คำถามนี้เป็นคำถามของครูที่ท่าน เมตตาให้หนูทบทวนในตนเอง
ตอนแรกที่หนูไปถึงหนูเองรู้สึกตื่น ๆ กลัว ๆ เพราะมีความคิดว่า งานหลายอย่างที่ได้รับมอบหมายยังทำไม่เรียบร้อย ทำให้มีความรู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ แต่พอพี่ปุ๋มนิ่ง ๆ ก็ยิ่งมีความกังวล พอเจอน้อง ๆ ที่ศูนย์ฟื้นฟูแรก ๆ ก็ยังวางตัวไม่ค่อยถูก ใจยังเกาะกับความเศร้าหมอง ขุ่นมัว ในอุปสรรคหลาย ๆ อย่างในการเดินทางที่ไม่เป็นอย่างที่คิด และรู้สึกว่าตนเองโดนตำหนิ พอนั่งล้อมวงทานข้าวกับน้อง แต่ละคนน่ารักมาก ๆ พูดเล่นสนุกสนานเป็นกันเอง ทำให้ใจหนูผ่อนคลายมากขึ้น พอทานเสร็จเด็กช่วยกันเก็บสำรับล้าง
ติ๋วยืนมองแม่ชีและชาวบ้านยืนสาวไหมกันอย่างรู้สึกสนใจ พอพี่ปุ๋มเอ่ยว่า “ไปลองทำดูซิ ตอนนี้ไม่มีงานอะไรทำแล้ว” ตอนแรกหนูก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะก็ทำไม่เป็น แต่ก็บอกตนเองว่า “อะลองดู” พอเดินเข้าไปกราบแม่ชีและบอกว่า “มีอะไรให้หนูช่วยไหมค่ะ” ชาวบ้านยิ้มแล้วบอกว่า “มีเยอะเลย” หลังจากนั้นหนูก็เริ่มค่อย ๆ เรียนรู้ ว่า
“จะต้องทบเส้นไหมแยกเป็น 4 เส้น 2 กลุ่มเอามาหมุนด้วยใบพัดพัดลม เรียกไหม 8 เอาเส้นไหมที่ทำแบบเดียวกันนี้(ไหม 8) 2 เส้นมาหมุนรวมกันด้วยพัดลม ได้เป็นไหม 16 แล้วก็กวักไว้ในอัก"
ชาวบ้านบอกว่า "ส่วนนี้เอาไว้ทอ ทำผ้าคาดเอวถวายพระ" ฟังแล้วรู้สึกประทับใจในศรัทธาของชาวบ้าน มีแม่ท่านหนึ่งเอ่ยว่า
“มาไกลก็ตั้งไกลเหนาคุณหมอ แต่ก็ได้มาทำ ประคตเอวถวายหลวงปู่ด้วยกันเหนาะ จะถวายวันเกิดท่านนี่แหละ”
ได้ยินแล้วรู้สึกดีใจและประทับใจบอกไม่ถูก มันก็แปลกดี พอพี่ปุ๋ม เดินมาแนะนำว่า “คุณยายชี” ติ๋วเก้อ ๆ กัง ๆ ไหว้ พี่ปุ๋มจึงบอกว่า “ก้มลงกราบซิ” หนูจึงค่อยก้มลงกราบ พี่ปุ๋มเอ่ยต่อว่า “ลูกศิษย์ปุ๋มเอง” ติ๋วรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
รู้สึกว่าคุณยายชีท่านทำงานคล่องแคล่วปราดเปรียวมากค่ะ ทั้ง ๆ ที่ท่านก็อายุมากแล้ว เด็ดเดี่ยวห้าวหาญ รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของท่าน และหนูก็รู้สึกคุ้นเคยกับท่านดี ทั้ง ๆ ที่พึ่งเจอกันครั้งแรก
กราบขอบพระคุณครูค่ะที่ให้โอกาส
เคยไปบรรยายที่ทัณฑสถานหญิงได้เห็นบรรยากาศความสงบความตั้งใจแล้วนึกชื่นชม
คิดให้เป็นโอกาสก็ได้เพราะได้ฝึกตนมองตนพิจารณาชีวิต
ได้ใคร่ครวญฝึกฝืนใจตัวบ้างก็ก่อให้เกิดปีติสุขแม้จะอยู่ในสถานที่ไม่มีอิสระ
สาธุเจ้าค่ะท่าน พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
คุณครูท่านสอนหนูว่า
คนที่จะมาทำงานกับกลุ่มคนแบบนี้มีน้อย เพราะว่าเราทำงานกับคนที่มีต้นทุนติดลบ การได้รับการสนับสนุนก็น้อย งบที่จะมาดำเนินงานก็น้อย แต่เราไม่ได้ทำเอาชื่อเสียง ไม่ได้ทำเอาอะไรทั้งนั้น ใครไม่ทำ เราก็ทำ ใครเห็นความสำคัญหรือไม่เห็นความสำคัญเราก็ทำ
จากที่ได้ร่วมกิจกรรมสุนทรียโสเหร่ พระอาจารย์ท่านเล่าว่า ช่วงนี้รัฐบาลเขาไม่มีเงินมาช่วยเหลือเพราะว่าเป็นช่วย จัดการเรื่องงบประมาณ แต่ในความเป็นจริง เด็ก ๆ ต้องกินต้องใช้ เราก็ต้องช่วยเขา
พอหนูมองย้อนกลับไปที่โครงการหลาย ๆ โครงการในระบบราชการ ที่ยังถูกใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก แต่กลับเกิดประโยชน์ได้น้อย ก็รู้สึกสะท้อนในใจเช่นกันค่ะ