทายเลขที่อาจารย์นึก ให้เราตอบตัวเลขกับอาจารย์เพียง 4 ครั้ง เท่านั้น โดยอาจารย์จะตอบได้เพียงว่า มากกว่าหรือต่ำกว่าเท่านั้น
เกมนี้ อาจารย์บอกว่า ถ้าใครตอบถูกผมให้คะแนน 0 เพราะโอกาสที่เราจะตอบให้ได้ตัวเลขที่อาจารย์คิดไว้นั้นมีโอกาสน้อยมาก หรือไม่ถ้าตอบถูกพวกคุณเป็นเทวดา หุหุ แต่ถ้าพวกเราตอบเลขที่ใกล้กับที่อาจารย์คิด พวกเราจะได้คะแนนได้มากกว่าคนที่ตอบถูก โดยเกมนี้ อาจารย์จะดูระบบการคิดของเราว่าเรามีหลักการทายใจอาจารย์อย่างไรให้ตอบได้ตัวเลขที่ใกล้กับอาจารย์มากที่สุด
ตัวอย่างง่ายๆ ที่วิทยากรได้อธิบายทฤษฎีเกม
1. มีโจรอยู่ 2 คน คือ นาย ก กับ นาย ข ถูกตำรวจจับ และถูกแยกไปสอบปากคำทีละคน ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐาน คนร้ายมีทางเลือกสองทางคือ รับสารภาพ และไม่สารภาพ ถ้าคนร้ายคนหนึ่งรับสารภาพ แต่อีกคนหนึ่งไม่รับ ตำรวจจะกันคนที่รับสารภาพไว้เป็นพยานและปล่อยตัวไป และจะส่งฟ้องคนที่ไม่รับสารภาพ ซึ่งมีโทษจำคุก 20 ปี ถ้าทั้งสองคนรับสารภาพ จะได้รับการลดโทษเหลือจำคุกคนละ 10 ปี แต่ถ้าทั้งสองคนไม่รับสารภาพ ตำรวจจะสามารถส่งฟ้องได้เพียงข้อหาเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี หากท่านเป็นโจรท่านจะเลือกแบบใด จะรับสารภาพหรือไม่สารภาพ
เกมนี้ สามารถเขียนออกมาให้เห็นชัดเจนดังตาราง
นาย ข | |||
รับสารภาพ | ไม่รับสารภาพ | ||
นาย ก | รับสารภาพ | 10,10 | 0,20 |
ไม่รับสารภาพ | 20,0 | 1,1 |
จะเห็นได้ว่าหากเราเป็นโจรต้องรับสารภาพ เพราะไม่ว่าโจรอีกฝ่ายจะตัดสินใจอย่างไร ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเสมอ แต่ถ้าโจรทั้ง 2 คน เลือก ไม่รับสารภาพ กลับไม่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ถึงแม้โจรจะทราบว่าผลตอบแทนที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งคู่อาจไม่กล้าทำเพราะไม่ไว้ใจอีกฝ่ายว่าจะรับสารภาพหรือไม่ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องรับสารภาพ
2. มีโจรอยู่ 2 คน ถูกตำรวจจับ และมีหลักฐานที่สามารถทำให้ติดคุกได้ แต่ยังไม่สามารถระบุความผิดของโจรทั้ง 2 คน ได้ และตำรวจจึงแยกกันสอบสวน และให้โอกาสในการสารภพ โดยตั้งเกณฑ์ไว้ว่า หาก นาย ก สารภาพและซัดทอด นาย ข แต่ นาย ข ไม่สารภาพและไม่ซักทอด นาย ก แล้ว นาย ก ก็จะได้เข้าคุก 2 ปี และนาย ข จะถูกจำคุกนาน 10 ปี แต่โทษก็จะกลับกัน หาก นาย ข สารภาพและซัดทอด นาย ก โดย นาย ก ไม่ปริปาก แต่หากทั้งสองคนไม่ยอมให้การใดๆ ตำรวจจะทำได้เพียงจำคุกทั้งคู่คนละ 1 ปี แต่หากทั้งสองคน ปรักปรำซึ่งกันและกันก็จะจำคุกคนละ 5 ปี
หากท่านเป็น นาย ก ท่านจะสารภาพและซัดทอดหรือไม่ปริปาก
สามารถเขียนออกมาให้เห็นชัดเจนดังตาราง
นาย ข | |||
สารภาพและซัดทอด | ไม่ปริปาก | ||
นาย ก | สารภาพและซัดทอด | 5,5 | 2,10 |
ไม่ปริปาก | 10,2 | 1,1 |
จะเห็นได้ว่า ทั้งนาย ก และ นาย ข ควรจะร่วมมือกัน โดยไม่ปริปากใดๆ เพื่อให้ทั้งสองได้รับโทษสถานเบาคือ 1 ปี แต่ในความเป็นจริง ด้วยความกลัวที่จะถูกอีกคนหนึ่งทรยศ โดยการปรักปรำ ทำให้ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกับตำรวจ ซึ่งทำให้ติดคุกคนละ 5 ปี พฤติกรรมที่เกิดขึ้นที่ไม่ใช่จุดที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากตำรวจจับแยกห้องขัง ทำให้คนร้ายทั้งสองไม่สามารถร่วมมือกัน หรือแจ้งข้อมูลซึ่งกันและกันได้
สรุปได้ว่า มนุษย์ที่มักจะต้องการความเสี่ยงน้อยที่สุด จะเลือกแนวทางที่ทำให้เกิดความเสียหาย กับตนเองน้อยที่สุด ในกรณีที่เกิดสถานการณ์เลวร้ายน้อยที่สุด สำหรับในกรณีนี้ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือ การถูกเพื่อนซัดทอด จึงต้องเลือกระหว่างติดคุก 10 ปี หรือติดคุก 5 ปี จึงต้องเลือกสารภาพ และซัดทอดให้เพื่อน เพื่อให้ตัวเองติดคุกเพียง 5 ปี
สิ่งที่ได้จากทฤษฎีนี้ คือ “อย่าคิดแทนคนอื่นเขา” เราต้องดูจากข้อมูลที่เรามีอยู่หรือหากไม่ทราบก็ควรจะหาข้อมูลที่แท้จริงก่อนที่จะได้คำตอบนั้น
ทฤษฎีเกม เราควรเลือกโอกาสที่จะนำไปใช้ว่าเราควรจะใช้เมื่อไหร่ คือต้องดูความเหมาะสมด้วย หากเรานำทฤษฎีเกมไปใช้ทุกเหตุการณ์ โดยส่วนตัวของผู้เขียนเอง เราคงจะต้องปวดหัวแน่ๆ อิอิ เพราะทุกเรื่องเราต้องวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด
เข้ามาอ่าน (แบบ งงๆ)
ทำไมปีนี้ถึงเรื่องฝึกงานช้าจัง
ประกาศช้ามากทำให้นิสิตกลับลำไปหากันเองแทบจะไม่ทัน เพราะเด็กหลายคนนะที่ตั้งตารอที่คณะจัดหาให้เพราะเชื่อว่าคณะจะหาให้แบบดีๆ แต่ที่ไหนได้กลับ มีแต่อะไรก้อไม่รู้ บทเรียนนี้สอนให้นิสิตรู้ว่า อย่าหวังน้ำบ่อหน้ากับคณะมากมายนัก เชื่อไหม๋เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ความเชื่อมั่นของนิสิตต่อคณะดิ่งลงฮวบๆ เพราะบอกให้มีความหวังแล้วไม่ทำตามที่ได้ลั่นวาจาไว้สัญญาว่าจะหาที่ฝึกงานให้หลากหลาย แต่แล้วที่ออกมามันคืออะไร มีไม่ถึง 10 ที่ แล้วทุกที่ก้อพิดโลกทั้งนั้น มันอะไรกันหรือว่าทางคณะคิดว่าการฝึกงานนี้มันไม่สำคัญสำหรับนิสิตอีกต่อไป ถ้างั้นแล้วก้อไม่ต้องกล่าวให้เด็กมีความหวังกันอย่างนี้ บอกให้หากันเองเลย แล้วทีนี้จะเอายังไงกันหละ สายเกินที่จะไปสมัครที่อื่นและ เพราะเขาปิดรับสมัครกันหมดและ ทางเลือกมี 2 ทางคือ เลือกฝึกงานเท่าที่คณะติดต่อให้ หรือ ไม่ฝึกงาน ส่วนผู้เขียนขอเลือกว่าไม่ฝึกงาน แล้วกัน อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก อย่าเอานิสิตมาเป็นผู้รับบาปเคราะห์ที่คณะทำอะไรล่าช้าอีก ขอให้หาที่ฝึกงานให้มันดีกว่านี้หน่อย ทำการบ้านนิดหนึ่งไม่ใช่ว่าสักแต่ว่าทำๆๆๆ ขอร้องเรียนให้ทราบที่ไม่ต้องการคำตอบ (น่ามีที่ร้องเรียนเป็นสัดส่วนเน้อจาได้เขียนขึ้นโดยตรง)