KM
Topic
การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา(Priority
setting of problems)
นำเสนอโดย นายสามารถ
เฮียงสุข นักวิชาการสาธารณสุข
5
เสนอที่ประชุม KM
ศูนย์การเรียนรู้โรคติดต่อนำโดยแมลง (วันที่ 4 เมษายน
2549)
จากข้อมูลที่เก็บรวบรวมและวิเคราะห์
ต้องนำมาพิจาณาว่า ปัญหาสุขภาพของชุมชน คืออะไร ทั้งนี้
ปัญหาหลายประการไม่อาจสามารถแก้ไขได้พร้อม ๆ กัน
เนื่องจากมีข้อจำกัดต่าง ๆ หลายประการ
จำเป็นต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหาสุขภาพ
ความหมายของปัญหา มีผู้ให้นิยามของปัญหา
และลักษณะของสมการว่า
ปัญหา = (สิ่งที่ควรเป็น - สิ่งที่เป็นอยู่)
x ความสนใจ
การกำหนดปัญหา
อาศัยดัชนีอนามัยตัวบ่งชี้ ให้หลัก 5 D คือ
การเจ็บป่วย (Diseases),การตาย (Death),การพิการ
(Disability),ความไม่สะดวกสบาย(Discomfort),ความไม่สมหวังหรือไม่พึงพอใจ
(Dissatisfaction)
ตัวชี้วัดด้านสุขภาพอนามัย ที่ควรนำมาใช้ ได้แก่
ตัวชี้วัดเกี่ยวกับการป่วย ตัวชี้วัดเกี่ยวกับการตายของประชากร
ตัวชี้วัดเกี่ยวกับการบริการสาธารณสุข
ตัวชี้วัดเกี่ยวกับทรัพยากรด้านสังคม เศรษฐกิจ
และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข
เมื่อได้กลุ่มปัญหาแล้ว (Problem list)
ขั้นตอนต่อไปจะต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
วิธีการประเมินปัญหาสุขภาพเพื่อจัดลำดับ ไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุด
ถูกต้องที่สุด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของประเทศ หรือชุมชนนั้น ๆ
อาจใช้ข้อมูลในการตัดสินใจจากข้อมูลต่อไปนี้
-
การประเมินโดยหลักเศรษฐศาสตร์ (Economic appraisal)
โดยการพิจารณาถึงความคุ้มทุนและคุ้มค่า ได้แก่ cost-benefit analysis
หรือ cost-effectiveness analysis
-
การประเมินโดยตารางตัดสินใจ (Multi-variable decision)
โดยมีตัวแปรต่าง ๆ ใช้ในการตัดสินใจ ได้แก่
1. ขนาดของปัญหา (size of
problem)
2. ความรุนแรงของปัญหา (ต่อตนเอง
ครอบครัวและชุมชน)
3.
แนวโน้มการแก้ปัญหาหรือความยากง่ายในการแก้ปัญหา
4.
ความร่วมมือของชุมชนหรือความตระหนักของชุมชน
5. ผลกระทบในระยะยาว
(ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม)
-
การสร้างหลักเกณฑ์ในการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
โดยปกติเกณฑ์พื้นฐานที่นิยมใช้ในการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
(priorities setting of health problem) วิเคราะห์โดยพิจารณาจากตัวแปร
ต่อไปนี้
1. ขนาดของปัญหา (size of
problem) ประชากรที่ถูกกระทบจากปัญหา
ถ้ามีประชากรที่ได้รับผลจากปัญหามากก็ควรได้การจัดลำดับความสำคัญสูงกว่าเพราะขนาดปัญหาใหญ่
2.
ความรุนแรงหรือความเร่งด่วนของปัญหา (severity of problem) หมายถึง
ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงหรือเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข
หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดความพิการ หรือเสียชีวิตได้ เป็นต้น
3. ความเป็นไปได้
แนวโน้มในการปัญหา หรือความยากง่ายในการแก้ปัญหา (feasibility or
ease) เช่น ข้อจำกัดทางวิชาการ ข้อจำกัดทางการบริหารจัดการ
ข้อจำกัดด้านเวลา หรือจำนวนทรัพยากรที่ต้องใช้ในการแก้ปัญหา
ปัญหาที่แก้ได้ง่ายหรือมีแนวโน้มในการแก้ปัญหาที่ดีควรได้จัดลำดับความสำคัญสูงกว่า
4. ความตระหนัก
การยอมรับหรือความร่วมมือในการแก้ปัญหาของชุมชน (Community concern)
ปัญหาที่ชุมชนตระหนักและให้ความร่วมมือดำเนินการแก้ไข
ควรจะจัดลำดับความสำคัญสูงกว่า
5. ผลกระทบในระยะยาว (Impact)
ปัญหาที่มีผลกระทบในระยะยาวมากกว่า ควรจะจัดลำดับ
ความสำคัญสูงกว่า
การให้น้ำหนักหลักเกณฑ์หรือตัวแปรต่าง ๆ
ที่เลือก
โดยพิจารณาเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่เลือกแล้วว่าเกณฑ์ไหนมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด ดังนั้น
น้ำหนักของเกณฑ์
แนวโน้มการแก้ปัญหาและความร่วมมือของชุมชนน่าจะมากกว่าเกณฑ์อื่น
คะแนนที่ให้ อาจใช้ดังต่อไปนี้
ความสำคัญ |
น้ำหนัก
(W) |
สูง |
5 |
ค่อนข้างสูง |
4 |
ปานกลาง |
3 |
ค่อนข้างต่ำ |
2 |
ต่ำ |
1 |
น้ำหนักของเกณฑ์มาตรฐานที่นิยมใช้
ความสำคัญ |
น้ำหนัก
(W) |
ขนาดของปัญหา |
4 |
ความร้ายแรงเร่งด่วน |
3 |
แนวโน้มการแก้ไขปัญหา |
5 |
ความร่วมมือของชุมชน |
5 |
ผลกระทบในระยะยาว |
2 |
การให้คะแนนปัญหา
(R)
โดยให้หลักการให้คะแนนแบบเดียวกับการให้คะแนนหลักเกณฑ์
โดยให้คะแนนปัญหาแต่ละปัญหาในทุก ๆ หลักเกณฑ์หรือทุกตัวแปร
ตามผลการวิเคราะห์ข้อมูล และใช้วิจารณญาณว่าปัญหานั้น ๆ
ในตัวแปรที่ไม่มีค่าสถิติสนับสนุน เช่น ความยากง่าย
ความตระหนักของชุมชน เป็น ปัญหาใด สูงต่ำเพียงใด
การให้คะแนนสูงต่ำตามเกณฑ์ ดังนี้
5 |
หมายถึง |
มากที่สุดหรือสำคัญที่สุด |
4 |
หมายถึง |
มาก หรือสำคัญมาก |
3 |
หมายถึง |
ปานกลาง |
2 |
หมายถึง |
น้อย |
1 |
หมายถึง |
น้อยที่สุด |
เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่เกี่ยวข้อง (prevalence)
คะแนนที่ได้
0 –
20%
1
21 –
40%
2
41 –
60%
3
61 –
80%
4
81 –
100%
5
ตาราง ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากับหลักเกณฑ์
องค์ประกอบปัญหา |
ขนาดปัญหา |
ความร้ายแรง |
แนวโน้ม |
การยอมรับ |
ผลกระทบ |
คะแนนรวม |
|||||
R |
W=2 |
R |
W=2 |
R |
W=3 |
R |
W=3 |
R |
W=5 |
||
ปัญหา ก |
3 |
6 |
2 |
4 |
3 |
9 |
3 |
9 |
1 |
5 |
33 |
ปัญหา ข |
3 |
6 |
3 |
6 |
3 |
9 |
2 |
6 |
1 |
5 |
32 |
ปัญหา ค |
2 |
4 |
2 |
4 |
2 |
6 |
2 |
6 |
3 |
15 |
35 |
ปัญหา ง |
2 |
4 |
1 |
2 |
3 |
9 |
2 |
6 |
2 |
10 |
31 |
การคิดคะแนน
1. นำคะแนนที่ (R =
การให้คะแนนปัญหา) ให้คูณกับน้ำหนัก (W = น้ำหนัก)
จะได้คะแนนของแต่ละองค์ประกอบ
2.
คะแนนรวมได้จากการรวมขององค์ประกอบทั้ง 5
3.
การพิจารณาลำดับความสำคัญตัดสินจากคะแนนรวม
โดยให้คะแนนตามตารางการจัดลำดับความสำคัญดังนี้
จากตัวอย่างปัญหาสุขภาพของชุมชนเรียงลำดับความสำคัญจากปัญหาในตารางข้างบน
สรุปได้ดังนี้
ปัญหา
อันดับแรก
คือ
ปัญหา ค
อันดับ
2
คือ
ปัญหา ก
อันดับ
3
คือ
ปัญหา ข
อันดับ 4
คือ
ปัญหา ง
เอกสารอ้างอิง
ปัตพงษ์
เกตุสมบูรณ์. เวชศาสตร์ชุมชน 3. เอกสารประกอบการสอนวิชาเวชศาสตร์ชุมชน
หัวข้อ
การจัดลำดับความสำคัญทางการแพทย์และสาธารณสุข ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2545.
เรณู หาญอาฤทธิ์. อนามัยชุมชน เล่ม 2. กรุงเทพฯ :
ยุทธรินทร์การพิมพ์, 2540.
ศิริกุล อิศรานุรักษ์. หลักการวางแผนอนามัยครอบครัว. กรุงเทพฯ :
เจริญดีการพิมพ์, 2542.
ขอบคุณมากนะค่ะ สำหรับข้อมูลตัวอย่างในการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา พอดีกำลังค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อนำไปประกอบรายงาน
ถ้าหากกำหนดช่วงอายุมาด้วย จำนวนคนป่วยแต่ละช่วงอายุไม่เท่ากัน จะคิดยังงัยคะ