น้อยนิด แต่มหาศาล


จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่มีคุณค่ามหาศาลกับใครหลาย ๆ คน....ชีวิตที่มีค่า ไม่ใช่ชีวิตที่ร่ำรวย มีเกียรติ หรืออายุยืน แต่ชีวิตที่มีค่าคือชีวิตที่ตัวเราเป็นคนมีคุณค่าและทำให้ชีวิตคนอื่นมีค่า
        รายชื่อของผู้ป่วยแต่ละรายที่ทีมเยี่ยมบ้าน หรือที่เรียกกันติดปากว่า  Home Health Care  ได้ถูกวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วว่าใครจะเป็นผู้ออกไปเยี่ยมบ้าง  ปัญหาสำคัญตอนนี้คืออะไร  จะต้องได้รับการดูแลเร่งด่วนอะไรบ้าง  หลังจากแพทย์จำหน่าย (Discharge) ผู้ป่วยกลับบ้าน  ผู้ป่วยรายใดที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน  จะถูกส่งรายชื่อมาที่ทีม PCT (Patient Care Team)  และจัดลำดับตามปัญหาความเร่งด่วนก่อนได้รับการเยี่ยม  เมื่อทีมเยี่ยมบ้านที่อยู่ในทีม PCT ได้วางแผนการเยี่ยมกันเรียบร้อยก็จะกำหนดการเยี่ยมออกไป
        วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน  ที่พวกเราทีมงานเยี่ยมบ้าน  ต้องออกไปเยี่ยมบ้านตามแผนที่วางเอาไว้   Case  ที่เราจะเข้าไปดูกันนั้น  เป็นผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงครึ่งซีกจากเส้นเลือดในสมองตีบ  ซึ่งได้รับการส่งต่อจากโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี    น่าจะดีไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง  แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลอะไรที่ทีมพวกเราเลือกที่จะไปเยี่ยม  Case นี้ก่อนในวันนั้น  รถเยี่ยมบ้านพาพวกเราและทีมเข้าไปในซอยเล็กๆ  หลังจากนั้นพวกเราต้องเดินต่อข้ามทางรถไฟ  เดินเข้าไปอีกเล็กน้อย  รถไม่สามารถจอดที่หน้าบ้านผู้ป่วยได้          บ้านรูปทรงสี่เหลี่ยม  ภายในเป็นห้องโถงโล่ง  มีเพียงตู้เสื้อผ้าหลังเก่ากั้นไว้เพื่อแสดงเป็นอาณาเขตของห้องนอน  เตียงไม้ขนาด 6 ฟุต อยู่ติดผนังด้านขวาของห้อง  เป็นเตียงนอนของผู้ป่วย  มองทะลุประตูหน้าบ้านมองเห็นประตูออกทางหลังบ้านอีกทางมีบริเวณที่ปรุงอาหารเป็นห้องครัว  ห้องน้ำเล็กๆ  อยู่ทางปลายเตียงนอน  อยู่ภายในบ้าน  สำหรับที่ผู้ป่วยและญาติเดินเข้าห้องน้ำได้อย่างสะดวกสบาย 
        เมื่อทีมของพวกเราเดินทางไปถึงและกล่าวทักทาย  ภรรยาของผู้ป่วยออกมาทักทายพวกเราด้วยสีหน้าแปลกใจ และสงสัยว่าพวกเรามาทำอะไรกัน  เราจึงแจ้งให้ทราบว่าเรามาเยี่ยมและจะมาช่วยดูแลลุงต่อจากโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี  เราพบว่าลุงและป้ากำลังเก็บข้าวของ  เพื่อจะเดินทางไปรักษาตัวที่กรุงเทพ  ผู้ป่วยและภรรยาบอกว่า  
        “ป้ากำลังจะพาลุง (ลุงสวาท ผู้ป่วยที่ทีมพวกเราไปเยี่ยม)  ไปรักษาตัวที่กรุงเทพ”  ป้าเล่าไปพร้อมชี้มือไปที่กระเป๋าที่เก็บเสื้อผ้า  และของใช้ที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว  รอเพียงรถที่ป้าว่าจ้างไว้มารับและจะเดินทางวันนี้พอดี    ป้ายังเล่าต่ออีกว่า   เห็นอาการของลุงไม่ดีขึ้นและคิดว่าอาการที่ลุงเป็นอยู่แย่มากกลัวจะไม่หาย    ทีมงานเยี่ยมบ้าน  จึงได้ขอเวลานั่งคุยอธิบายให้ลุงและป้า  ลุงและป้านิ่งไป  เมื่อเห็นไมตรีจิตรจากทีมของพวกเราจึงได้ยอมให้พวกเราเข้าไปคุยในบ้าน  เมื่อได้ซักถามอาการทั่วไปและการเจ็บป่วยทั้งหมด  ชีวิตความเป็นอยู่  สภาพแวดล้อม  และผู้ที่จะดูแลลุง  เมื่อได้ข้อมูลเพียงพอ  ทีมพวกเราจึงได้สรุปให้ลุงและป้าฟังว่าอาการที่ลุงเป็นอยู่นั้นจะสามารถฟื้นฟูได้ในเร็ววัน  ขอเพียงแต่ลุงมีความตั้งใจและให้ความไว้วางใจที่ทีมผู้ดูแลของโรงพยาบาลจะเข้ามาให้การดูแล  และต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยด้วย   วันนั้นทีมพวกเราได้ใช้เวลาคุยกับลุงและป้าเกือบ 3 ชั่วโมง  แต่ก็ถือว่าเป็น 3 ชั่วโมงที่มีค่ายิ่งนัก
        ลุงสวาท  ชายไทยรูปร่างสูงใหญ่ค่อนข้างท้วม  ผิวดำแดง  ได้รับการส่งต่อให้มารักษาตัวที่บ้านป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ  และมีอัมพาตครึ่งซีกร่วมด้วย  รับการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี  ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้น้อย  พอทำกิจวัตรประจำวันได้  รู้สึกกังวล  หมดหวัง  และท้อแท้  ที่ต้องเป็นภาระของครอบครัว  สูญเสียความมั่นใจในตนเองจากที่เคยเป็นผู้นำครอบครัวแต่ปัจจุบันต้องพึ่งพาและอาศัยภรรยาในการช่วยเหลือตนเอง  มีสีหน้าเป็นกังวล  แววตาเศร้าหมอง  ถามคำตอบคำ  ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
        ลุงเป็นพนักงานรถไฟ  เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลป้าและหลานเล็ก ๆ  อีกหนึ่งคน  ในวันนั้นสีหน้าของลุงและป้าค่อนข้างเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่  ลุงไม่สามารถไปทำงานได้ปกติ  เขียนหนังสือไม่ได้  เดินไม่ได้  ความเครียดหลายอย่างประดังเข้ามาทำให้ลุงเครียดมากยิ่งขึ้นและทำให้ความดันโลหิตสูงถึง  160 / 100  มิลลิเมตรปรอท   ขาข้างซ้ายที่เพิ่งผ่าตัดเอาเหล็กออกได้ไม่ถึงปีทำให้ลุงไม่กล้าลงน้ำหนักที่ขาซ้ายมากนัก  รูปร่างที่ค่อนข้างท้วมเป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ลุงปวดหัวเข่าทุกครั้งที่หัดยืน

ออกเยี่ยมบ้าน...คืองานของเรา

เมื่อพอมาได้ก็มาทำกายภาพที่โรงพยาบาล

มาไม่ได้เราจะตามไปเยี่ยม...และสัญญาว่า เราจะไม่ทอดทิ้งกัน

         ครั้งแรกของการเยี่ยมบ้าน  พวกเราได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมกับลุงโดยคิดว่าลุงคงปฏิบัติตามได้โดยไม่ลำบากนัก  ลุงรับคำเหมือนไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นัก  การเยี่ยมบ้านครั้งต่อมาทำให้พวกเราถึงกับเครียด  เพราะความดันโลหิตของลุงยิ่งสูงกว่าครั้งก่อนถึง 170 / 100  มิลลิเมตรปรอท  เลยทีเดียว ลุงและป้านั่งเงียบไม่พูดอะไร
        “ ลุง! ทำไมความดันสูงจังล่ะคะ”  หลังจากพยาบาลได้วัดความดันโลหิตให้ลุงและพูดคุยซักถามกันตามปกติ
       “ ไม่รู้เหมือนกัน”  ลุงตอบเรียบ ๆ  พวกเราจึงหันไปถามป้าแทน ได้ความว่าลุงติดเค็มกินข้าวต้องมีน้ำปลาด้วยทุกครั้ง  ไม่ชอบกินผัก  อาหารที่ลุงชอบมักเป็นแกงกะทิและของทอดของมัน  พวกเราถึงบางอ้อกันทันที 
        “ลุงคะ..ลุง  อยากหายมั้ยคะ”  ฉันถามลุงตามปกติ  และเพื่อประเมินการรับรู้และความตั้งใจของผู้ป่วย
        “อยากสิ...ลุงตอบ”  ลุงยังคงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
        “แล้วถ้าหนูมีวิธีแนะนำที่จะช่วยให้ลุงหายลุงอยากรู้มั้ย”  ฉันยังคงไม่ยอมแพ้  เพื่อต้องการเข้าให้ถึงความต้องการลึกที่ซ่อนเร้นอยู่  ฉันพูดคุยกับลุงไปเรื่อยๆ
        ลุงเงยหน้าหลังจากนั่งนิ่งถามคำตอบคำ  สีหน้าเริ่มมีความหวังมากขึ้น...เราให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารให้ลุงและป้าอีกครั้ง...งดเค็มมันกินผักเยอะๆ...ลุงยิ้มแหยะๆ...และสารภาพว่าไม่ชอบกินผักเลย....แต่ถ้าจะช่วยให้ลุงหายเร็วขึ้นก็จะลองดู...

เมื่อมีพระอาทิตย์ตก...ก็มีพระอาทิตย์ขึ้น

        การเยี่ยมบ้านอีกครั้งได้มาถึง ประตูบ้านลุงเปิดรออยู่พวกเรารู้สึกแปลกใจ  เมื่อเดินเข้าไปลุงและป้านั่งรออยู่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส  ผิดกับครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด  ป้าบอกว่าลุงแต่งตัวรอหมอตั้งแต่เช้าแล้ว ลุงยิ้มอาย ๆ บอกว่านึกว่าหมอไม่มาซะแล้ววันนี้ลุงมีเรื่องจะบอก  เพราะลุงลดน้ำหนักได้จาก 75 เหลือ 73  กิโลกรัม  รอบเอวจาก 40 เหลือ 38 นิ้ว  ลุงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ  ป้าบอกแทบจะตีกันตายเลยทีเดียว  ป้าได้ลองปรับอาหารตามที่เราได้แนะนำโดย  แต่ในช่วงแรกลุงไม่ยอมกินเพราะกลัวไม่อร่อย  แต่เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ ก็ลองกินดู ปรากฏว่าสุขภาพดีขึ้นตามลำดับร่วมกับวิธีทำกายภาพบำบัดที่ได้แนะนำไว้  ทำให้ลุงเปิดใจให้กับทีมงานมากขึ้น  ลุงเริ่มคุยกับพวกเรามากขึ้นลุงบอกว่านอนไม่ค่อยหลับเครียดเรื่องการเขียนหนังสือที่ยังไม่สามารถทำได้เหมือนเก่า  พวกเราลองประเมินและเห็นว่าลุงต้องฟื้นฟูได้แน่ ๆ  ลุงมีกำลังใจมากขึ้น  แล้วลองเริ่มต้นหัดเขียนหนังสือเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ  ลายมือในวันนั้นอาจไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ  ที่มีคุณค่ามหาศาลกับใครหลาย ๆ  คน....
        ชีวิตที่มีค่า  ไม่ใช่ชีวิตที่ร่ำรวย  มีเกียรติ   หรืออายุยืน   แต่ชีวิตที่มีค่าคือชีวิตที่ตัวเราเป็นคนมีคุณค่าและทำให้ชีวิตคนอื่นมีค่า 

 PCT...เรื่อง

 งานกายภาพบำบัด...เรียบเรียง

 

หมายเลขบันทึก: 317729เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2009 20:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาทักทายค่ะ
  • "ชีวิตที่มีค่า  ไม่ใช่ชีวิตที่ร่ำรวย  มีเกียรติ   หรืออายุยืน   แต่ชีวิตที่มีค่าคือชีวิตที่ตัวเราเป็นคนมีคุณค่าและทำให้ชีวิตคนอื่นมีค่า" 
  • ขอบคุณข้อคิดดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องนกบุษรา

ขึ้นบันทึกให้ PCT ว่าจะรอให้เจ้าของมาตอบเม้นท์น้องนกเอง  แต่ทนความคิดถึงไม่ได้เลยขอทักทายน้องนกก่อนนะคะ...ต้องขอบคุณน้องนกเช่นเคยค่ะ

"พกใจไปเยี่ยมบ้าน

ไม่รำคาญไม่หงุดหงิด

ปลุกปลอบต่อมความคิด

เพื่อชีวิตที่ยืนยาว

สวัสดีค่ะ

- ขอบคุณทีมเยี่ยมบ้านและเจ้าหน้าที่ทุกท่านค่ะ บริการด้วยหัวใจจริง ๆ ค่ะ

- ดูจากรอยยิ้ม และมิตรภาพระหว่างผู้ให้และผู้บริการ

เริ่ดมาก ....ค่า

สวัสดีค่ะท่าน  P วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

"พกใจไปเยี่ยมบ้าน

ไม่รำคาญไม่หงุดหงิด

ปลุกปลอบต่อมความคิด

เพื่อชีวิตที่ยืนยาว

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่Pเพชรน้อย

การเยี่ยมบ้านคืองานของเรา  ประชาชนในชุมชนก็เหมือนญาติของเรา  ดังนั้นดอกไม้แห่งมิตรภาพจะเบ่งบานตลอดเวลาเพียงแค่เราหยิบยื่นให้กันและกัน

ขอบคุณพี่มากนะคะที่มาเยี่ยมกัน

ชื่นชมค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ

Brww13

ขอบคุณค่ะ พี่P เกด เกศนี บุณยวัฒนางกุล

ทุกคำชม  ทำให้มีกำลังใจ  ทุกคำทักทาย  ทำให้หายเหนื่อย 

ตั้งใจจะทำหน้าที่เพื่อผู้ป่วยตลอดไปค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท