ความก้าวหน้าของการเมืองไทย เหนือชาติใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เราต้องการประชาธิปไตยเพื่อปวงชน ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อนายทุน

           

              ข่าวคราวของสื่อและการต่อสู้ทางการเมืองของไทย หลายคนอ่านข่าวและอาจท้อแท้ใจ หรือเบื่อหน่ายทางการเมือง การเสนอข่าวในภาพร้ายหรือขายข่าวร้ายของสื่อและการปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่ออาจทำให้หลายคน มองประเทศของเราว่าเป็นกลียุค คงจะล่มจมในไม่ช้า
              ในมุมมองของผู้เขียน ไม่ได้มองอย่างนั้นแต่กลับเห็นเส้นทางอันสดใสของการเมืองไทยในอนาคต คล้ายกับดักแด้ที่ต้องผ่านความเจ็บปวดในการลอกคราบเพื่อเป็นผีเสื้อนั้นเอง เมื่อเรามองผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คล้ายกับสงบและมีสันติ เป็นประเทศไม่มีปัญหา แท้จริงแล้ว เขายังตามหลังเราอีกมากและอีกนานที่จะทำได้อย่างเรา    ลาวยังคง ตกอยู่ภายใต้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ ที่ปกครองโดยพรรคเดียว การเลือกตั้ง ที่เลือกได้เพียงพรรคเดียว คงไม่ต้องบอกว่า ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพที่แท้จริงหรือไม่ สือ่ต่าง ๆ ไม่มีโอกาสขัดแย้งรัฐบาล ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลไมสิทธิโฟนอิน ไม่มีสิทธิออกโทรทัศน์หรือสื่อ อาจถูกล่าสังหารได้โดยไม่มีการประนีประนอม สำหรับการคอร์รัปชั่น คงไม่ตองพูดมากนักธุรกิจไทยคงรู้ดี
             เวียดนามนั้นก็ไม่ต่างจากลาวนัก การมีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จของพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ต้องกล่าวว่า จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นในประเทศนี้ ผู้คิดต่างจากพรรคมีที่ยืนหรือไม่ สำหรับลาวและเวียดนามมีดีที่มีชาตินิยม และดูแลทรัพยากรของตน ไม่ให้นายทุนเข้าไปผลาญได้ และมีการพัฒนาเยาวชนอย่างเข้มแข็งและเข้มงวด
               ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ มีพรรคเดียวครองอำนาจมายาวนาน และบ่อนทำลายฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายค้านจนไม่มีที่ยืนในสภา แม้ในพรรคเดียวกันที่คิดต่างกันก็ใส่ร้ายกันจนเข้าคุกมาแล้วสื่อฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลถูกตรวจสอบอย่างเคร่งครัด สื่อสิงคโปร์จึงชอบประจานประเทศไทย เพราะวิจารณ์บ้านตนเองไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงกฎหมาย ที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน เป็นอย่างมาก ในการลงโทษ แบบไร้มนุษยธรรมสิ่งที่ดีกล่าวคือ ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์สามารถกำหราบนายทุน ให้อยู่ในกรอบรัฐบาลได้ การผูกขาด การเอาเปรียบของทุนนิยม จึงน้อยกว่าไทย ระบบราชการที่มีคุณภาพ และการจัดการศึกษาที่ดีกว่า ทำให้ มีเศรษฐกิจดี เป็นตัวของตัวเอง
             พม่ารัฐบาลทหารพม่า มีชื่อเสียงอย่างไร เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ คงไม่ต้องอธิบาย ภาพพระสงฆ์ ถูกปราบ ทำร้าย บอกชัดเจน   พม่าทหารมีอำนาจเหนือทุกสถาบัน  สำหรับกัมพูชา พรรคฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลถูกกดดันและหาทางเอาชนะได้ยาก ประเทศชาติยังจมอยู่กับความยากจนและการกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของฮุนเซน สื่อและนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามโดนจับเข้าคุกด้วยคดีที่น่าสงสัยเป็นจำนวนมาก
             ไทยเรานั้นก้าวมาถึงขั้น คนชั้นล่างตื่นตัวทางการเมือง มีการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเปิดเผย และเปิดโอกาสให้สื่อ บุคคล เลือกข้างและแสดงออกได้อย่างเต็มที่ บ้างครั้งก็เกินเลย แต่ถามว่า ประเทศอื่น ทำได้ไม่ ไม่ได้ครับ ฝ่ายค้านไทย เป็นฝ่ายค้านที่มีพลังสูง รัฐบาลเองก็มีการเปิดโอกาสเวที ให้อย่างกว้างขวาง ยกเว้นวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เล่นหนักไปหน่อย แต่ก็สามารถกลับคืนภาวะปกติได้ ประเทศไทยจึงมีการตรวจสอบการทำงานของรัฐและราชการที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างไม่เคยมีมาก่อน เราจึงหาความสงบได้ยากเพราะเราเคยกับการถูกกดหัวมาตลอด ตอนนี้มีศาลปกครอง องค์กรอิสระ ที่สามารถตรวจสอบได้มากขึ้น สำหรับคนที่เคยชินกับขอรับกระผม จึงดูวุ่นวาย แตกแยก
                 การปะทะของนายทุนใหม่และศักดินาผสมนายทุนเก่าคงจะ ทำให้ประชาธิปไตยไทยดีขึ้นไม่น้อย อย่างไรก็ดี อนาคตเราควร จับพวกเชิดหุ่นทั้งหลายมาเก็บภาษีและลดการผูกขาดได้แล้ว เพราะชอบทำนาบนหลังคน ได้แก่ บริษัทรถญี่ปุ่น บริษัทการเกษตรใหญ่ บริษัทพลังงาน และรัฐวิสาหกิจล้าสมัย ธนาคารจอมขูดรีด นักเล่นหุ้นจับเสือมือเปล่าพวกนี้ รวยอยู่บนความขัดแย้ง จริง ๆ
          เราต้องการประชาธิปไตยเพื่อปวงชน ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อนายทุน

หมายเลขบันทึก: 321905เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2009 13:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อย่าดูที่ระบบให้ดูที่เนื้อหาความเป็นจริง ไทยเรายังไม่แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน

ถ้าดูดรรชนีวัดความสุขทางการเมือง ผมว่าไทยอยู่อันดับบ้วยนะครับ ประชาธิปไตยกับโลกกึ่งกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา(+ทางการเมือง)ใช้ไม่ได้ครับ

การเมืองไม่สันทัดครับท่านอาจารย์ แต่อยากให้ประเทศไทย ดีกว่านี้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท