1 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันนี้จะได้เรียนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอีกแล้ว(ตื่นเต้น) ดีใจจังที่จะได้ไปนั่งเรียนรู้การสร้างบล็อก การสร้างบันทึกต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แม้ว่าอายุอานามจะล่วงเลยวัยแล้ว แต่ก็จะพยายาม...
"เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่แชตกันไปแชตกันมา คุยกันไปคุยกันมาน่าสนุกดี" เมื่อพินิจพิจารณาทำให้นึกถึงเครื่องมือสื่อสารทาง "จิต"
นักวิทยาศาสตร์ในประเทศตะวันตก กล่าวว่า "เรื่องของจิตมนุษย์อยากแท้หยั่งถึงนี้" สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้ 5 % อีก 95 % ยังอธิบายไม่ได้
ปรมาจารย์ ของดิฉัน ดร.เสรี พงศ์พิศ เคยบอกไว้ว่า " 95% เป็นเรื่องของเวทย์มนต์ คาถาอาคม มิติที่ 4 และสัมผัสที่ 6" เช่น การรับรู้เหนือสัมผัส (Extrasensory perception) โทรจิต(Telepathy) การสื่อสารทางจิต การแสวงหาโชคโดยใช้พลังจิต การพยากรณ์ การมองเห็นอนาคต ดวงตาที่ 3 การอยู่ในพื้นที่ 2 แห่งในเวลาเดียวกัน มิติเวลาที่ทำให้ห้วงเวลาของอดีต ปัีจจุบัน และอนาคต สัมพันธ์กันคนละอย่างกับที่คนทั่วไปเข้าใจในมิติธรรมดา เรื่องเหล่านี้เรียกกันว่า "ปรจิตวิทยา"
ตามที่ได้คุยกับ ดร.เสรี พงศ์พิศ ท่านมีความคิดเห็นว่า ไม่ว่า คนฝรั่ง หรือคนไทยยังแยกไม่ค่อยจะออกเลยว่า อะไรคือวิทยาศาสตร์ อะไรคือไสยศาสตร์ ยังเอาเรื่องสองเรื่องมาเกี่ยวพันกัน ถ้าหากเอาเรื่องแหกตาปาหี่ออกไป ปรากฏการณ์ทางจิตในสังคมไทยเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา และยังมีอิทธิพลอย่างมาก ในสังคมยุคใหม่ ซึ่งเป็นสังคมขัดแย้งที่ประหลาด(Paradox)
เพราะว่าด้านหนึ่งก้าวหน้าไปทางวิทยาศาสตร์ คือการมีเครื่องมือสื่อสารที่เจริญก้าวหน้า หลากหลายรูปแบบ อย่างที่กำลังนั่งเรียนอยู่นี้ แต่ไม่มียุคไหนที่ผู้คนอยู่อย่างโดดเดี่ยวตัวใครตัวมันเหมือนทุกวันนี้
ด้านหนึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องบันเทิงรื่นรมย์มากมาย แต่ัเงียบเหงาเซ็ง...เบื่อ....บ้า
ไม่มียุคไหนที่คนมีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเท่ายุคนี้ แต่กระนั้นเทคโนโลยีก็ยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์ได้ เพราะความต้องการเหล่านั้นมันมาจาก .....ความฝันอันไม่รู้จบ และความฝันอันไร้พรมแดน ซึ่งก็ไม่ได้สุดเอื้อม เพราะที่สุดคนก็อาจเข้าถึงได้ เมื่อสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับเอกภพ และเข้าถึงจุดหยุดนิ่งเป็นหนึ่งเดียวกับกาลเวลา แต่ก็เป็นเรื่องที่น้อยคนนักที่มีศักยภาพเข้าถึงได้
ขณะที่คนธรรมดาสามัญ มีเพียงสองตา สามมิติ ห้าสัมผัส แต่จินตนาการความฝันอยากไปไกลสุดขอบฟ้า ก็ต้องอาศัยเทคโนโลยีทุกรูปแบบที่หาได้ นั่นคือที่มาของ"พลังพิเศษ" จะเรียกว่าพลังแห่งจักรวาล นั่นคือ ความฝันของทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย
เราจะสังเกตุเห็นว่า "พลังจิตอันยิ่งใหญ่ของคนไทยสมัยก่อนที่ยังไม่มีเครื่องทุ่นแรงเหมือนสมัยนี้ ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่มีความศิวิไรล์ แต่คนสมัยก่อนสามารถเข้าถึง จักรวาลได้ดีกว่าคนสมัยนี้ หรืออาจเป็น เพราะว่า จิต ของคนในสมัยก่อน "ใส" กว่าจิตของคนในสมัยนี้ ที่มีพลังกักขังตัวเอง จนมองทะลุออกไปข้างนอกตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถสื่อและสัมพันธ์กับสรรพสิ่งได้เหมือนกับคนสมัยก่อน"
จิต ของคนสมัยก่อน คมกว่าและละเอียดอ่อน อยู่ใกล้กับธรรมชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ มิได้อยู่อย่างอหังการ ปรารถนาจะควบคุม บังคับ สรรพสิ่ง หากแต่ตระหนักด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ว่าเราเป็นเพียงส่วนหนึ่ง และส่วนน้อยของสรรพสิ่งเท่านั้น
จบตอน
จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง
จิตผู้คนส่วนมากในยุคปัจจุบันต่างไหลไปตามกระแสของกิเลสตัณหาจนหลงทิศทางหรือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตว่าคนเราเกิดมาทำไม
ใช่แล้วค่ะคุณวิทยา...ขนาดคนใกล้ตัวบางทียังอ่านใจไม่ออกเลยค่ะ
น้องพลายคะ .....
ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมค่ะ
จิตคนสมัยนี้ถูกครอบงำเยอะมากค่ะ
หากไม่ยืนหยัดเป็นตัวเอง..มีหวังตามกระเเสแน่ค่ะ
สวัสดีครับคุณครูกระแต
มาตามเก็บบันทึกของคุณครูครับ
ความเชื่อใน วิทยาศาสตร์ หรือ ไสยศาสตร์ ผมว่าศาสตร์ทั้งสองอยู่ที่ฐานทางการศึกษาครับ หากได้เรียนรู้จริงเราคงไม่เห็นคนไทยไหว้หมาสองหาง งูสองหัว ต้นตาลมีผ้าเจ็ดสีผูกไว้ คิดแล้วสงสารประเทศไทยนะครับ
จะอ่านตามให้ทันบันทึกใหม่ก่อนสิ้นอาทิตย์นี้ครับ
ขอบพระคุณที่แบ่งปันครับคุณครู
สวัสดีค่ะคุณชาวฝนเเปดแดดสี่
ดีใจมากนะคะที่เข้ามาแวะชมบันทึกและให้ข้อคิดดีๆไว้
ศาสตร์ทั้ง 2 อย่างน่าศึกษามากค่ะ
โอกาสหน้าขอเรียนเชิญเข้ามาอ่านบันทึกใหม่นะคะ
ครูกระเเต