คิดถึงสวนป่ามหาชีวาลัยอีสานครับ เหตุเพราะเมื่อวานนี้ไป Set เวลาการทำงานของ ULEM ให้ป้าจุ๋มใหม่ เห็นบอกว่าวันนี้จะไปสวนป่ากันอีก มีการท้าดวลสะเดากันด้วย ก็มานั่งคิดๆว่าเราก็พอมีวาสนา เพราะได้ไปมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้สึกพอ ความโลภบอกว่าอยากไปด้วยอีกแล้ว แต่ปัญหาหลายอย่างบอกว่า ไปไม่ได้ เลยต้องยอมเขา คิดไปคิดมาไปค้นหา ภาพเก่าความหลัง จากสวนป่าที่เก็บไว้มากมาย เลยขอเอามาวางให้ดูกันสักภาพหนึ่ง เพื่อระลึกถึงสิ่งที่จากไปแล้วคือต้นมะม่วงหิมพานต์ ที่ขึ้นอยู่บริเวณข้างบ้านที่กำลังจะร่มเย็นด้วยหลังคาแบบพิเศษ ที่ธรรมชาติจะค่อยๆบรรจงสร้างให้ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ อะไรจะโตงเตงลงมาให้ได้ชมกันบ้าง คงอีกไม่นานเกินรอ
จากภาพ ผมเคยแปลกใจว่าทำไมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่นี่จึงเหี่ยวตั้งแต่ยังเขียวๆ ไม่เหมือนแถวบ้านทางใต้ที่เมื่อผลสุก เมล็ดจะเป็นสีเทาดำ พร้อมให้เราเอาไปเผาไฟกินเล่นกัน จำได้ว่าถ้าใครซุ่มซ่าม ไม่ระวังก็จะโดนยางจากเปลือกของมันกันจนเป็นแผลเปื่อยเลยทีเดียว
ครูบาฯเคยอธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟัง แต่ไม่อยากเฉลยตรงนี้ ขอเอามาถามต่อดีกว่า ว่า …
“ทำไมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทางอีสาน จึงเหี่ยวก่อนแก่ ?“
น่ากลัวนะครับอาจารย์ครับ ชื่อบันทึกนี้ "เหี่ยวก่อนแก่"
คิดถึงไปโน้นเลย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา :)
ทักทายมาด้วยความคิดถึงครับผม
* ฮืม...คำนี้น่ากลัวไม่ว่าจะหนุ่ม...สาว...หรือชาว ส.ว. อิ อิ
สวัสดีค่ะ อาจารย์พินิจ
ได้อ่านหัวข้อแล้วคิดว่าเป็นเรื่องสุขภาพของมนุษย์ เสียอีก พอได้เข้าไปอ่านเนื้อหากลับกลายเป็นสุขภาพของพืช
น่าสนใจดีค่ะ เมื่อได้อ่านก็อยากทราบขึ้นมาทันทีว่า ทำไมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทางอีสานต้อง เหี่ยวก่อนแก่ด้วย เดี๋ยววันพรุ่งนี้ต้องไปหาข้อมูลมาให้ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ต้องขอให้อาจารย์ช่วยเฉลยด้วยนะค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์