"ภาพวัยเด็กที่วิ่งซุกซนไปตามท้องทุ่งนา"
ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณ กัลยาณมิตร ในชุมชนแห่งการเรียนรู้ gotoknow ทุกท่าน มีสนใจ อ่าน….เรื่องราวที่ผมเขียน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่สุเทพ ที่เป็นที่ปรึกษา ในการเขียน ที่ขาดไม่ได้เลย อ.เอก หนามเกียรติ อ.ศิลา ที่จัดให้มีการอบรมการจัดการความรู้ เมื่อวันที่ 14-15 ธค.52 ภูเขางามรีสอร์ทที่ผ่านมา… หลังจากที่ได้เขียนลงbloc สองวัน 17 – 18
ล่าสุดที่เขียนวันนี้ เวลา 20.02 น. มีพี่ๆเพื่อน น้องๆ เข้ามาทักทาย จำนวน 232 ครั้ง แสดงความคิดเห็น 62 ท่าน ต้องขอบคุณจริงครับ…
ย้อนกลับไปตอนอบรมการจัดการความรู้ วันแรก ตอนที่อ.ศิลา ให้แต่ละคนนั่งนิ่งๆกับตัวเองคนละ 5 นาที เปิดเสียงบรรเลงธรรมชาติ และให้ฟังเสียงและย้อนกับไปนึกถึงอดีตตอนวัยเยาว์ "ใจจริงผมอยากเล่าความรู้สึกขณะนั้นให้เพื่อนๆได้ฟังในวงสนทนานะครับ.. แต่เวลาจำกัด จึงไม่ได้เล่า ….
ภาพแรกที่ผมเห็น ตัวเองในวัยเด็กที่วิ่งซุกซนไปตามท้องทุ่งนา........
ผมเป็นลูกชาวนายากจน เป็นคนสุดท้องคนที่ แปด........
ที่สบายที่สุดแล้วในบรรดา ลูกๆ..........
งานเบาที่สุดที่พ่อแม่มอบหมายให้ทำคือการ หาบน้ำ ใส่ตุ่ม ตอนเลิกเรียน......
วันละประมาณ สี่ถึง ห้าเที่ยวต่อวัน................
ระยะทางประมาณ หกร้อยเมตร จากบ้านถึงบ่อน้ำ หัวไหล่เทียบหลุด.........
ตอนเสาร์-อาทิตย์ ต้องไปเลี้ยงควายที่กลางทุ่งนา.............
เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฤดูหว่านไถจะมาถึง.....................
ของเล่นที่ดีที่สุดคือ (เล่นปั๊ดล้อ)......................
อุปกรณ์เป็นวงล้อจักรยานเก่าๆ...........
วิธีเล่น ใช้ไม้เล็กตีแล้ววิ่งตามไปตามถนนลูกรังรอบหมู่บ้านกับเพื่อนๆ........
อีกภาพ ตอนที่เกาะรั้วบ้านเศรษฐี ในวันเสาร์(แอบหนีพ่อมาดูละคร มดเอ๊กซ์)....
ถูกพ่อแอบย่องมาข้างหลัง ฟาดด้วยไม่เรียว ทำให้ไม่กล้าหนีหน้าที่เลี้ยงควายอีกเลย...
และอีกหลายภาพนิมิตรที่ เห็นถึงความลำบาก แต่มันก็เป็นความสุขในวัยเด็กที่จำติดตามาถึงทุกวันนี้ครับ..........
ปล. เรื่องบันทึกขอเวลาเรียบเรียบอีกหน่อยจะนำมาลงครับ.......
ตามมาอ่านเรื่องราวในวัยเด็กครับ...สู้ๆครับ
ขอบคุณครับคุณเสียงเล็กๆ
ขอตามไปเยือนงานเขียนของท่านบ้างนะครับ......
แวะมาเยี่ยมครับ
ประสบการณ์วัยเด็กไม่ต่างกันเลยครับ
เขียนอีกนะครับ จะตามอ่าน...
เยี่ยมครับพี่ฝน อ่านแล้วก็อดนึกถึงอดีตไม่ได้ (พวกเราสงสัยจะแก่แล้วนะ) อ่านเรื่องพี่ทำให้มีแรงบันดาลใจเขียนอีกเรื่อง
มาทักทายให้กำลังใจจ๊ะ
แล้วจะติดตามตอนต่อไปน่ะ
ขอบคุณครับ หนานเกียรติ
ชีวิตวัยเด็ก น่าจดจำนะครับ.....
จะค่อยๆถอดบทเรียน มีทั้งแรงผลักและ แรงบันดาล....
ขอบคุณครับ มหานันทะ
เอาเรื่องตอนบวชเรียนมาแลกเปลี่ยนกันบ้างซิ........
อยากรู้ว่าเรียนอย่างไรได้มหาน่าสนใจนะ......
ขอบคุณคุณ kun sim
จะรีบเขียน.....
รออ่านนะครับ.......
ขอบคุณครับ คุณศิลา
"ไม่นึกแปลกใจเลยนะครับที่บ้างคนนั่งสงบนิ่ง สามารถร้องไห้ได้......
เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องสะเทือนใจ จิตเกือบนำพาผมไปสู่จุดสะเทือนใจ.......
พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังเสียงก่อน......
แต่อยู่คนเดียวก็แอบร้องไห้อยู่บ่อยๆ......
ดีครับทำให้เราสามารถอยู่กับความทรงจำดีไปตลอดครับ......
ขอบคุณ คุณศิลาครับ
พอดีอ่อนภาษาอังกฤษ.....
แต่ก็อยากเรียนรู้.....
พรั่งพรูเหมือนดั่งสายฝนเลยน๊ะ พี่"Rainny"ของน้องๆ(สาวๆ)
อย่าลืมหากาลามัง คุถัง โอ่ง ไห มารองเก็บ
ไว้ใช้วันข้างหน้า.....ในช่วงแล้งด้วยเน้อ
เก็บตกมาฝากจาก อ.เอก ครับ เอาไว้เตือนเพื่อนๆนักเรียนร่วมชั้น ที่ยังไม่ลงมือเขียน ฝากบอกพวก "ศูนย์ใจ" "ว่าอย่าได้บิวท์อารมณ์มาก"นัก และพวก "ศุนย์หัว" "อย่าได้ใช้เวลาคิดใคร่ครวญนาน"นักเลย เพื่อนๆ "ศูนย์ท้อง"เขาไปถึงไหนแล้วลูกพี่5555555ๆๆๆๆๆ
ขอบคุณพี่สุเทพครับ
เห็นความตั้งใจหลายคนที่ตั้งอกตั้งใจเขียนครับ......
ภาคภูมิใจแทนติวเตอร์จริงครับ.....
พี่ฝน
วิถีชีวิตวัยเด็ก ต่างกับเจสุดขั้ว เจเป็นเด็กเมืองหลวง แต่ยังโชคดีที่เติบโตท่ามกลางบรรยากาศของบ้านสวนฝั่งธนฯ ยังได้เห็นต้นไม้ใบหญ้า นกกา งู ไส้เดือนฯลฯ ยกเว้น "ควาย"
"แอบหนีพ่อมาดูละคร มดเอ๊กซ์...ถูกพ่อแอบย่องมาข้างหลัง ฟาดด้วยไม้" นึกภาพออกเลยค่ะ
........................................
"หนังสือของห้องสมุด ช่วยให้พี่เรียนจบโท" ดีใจ ภูมิใจ และยินดีด้วยอย่างยิ่งค่ะ และขอบคุณสำหรับสาระนิพนธ์ที่พี่ฝนตั้งใจจะมอบไว้ในห้องสมุด เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์อีกมากมายเลยค่ะ
อ่านแบบยิ้ม ๆ ค่ะ ความทรงจำสีจาง
ขอบคุณน้องเจครับ
ที่ติดตามเรื่องราวที่พี่เขียน....
พี่ก็ติดตามเรื่องราวของน้องเจอยู่นะครับ...
ขอบคุณคุณหัวใจติดปีกครับ
"ความทรงจำสีจาง"
ขอตามไปชมผลงานบ้างนะครับ
มาช้าไปหน่อยค่ะ
ชีวิตในวัยเด็กเป็นความทรงจำที่มีค่ามาก ๆ ค่ะ
ย้อนนึกถึงทีไร ทำให้ยิ้มได้เรื่อยไป
ช่วงแรก ๆ ที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ
สิ่งที่ทำให้ขาดความมั่นใจ ก็ความเป็นเดอะบ้านนอกของตัวเองนี่แหละ
กลัวทำเปิ่น ๆ เป๋อ ๆ เดี๋ยวใครเค้าจะมาดูถูกเอา
ใครมาพูดคำว่า บ้านนอก สะดุ้งเลยค่ะ
ในวันนี้
ความคิดมันเปลี่ยนไป
คิดว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาเป็นคนบ้านนอก
พูดคำว่า บ้านนอก ได้เต็มปากเต็มคำ
ตอนเด็ก ๆ หลังเลิกเรียน ต้องมาช่วยที่บ้านเอาหอม กระเทียมขึ้นราว อยู่ใต้ถุนบ้านตา
บางวันก็ไปรับจ้างเสียบใบยา ตัดตอต้นข้าว ปลูกหอม ปลูกกระเทียม ปักผ้า สานหมวก
สารพัดงานที่ทำให้มีรายได้พิเศษ
แต่มันทำให้เรารู้คุณค่าของเงินมาจนทุกวันนี้ค่ะ
ครับ คุณแสงดา
ชีวิตวัยเด็กช่างน่าจดจำจริงๆครับ