บทที่ 5
สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยมุ่งศึกษาบทบาทของผู้บริหารในการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จังหวัดหนองคาย คณะผู้วิจัยได้สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
สมมติฐานของการวิจัย
1. ครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการอาชีวศึกษา จังหวัดหนองคายที่มีประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อบทบาทของผู้บริหารในการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา แตกต่างกัน
2. ครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการอาชีวศึกษา จังหวัดหนองคาย ที่สอนในสถานศึกษาที่มีขนาดต่างกัน มีความคิดเห็นต่อบทบาทของผู้บริหารในการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา แตกต่างกัน
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการอาชีวศึกษา จังหวัดหนองคาย ปีการศึกษา 2552 จำนวน 261 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามที่คณะผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 1 ชุด แบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ (Checklist) เพื่อสอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามมีจำนวน 3ข้อ ตอนที่ 2 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) เพื่อสอบถามบทบาทของผู้บริหารในการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนดำเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ การดำเนินการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา การนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา การสรุปผลการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา และการปรับปรุงพัฒนากระบวนการบริหารโดยการหลักสูตรสถานศึกษา จำนวน 95 ข้อ เป็นต้น โดยมีความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 0.85
การเก็บรวบรวมข้อมูล ได้ฉบับสมบูรณ์จำนวน ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสอบถามด้วยคณะวิจัย แบบสอบถามที่ผู้วิจัยใช้ในการเก็บข้อมูลจำนวน 213 ฉบับ ได้รับกลับคืนครบทั้ง 213 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100
การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลตอนที่ 1 โดยการแจกแจงความถี่และค่าร้อยละ วิเคราะห์ข้อมูลตอนที่ 2 โยหาค่าเฉลี่ย ( ) และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) สมมุติฐานของครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการอาชีวศึกษา จังหวัดหนองคายจำแนกตามประสบการณ์และขนาดของสถานศึกษาโดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One Way Anova of Variance) ซึ่งเมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จะทำการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s Method)
สรุปผลการวิจัย
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ได้ข้อสรุป ดังนี้
2.1 ผลการเปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารในการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาคามความคิดเห็นของครูผู้สอนจำแนกตามประสบการณ์สอนโดยภาพรวมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่ 5 การนิเทศ กำกับ ติดตามประเมินผล และด้านที่ 7 การปรับปรุงพัฒนากระบวนการการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2.1.1 เมื่อเปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารโดยครูที่มีประสบการณ์ในการสอนต่ำกว่า 10 ปี มีความคิดเห็นต่อบทบาทของผู้บริหารในการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาต่อด้านที่ 5 การนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา กับครูที่มีประสบการณ์ในการสอนสูงกว่า 20 ปี แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2.1.2 ส่วนการเปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารโดยครูที่มีประสบการณ์ในการสอนสูงกว่า 20 ปี มีความคิดเห็นต่อบทบาทของผู้บริหารในการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาต่อด้านที่ 7 การการปรับปรุงพัฒนากระบวนการบริหารหลักสูตรสถานศึกา แตกต่างกับครูที่มีประสบการณ์ในการสอนต่ำกว่า 10 ปี และครูที่มีประสบการณ์สอนระหว่าง 10-20 ปี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เมื่อเปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารของผู้บริหารหลักสูตรสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูผู้สอนจำแนกตามขนาดสถานศึกษาขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก โดยภาพรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ส่วนการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่เกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารหลักสูตรในสถานศึกษา ด้านที่ 1 การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา แตกต่างกับครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดเล็ก และครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
สำหรับการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่เกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารหลักสูตรในสถานศึกษา ด้านที่ 2 การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา แตกต่างกับครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดเล็ก และครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่เกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารหลักสูตรในสถานศึกษาด้านที่ 4 ดำเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษา แตกต่างกับครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่เกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารหลักสูตรในสถานศึกษาด้านที่ 5 การนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา แตกต่างกับครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่เกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารหลักสูตรในสถานศึกษาด้านที่ 6 การสรุปผลการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา แตกต่างกับครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่เกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารหลักสูตรในสถานศึกษาด้านที่ 7 การพัฒนาปรับปรุงกระบวนการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา แตกต่างกับครูที่สอนในสถานศึกษาขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
อภิปรายผล
ผลการวิจัยครั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจและนำมาอภิปราย เพื่อให้เกิดความชัดเจน ดังต่อไปนี้
อาจารย์เก่งมากครับ
น่าศึกษามากครับ ท่าน อ.ดร.สุรศักดิ์
บทความนี้ดีจริง ๆ ๆ ๆ ๆ