ระวังมันจะหลงว่าตนเองเป็นผู้ปฏิบัติ เป็นผู้มีศีล
คำ ๆ นี้ครู เตือนไว้ ตั้งแต่ตัวหนูเองไม่เป็นโล้เป็นพาย ตอนนั้นฟังแล้วก็ยัง งง ๆ เพราะหนูภาวนายังไม่ค่อยเป็น
แต่พอครูพาหนูไปวัด ตอนอยู่ในวัดหนูเองก็ไม่ค่อยเห็นความรู้สึกนี้ของตนเองเท่าไหร่ค่ะ ที่วัดท่านมีอะไรให้ทำหนูก็ทำ มีหน้าที่อะไรให้ช่วยหนูก็ช่วย แต่พอกลับออกมาจากวัดใหม่ ๆ ความรู้สึกว่า ฉันเป็นคนมีศีล เป็นผู้ปฏิบัติมันชัดมาก ๆ กลายเป็นว่า ใจ คอยแต่สอดแส่ จับผิดผู้อื่นไปทั่ว มองคนอื่นตาขวาง ๆ ไป ทั่ว
จับผิดว่า คน ๆ นั้นผิดศีลข้อนี้ คน ๆ นี้ผิดศีลข้อนั้น แต่กลับไม่ย้อนมาดูใจตนเอง ที่คอยเพ่งโทษคนอื่น ยิ่งเจอคนเยอะ ๆ ใจก็ยิ่งหนัก
พอมาเล่าให้ครูฟังท่านจึงบอกว่า
“นั่นแล้วไหมหล่ะ ไอ้ตัวฉันเป็นผู้ประเสริฐ”
หนูฟังแล้วก็ งง ๆ หนูคิดว่าตนเองประเสริฐตรงไหน ครูเอ่ยเสียฉะฉานว่า
“ก็ไอ้ตัวที่มันไปคอยจับผิดคนอื่นนั่นแหละ มันคิดว่าตนเองเป็นผู้ประเสริฐ”
ใจหนูผงะเลยค่ะตอนนั้น
จริง ๆ ไม่ใช่แค่ตอนที่ออกมาจากวัดนะคะที่มีอาการแบบนี้ ตอนที่อยู่ในวัดหนูก็เป็นเหมือนกัน เป็นอาการ สอดส่ายดูแต่คนอื่นจับผิดคนอื่นว่าใคร ทำผิดอะไรบ้าง แต่ไม่รู้จักดูตนเอง จิตคนเรานี่มันเร็วจริง ๆค่ะ
ดีที่ครูท่านเมตตาชี้แนะ มันง่ายมาก ๆ ที่จะโดนกิเลสครอบงำ ไม่เลือกเหตุการณ์ ไม่เลือกสถานที่ค่ะ พอครูท่านชี้ พอหนูเห็นใจตนเองที่ไปคอยจับผิดคนอื่น ก็ค่อย ๆ ใจสบายขึ้น หันกลับมาดูใจตนเองถี่ขึ้น ๆ พอเห็นความคิดชั่วตนเองบ่อย ๆ ก็มีเวลาไปสนใจคนอื่นน้อยลงค่ะ
กราบขอบพระคุณครูเจ้าค่ะ
แวะมาทักทายยามเช้าครับ...
สวัสดียามเช้าเช่นกันค่ะ คุณหนานเกียรติ ขอให้ใจเบิกบาน นะคะ
ขอบคุณสำหรับคำเตือนค่ะ...
ดาวจะได้พึงระวังตัวไว้ ^-^