คนดี ร้องไห้ให้พอ


hiv
 
ต้น (ชื่อสมมุติ) ติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สุ่ลูก    แม่มีเชื้อเอชไอวี  แต่ปิดบังพ่อ  หลังจากคลอดลูกพ่อแม่เลิกกัน   ลูกอยู่กับพ่อที่ไม่มีแม่ใหม่
พ่อเลี้ยงดูต้นจนอายุ 15 ปี   ต้นเริ่มป่วย  น้ำหนักลดลง มีจุดคันตามลำตัว
จนวันหนึ่งต้นมีไข้สูงมากพ่อพามาโรงพยาบาล
วันนั้นเป็นวันที่พ่อรู้ว่าต้นมีเชื้อเอชไอวี  และเข้าสู่ภาวะของโรคเอดส์
พ่อร้องไห้   แต่ต้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ....
ต้นได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่แพทย์ พยาบาลสอนพ่อ  แนะนำต้น ว่าต้องกินตรงเวลา ต่อเนื่อง
1 ปีผ่านไป   ต้นเริ่มรู้ว่าตนเองมีเชื้อเอชไอวีในร่างกาย เป็นผู้ป่วยเอดส์
วันที่รู้ต้นร้องไห้
บอกว่าเสียใจ   ไม่อยากกินยาแล้ว   จะยอมกินถ้ากินแล้วหายขาด
วันนั้น คุณหมอและพยาบาลบอกต้นว่าไม่หายขาด แต่จะแข็งแรง ไม่ป่วย มีอายุยืนยาว ทำงานได้  วิ่งเล่นได้ตามปกติ  แต่ต้องกินยาตรงเวลานะ ห้ามขาดยา
ต้นรับปาก  ว่าจะกินยา  พ่อรับปากว่าจะดูแล
เวลาผ่านไปไม่ถึง 1 ปี  ผลการตรวจเลือด  การรักษาไม่ก้าวหน้า  ต้นดูไม่ดีเท่าที่ควร
ต้นยอมรับกับหมอและพยาบาลว่ากินยาบ้าง ไม่กินบ้าง
พ่อโกรธมาก  บอกว่าจะตีลูกให้ตาย   วันนี้ไม่รอดแน่  สารพัดคำหยาบ
โกรธที่ลูกโกหกว่ากินยา   เพราะตัวพ่อเฝ้าลูกตลอดไม่ได้เพราะต้องทำงาน
วันนี้ถ้ากลับบ้านจะตีให้ตาย ...
 
ต้นร้องไห้   บอกว่าเบื่อ  ไม่อยากกินยา   พร้อมจะตาย ....
วันนั้น  เป็นวันที่พยาบาลน้ำตาคลอตาต่อหน้าต้น  ต่อหน้าพ่อ
บอกพ่อว่า  ขอเถอะ  วันนี้พี่ขอ   อย่าทำอะไรต้นเลย  แค่นี้ต้นก็เจ็บพอแล้ว
พี่พยาบาลกอดต้น...
ในที่สุดพ่อรับปากว่าจะไม่ตีต้น
แล้วจูงมือกันกลับบ้านไป
กรณีของต้นเป็นหนึ่งในหลายคนของผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี
ปัญหาของต้นต้องได้รับการช่วยเหลือ  แก้ไข  ตั้งแต่ระดับครอบครัว
จนถึงระดับ ...
นำมาให้อ่านเพื่อว่าจะมีข้อเสนอ   ให้ทีมผู้ดูแลมีทางเลือก  ทางออก  แนวทางป้องกัน  แก้ไข  ดีกว่าที่เป็นอยู่
                            
คำสำคัญ (Tags): #เอชไอวี
หมายเลขบันทึก: 318640เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2009 11:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 21:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

วันนี้คนอ่านร้องไห้ อยากให้กำลังใจพ่อของต้น ตัวต้นเอง และพยาบาลที่ดูแลต้น

การจะตายหรือไม่ตาย คือ สถานะการณ์ที่เข้ามาในความคิด

แต่การไม่ตาย คือ ปัจจุบันที่ต้องเผชิญ ก็ยากที่จะบรรยายว่า ในกรณีนี้ ถ้าปล่อยไปตามธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะเยียวยา 

คนที่เข้มแข็งที่สุด คือ ต้น เพราะอยู่กับภัยคุกคามมา 15 ปี การที่จะอยู่ต่อเป็นเรื่องที่เรียนรู้ พี่ของให้กำลังใจ ในฐานะหนึ่ง คือ ผู้ดูแลและขอร้องไห้ด้วย และต้องลุกมาสู้ต่อไป

การมีชีวิตอยู่บนโลก จำเป็นหรือว่าจะต้องให้ได้ร้อยปี เก้าสิบปี แปดสิบปี หากวัตถุประสงค์การมีชีวิต เพียงกินและดื่มเท่านั้น มันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่หากเราอยู่บนโลกนี้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่เป็นระยะเวลาสั้นๆที่เป็นสาระแก่ตนเอง และเพื่อนมนุษย์คนอื่น ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ดี และมีความหมาย คนเราพยายามที่จะยื้อชีวิตให้อยู่บนโลกนานๆ แต่ยังไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการมีชีวิตอยู่...

ในกรณีของผู้ป่วยเอดส์ที่เมื่อรู้ว่าตนติดเชื้อ หากไหวตัว คิดได้ ที่จะมีชีวิตทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อผู้อื่น จะมีความสุขและไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย...มีตัวอย่างให้เห็น

สวีสดีค่ะคุณแมวยักษ์

    ช่วยบอกคุณพ่อต้นนะคะ ใช้น้ำมันมะพร้าวทำอาหารให้น้องต้นทาน

         หรือตักใส่ไปในอาหาร  คุณช่วยอ่านข้อมูลในบันทึกการทำน้ำมันมะพร้าว

      http://gotoknow.org/blog/kanda01/296587 หัดทำนะคะไม่ยาก

        ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวหรือ กะทิ นะคะ

           เพราะ มีกรดลอริกที่ ต่อสู้กับ ไวรัสเอดส์ ได้ค่ะ มีคนเป็นเอดส์

          ทานแล้วดีขึ้นค่ะ ระหว่างการกินยา กับการนำสิ่งที่ทำให้ดีขึ้นใส่ไปในอาหารจะดีมากต่อผู้ป่วยค่ะ อย่างหลังจะดีกว่านะคะ ลองดูนะคะ

  

   ใส่ในถุงก็เป็นน้ำมันได้ค่ะ ช่วยกันหัดทำนะคะและเผยแพร่เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ โดนเฉพาะผู้ที่เป็นโรคต่างๆจะดีขึ้น ของธรรมชาติ ปลอดภัยมากๆค่ะว่างๆเข้าไปอ่านข้อมูลนะคะลงไว้มากมายค่ะ

 บอกคุณพ่อต้นก็ต้องกินด้วย เพราะเครียดมานานมาก ระวังโรคที่จะเกิดขึ้นเพราะความเครียด แล้วใครจะดูแลน้องต้นหากไม่สบาย สู้ อย่าโกรธลูก ลูกก็เครียดไปด้วย โรคก็จะทรุด เมื่อเป็นแล้ว การเครียดไม่ได้ทำให้หาย ค่อยๆหาวิธีทำให้ ทั้งพ่อลูกไม่เครียด ลองชวนลูกหัดทำน้ำมันมะพร้าวกินกันทั้งพ่อทั้งลูกดีกว่า เมื่อเป็นแล้วสอนคนอื่นต่อ น้องต้นก็จะภูมิใจ ไม่ต้องบอกเขาก็ได้ว่ากินเพื่ออะไร เป็นอาหารที่ปัจจุบันควรใช้กันทุกบ้าน ทำให้ร่างกายแข็งแรง 

           ลองพิจารณาดูนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท