บักโดกราเป็นอำเภอหนึ่งในรัฐ West Bengal เป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ที่เป็นชุมทางสายการบิน และรถไฟที่จะเชื่อมต่อไปทั่วประเทศเนื่องจากสิกขิมยังไม่มีสนามบินและทางรถไฟ บักโดกราจึงเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางของทั้งสองเส้นทางเพื่อไปสู่สิกขิม หรือไปสู่เมืองอื่นๆ ของอินเดีย บักโดกราห่างจากกังต๊อก (Gangtok) เมืองหลวงของรัฐสิกขิม 115 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 4 ชั่วโมง
ในตัวเมิองผู้คนเดินทางขวักไขว่พอควร ถนนแคบ รถติดเป็นช่วงๆ พอออกนอกเมืองไปสิกขิมทางเริ่มขึ้นเขา ถนนไม่ดีนักกำลังก่อสร้าง ทางตอนต้นๆ แคบมาก ไต่เขาขึ้นไป น่าหวาดเสียวเพราะด้านหนึ่งเป็นเขา อีกด้านหนึ่งเป็นเหวซึ่งมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวด้านล่างที่มีต้นกำเนิดจากภูเขาสูงที่นี่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย แต่คนขับชำนาญทางมาก มือ เท้าและสายตาว่องไวพร้อมกับจังหวะการเหยียบคันเร่งที่แสดงอาการ มั่นใจในฝีเท้ามาก ดิฉันอ่อนเพลียเพราะเดินทางต่อกันมาตลอด ของีบสักพัก
จนมาถึงสำนักงานการท่องเที่ยวสิกขิมเพื่อนำพาสปอร์ตของพวกเราไปลงทะเบียน นั่งพักผ่อน เข้าห้องน้ำ รับน้ำชาพร้อมขนม เสร็จแล้วออกไปถ่ายรูปสำนักงานที่มีสถาปัตย์แบบสิกขิม สวยงามดี ด้านหน้าติดถนน อากาศเริ่มมืด ฝนลงเม็ดปรอยๆ ใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงเสร็จแล้วเดินทางต่อ เลาะเขาไปเรื่อยๆ ฝนตกหนักมากขึ้น เห็นบ้านคนอยู่ตามไหล่เขา ซึ่งแสดงให้เห็นความพยายามของมนุษย์ที่จะเอาชนะธรรมชาติ ทำอย่างไรจะอยู่กับธรรมชาติที่เป็นภูเขา หาที่ราบได้ยากมากให้ได้ สร้างตึกบนเขาบ้าง หรือแนบกับหน้าผาบ้างซึ่งตึกที่สร้างดูแข็งแรง ทนทานมาก ถนนดีสลับกับแย่ไปตลอดทาง ดิฉันก็หลับๆ ตื่นๆ ไปตลอดทางเพราะรถโขยกเขยกไปเหมือนนอนเปลกล่อมให้หลับ ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง ในที่สุดเรามาถึงที่พักราวสองทุ่มเศษ ฝนตกหนักมาก แต่มาถึงที่พักชื่อ MAYFAIR สวยเหมือนฝันเพราะเพิ่งงัวเงียตื่น มีพนักงานนำร่มมากางพาเราไปเช็คอิน ลงทะเบียนพร้อมกับให้พาสปอร์ตไป ห้อง reception ตกแต่งด้วยของตกแต่งคล้ายมาจากประเทศไทย สวยงามดี เสร็จแล้วมีเจ้าหน้าที่ของสิกขิมพาเราไปนั่งทานน้ำชากับขนมที่ห้องอาหาร และบอกกำหนดการของวันพรุ่งนี้ให้เราทราบคร่าวๆ จากที่นี่ เราสามารถเห็นแสงไฟของบ้านคนเป็นหย่อมๆ ได้รับการบอกเล่าว่านั่นคือ “กังต็อก” เมืองหลวงของสิกขิม
พนักงานพาพวกเราเดินลุยน้ำฝนไปห้องพัก ที่นี่เป็นโรงแรมแบบรีสอร์ตที่อิงแอบแนบชิดกับภูเขาด้านหน้าหันออกถนน มีประตูโรงแรมคล้ายประตูบ้าน (มหาเศรษฐีแบบจีนผสมทิเบต ทำนองนั้น) เปิดเข้าไปเป็นลานกว้างด้านหน้ามีวงเวียนน้ำพุเล็กๆ ให้เดินรอบได้ ด้านซ้ายเป็นห้อง reception และหลังห้องนี้เป็นอาคารสองชั้น สถาปัตยกรรมคล้ายไทยล้านนาแต่คงเป็นแบบสิกขิม ที่นี่มีพื้นที่กว้างพอควร ส่วนด้านซ้ายของอาคารต่อขึ้นไปเป็นชั้นที่สาม สี่ซึ่งอิงแอบแนบภูเขาไป มีทางเดินด้านข้างของอาคารนี้ทางขวาเข้าไปที่พักด้านหลัง ผ่านห้องอาหารซึ่งอยู่ขวามือของทางเดิน ผนังห้องอาหารมีภาพพระพุทธรูป และพระสงฆ์สไตล์วาดแบบไทยประดับที่ผนังห้องอาหาร สวยงามอีกเช่นกัน เดินตรงไปขึ้นบันไดสักห้าขั้นเป็นพระพุทธรูปสีขาวคล้ายหินอ่อนประดิษฐานอยู่ พร้อมอัครสาวกซ้ายขวา ทำให้เราชาวพุทธต้องยกมือไหว้ (มาโรงแรมเหมือนได้ไปทั้งวัดพุทธ และฮินดู) ด้านขวาเป็นสระว่ายน้ำเล็กๆ ด้านซ้ายมือเป็นลานกว้างสี่เหลี่ยมที่มีห้องพักเป็นอาคารสองชั้นล้อมรอบ ดิฉันพักห้องที่เรียกว่า bamboo zone กระเป๋ามารอที่ห้องแล้ว ดิฉันเรียนให้ทุกท่านทราบว่าขอตัวไม่ทานอาหารเย็นแล้วเพราะอิ่ม และรู้สึกเพลีย
ห้องพักสวยหรูมาก ด้านหลังเป็นป่าไผ่ที่มีปล้องใหญ่และสูงขนาดอาคารสองชั้นเพื่อบดบังฉากหลังคือชุมชนที่ห่างไกลออกไป หรือปิดกั้นสายตาจากภายนอกก็ได้ เราสามารถออกไปชมวิวที่ระเบียงโดยมองผ่านลำไผ่ออกไปได้ในวันที่ฝนตกไม่มาก อากาศไม่หนาวอย่างที่คิด เพียงแต่เย็นๆ เพราะฝนตกหนักมาก
ห้องพักมีห้องแต่งตัวอยู่ในห้องน้ำ แยกจากห้องนอน ห้องน้ำเป็นกระจกที่สามารถชมวิวผ่านทิวไผ่ไปได้ (หากไม่รู้สึกโป๊ขณะอยู่ในอ่างอาบน้ำ เพราะแม้ว่าเราจะอยู่ห่างจากชุมชน แต่ในยามค่ำคืนที่เราสามารถมองเห็นแสงไฟของบ้านคนได้จากห้องน้ำ ใครเลยจะไม่ปิดม่านห้องน้ำลงหนอ!) ใครจะนึกว่าที่สิกขิมจะมีที่พักที่สุดแสนเลิศขนาดนี้ วันนี้เดินทางออกจากบ้านจนถึงสิกขิมใช้เวลามากกว่า 12 ชั่วโมง ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
----------------------
บอกกล่าว ข่าวแจ้ง
ด่วน!
ท่านที่สนใจหลักสูตรปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมและการพัฒนา เอกอินเดียศึกษา (Indian Studies) โปรดสมัครได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3309
สนใจเข้าชม www.lc.mahidol.ac.th
ไม่มีความเห็น