ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการพิสูจน์สติอารมณ์ของตัวเองค่ะ ครอบครัวเรากำลังมีอากุงของสามหนุ่มมาอยู่กับเรา ท่านอายุ 86 ปีแล้ว เป็นผู้เฒ่าที่แข็งแรง แต่ท่านเป็นคนช่างคิด ขี้กังวลและเป็นห่วงลูกหลานเอามากๆ ที่สำคัญคือท่านมีอาการหลงลืมบ้างและถามซ้ำๆ พูดซ้ำๆในเรื่องเดิมทีละหลายหนหลายเที่ยวมากๆ ถ้าเป็นเรื่องที่เราอธิบายได้และท่านเข้าใจก็จะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเราแค่ต้องเหนื่อยอธิบายหลายรอบเท่าที่ท่านเหนื่อยถามนั่นเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราอธิบายแล้วท่านไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย ก็ต้องอธิบายกันหลายรอบและแต่ละรอบก็ต้องงัดมุกทั้งหลายมาเพื่อให้เหตุผล แต่เมื่อท่านไม่เห็นด้วย ไม่เชื่อก็ต้องหาทางต่อไปเรื่อยๆกับสิ่งที่ท่านถามวนมาหา วนไปวนมา เวียนหัวกันไปทั้งคนถามคนตอบ แถมด้วยจะโมโหกันเพราะต่างคนต่างก็ไปกันคนละทาง
แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ความเป็นไปในชีวิตด้วย แม้ท่านจะไม่เข้าใจอะไรหลายเรื่อง แต่ท่านเป็นคนมีเหตุมีผลของตัวเอง แถมมีปรัชญาอะไรต่ออะไรหลุดมาให้เราได้คิดเสมอ คุยกับท่านแล้วบางทีก็มานั่งสะท้อนใจว่า การที่เราเป็นห่วงกังวลเรื่องราวทั้งหลายรอบๆตัวอยู่เสมอนั้น เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างยิ่ง หากปล่อยวางไม่ได้ด้วยตัวเองแล้วนี่ใครๆก็ช่วยไม่ได้จริงๆ พยายามพูดให้ท่านคิดอยู่เรื่อยๆว่า หากท่านคิดแต่สิ่งดีๆ มองทางดีๆเข้าไว้ ท่านก็จะได้สบายใจ บางครั้งก็ดูเหมือนท่านจะหยุดคิดอยู่เหมือนกัน
สิ่งที่เอามาเป็นชื่อบันทึกก็คือประเด็นที่อยากเก็บไว้ เพราะเคยคิดไว้เมื่อต้องเลี้ยงลูกเล็กๆว่า จะไม่หลอกลูกไม่ว่าเรื่องอะไร เขาเข้าใจหรือไม่ก็ตาม เราจะพูดเรื่องจริง เพียงแต่ปรับให้เข้ากับวัยของลูกเท่านั้น ไม่มีการโกหกไม่ว่าจะเพื่อหลอกล่อหรือล้อเล่นอะไรก็ตาม เลือกที่จะเลี่ยงเรื่องนั้นๆหรือเบี่ยงเบนประเด็นมากกว่าที่จะพูดหลอกไม่ตรงกับความจริง และจะรับฟังลูกทุกเรื่องไม่ว่าดีหรือร้าย พยายามทำให้ลูกซึมซับตลอดมาว่า เราพร้อมที่จะรับฟังเขาได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องโกหกหรือหลอกอะไรเราเพียงเพราะกลัวการตอบสนองจากเรา ไม่มีอะไรเป็นเรื่องร้ายแรงตราบใดที่เราบอกกันตรงๆ ทุกอย่างเกิดแล้วแก้ไขไม่ได้ แต่เรียนรู้ที่จะไม่ทำผิดอีกได้
มาถึงวันนี้ที่มีท่านผู้เฒ่าอยู่กับเรา ที่ดูๆไปแล้วก็เหมือนเมื่อเรามีลูกเล็กๆ ที่ต้องคอยดูแล ตอบคำถาม วนเวียนๆอยู่กับเรื่องเดิมๆ มีหลายเรื่องที่อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจกันสักที แต่ก็ยังคงเลือกที่จะไม่หลอกหรือโกหกท่าน ถ้าไม่เบี่ยงเบนประเด็นก็จะใช้วิธีไม่อธิบายต่อในยามที่ต่างก็รับฟังกันไม่รู้เรื่อง ยังคงเชื่อหลักการนี้อยู่เสมอ เพราะการโกหกหลอกลวงไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ก็จะเป็นเหตุให้ต้องสร้างเรื่องอื่นๆต่อไปอีกแน่นอน แต่การพูดความจริง เราไม่ต้องจำอะไรเลย เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นจริง และยึดมั่นที่จะทำต่อไปเสมอ
สวัสดีค่ะคุณป้าโอ๋
บันทึกของคุณป้าโอ๋ สอนคนอ่านได้มากมายค่ะ หนูคนหนึ่งที่ได้อ่านและได้รับประโยชน์จากข้อคิดเตือนใจ การพูดความจริงหมายถึงการเป็นคนซื่อสัตย์ใช่ไหมคะคุณป้าโอ๋
หนูระลึกถึงคุณป้าเสมอค่ะ
สวัสดีค่ะ
อ่านข้อคิดก่อนนอน
เรื่องจริง คือความจริง
น้อมใจรับฟังอย่างมีสติ
รับรู้ ยอมรับและแก้ไขได้
ขอบคุณมากค่ะ
ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย....แต่บางครั้งความจริงก็ทำให้คนอาจตายก็ได้น๊ะครับ..
ขอบคุณครับ....ยินดี่ที่ได้รู้จักครับ
สวัสดีค่ะ มาให้กำลังใจคนที่ต้องดูแลบุพการีค่ะ นี่คือความงดงามของโลกตะวันออกค่ะ
สวัสดีค่ะ เห็นหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับผู้สูงอายุแล้ว
เลยอ่านต่อค่ะ...ที่บ้านก็ดูแลคุณตาอยู่เหมือนกัน
แต่คุณตานี่แหละ เป็นคนสำคัญที่ช่วยเวลามีปัญหากับแม่ทุกที
ว่าง ๆ จะเล่าเรื่องคุณตาให้ฟังบ้างนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณ โอ๋-อโณ
ใช่เลยค่ะ.. ผู้ใหญ่สูงอายุมากๆ บางครั้งเหมือนเด็กค่ะ อิ อิ เห็นด้วยอย่างมากที่ให้เด็กรับรู้ความจริงแบบธรรมชาติที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็ให้รับรู้สภาพจริงที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยแบบธรรมชาติเหมือนกันค่ะ ขอบคุณค่ะ
ต้องคอยหากิจกรรมให้ท่านได้หายกังวลกับสิ่งที่คิดวนไปเวียนมาด้วยค่ะ
เพราะสังเกตุพ่อกับแม่ที่เริ่มแก่ พ่อที่มีกิจกรรมมากกว่าจะง่ายกว่าเวลาอธิบาย
เพราะแม่จะมีความคิดชนิดฝังลึกที่อธิบายอย่างไร บางครั้งก็ยังนำความคิดเดิมของตนเองมาคิดอีก
เพราะท่านลืมที่ได้คุยและอธิบายไว้ค่ะ
พี่เห็นด้วยที่สุดค่ะ การพูดความจริง เราไม่ต้องจำอะไรเลย เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
อย่างที่พี่เขียนในอนุทินว่า มานั่งนึกดูว่า คุณธรรมพื้นฐานที่ทุกคนควรจะมี คืออะไรบ้าง...ความซื่อสัตย์ การพูดแต่ความจริง ความกล้าหาญ ความเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ความมีใจกรุณา ความสมัครสมานสามัคคี การรักสันติ
การมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ทั่วไป ความใจบุญสุนทาน
การมีจิตเมตตาพร้อมที่จะเข้าใจผู้อื่นเอาใจเขามาใส่ใจเราความ
ความรับผิดชอบ ความอดทน ความอดกลั้น ความขยัน ความเสียสละ ความเป็นคนน่าเชื่อถือ ความกตัญญูรู้คุณ ความวิริยะอุตสาหะ ความเป็นคนมีใจยุติธรรม ความอ่อนถ่อมตน ฯลฯ
ทุกอย่างดีหมด แต่ที่แน่ๆคือ คือความซื่อสัตย์ และการพูดความจริงจะเป็นพื้นฐานมากที่สุด
หวัดดีค่ะ น้องโอ๋ ...อ่านแล้ว..เหมือนตัวเองค่ะ มีคุณแม่อายุ 86 มาอยู่ด้วยเพราะต้องฟอกเลือดตลอด...ใช่เลยค่ะ เป็นการพิสูจน์อารมณ์.ไม่ใช่สิ พี่ว่าสำหรับพี่เป็นการทดสอบความมั่นคงทางอารมณ์ของเราที่ดีที่สุด....ไม่ใช่เป็นเพียงทดสอบแต่เป็นการฝึกฝน..โอกาสที่ดีที่สุดของชีวิตที่ได้ดูแลบุพการีและฝึกฝนตนเองหลายๆเรื่องทั้งอารมณ์ความรู้สึกเรียกว่าทั้งกายกรรมวจีกรรมและมโนกรรมเลยหล่ะค่ะ ความเหมือนกันของคนแก่คือห่วงลูกหลาน..แม่พี่เป็นเอามากกกก จนหลานอึดอัด กระดิกตัวไปไหนไม่ค่อยได้ทีเดียว ขนาดว่าหลานโตแล้วทำงานแล้วนะ..อือฮือ.....ให้กำลังใจค่ะ..........
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยกับบันทึกนี้อย่างยิ่งค่ะ
และชอบความเห็นของพี่ศศินันท์ที่ว่า...การพูดความจริง เราไม่ต้องจำอะไรเลย เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ยิ่งได้พูดไม่จริงเพียงครั้ง การพูดไม่จริงครั้งต่อ ๆ ไปจะตามมาไม่รู้จบ....
พูดความจริง ด้วยความระมัดระวังคงดีที่สุด หากต้องพูดสิ่งที่ไม่จริงแล้ว อย่าพูดจะดีที่สุด...
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณโอ๋
ขอบคุณสำหรับหมู่มวลกัลยาณมิตรที่เข้ามาพูดคุยกันในบันทึกนี้นะคะ ยอมรับว่าช่วงนี้บางครั้งก็รู้สึกเครียด แต่พอตั้งสติได้ก็คิดได้ใหม่ค่ะ เป็นอย่างที่พี่ติ๊ก peetik บอกจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจให้พี่ติ๊กเช่นกันนะคะ กรณีพี่ติ๊กน่าจะเหนื่อยกว่าโอ๋หลายเท่า เพราะท่านป่วย อารมณ์ก็คงจะหงุดหงิดมากขึ้นกว่าธรรมดาด้วย
คุณใบบุญ ก็สุดยอดเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้มากๆเลยค่ะ รู้สึกเลยว่า หากเราไม่ควบคุมสติให้ดี เราอาจจะเผลอแสดงความหงุดหงิดออกไปให้ท่านเก็บไปคิดได้ ตอนนี้น้องฟุงมีบ้างแล้วค่ะ ต้องตอบคำถามซ้ำๆกันเป็น 4-5 รอบ น้องฟุงเริ่มเสียงดัง (แต่ก็ยังมี คร้าบ...อยู่) เราเลยยิ่งต้องระวังที่จะทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อท่าน คุยกับเขาว่าเราเข้าใจที่เขาชักจะโกรธ แต่ก็ขอให้เขาเข้าใจและสงสารคนสูงอายุด้วย
ขอบคุณพี่ศศิฯ Sasinand ที่มาช่วยเติมเต็มให้กับบันทึกนี้นะคะ แปลกดีที่โอ๋คิดถึงเรื่องนี้ ลงมือเขียนแล้วไปพบสิ่งที่พี่เขียนในอนุทินที่เหมือนเราจะใจตรงกันในเวลาใกล้เคียงกันโดยไม่ได้นัดหมายเลยเชียวนะคะ
ป้าโอ๋ก็คิดถึงน้องนัท เช่นกันค่ะ เห็นบันทึกใหม่แว้บๆยังไม่มีเวลาไปติดตามเลย รู้ว่าน้องนัทมักจะมีข้อคิดดีๆมาฝากผู้อ่านเสมอเหมือนกัน
"การพูดความจริงหมายถึงการเป็นคนซื่อสัตย์" ใช่ค่ะ การพูดจริงเป็นส่วนหนึ่งแต่ความซื่อสัตย์ยังรวมไปถึงการกระทำและความคิดอีกด้วยนะคะ ป้าโอ๋ว่า
ขอบคุณ krutoiting ที่มาเยี่ยมเยียนนะคะ อ่านสิ่งที่คุณครูเขียนแล้วรู้สึกอบอุ่นค่ะ
เวลาพูดถึงความจริง มักจะได้ยินคำต่อท้ายแบบที่คุณ ครูติดดิน ว่านี่แหละค่ะ อันนี้น่าจะขึ้นกับกาละเทศะในการแสดงออกมากกว่านะคะ เรื่องจริงหรือเรื่องเล่น หากไม่เลือกพูดให้ถูกที่ถูกเวลาก็ทำให้ลำบากได้แน่นอนอยู่แล้ว
ขอบคุณกำลังใจจากคุณ แก้ว ค่ะ เห็นด้วยว่าบ้านเรามีความอบอุ่นตรงนี้ที่ชาวตะวันตกเขาอาจจะดูเหมือนขาดไป แต่จริงๆคนสูงอายุที่รู้จักวางแผนในการดูแลตัวเองให้ได้นี่ก็เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมในบ้านเรานะคะ อย่างน้อยก็ต้องรักษาสุขภาพให้ดีตั้งแต่ยังอายุไม่สูงมากนี่ก็จะทำให้เราไม่เป็นภาระกับครอบครัวและสังคมนะคะ
น้อง มัยซารอฮฺ บินติอับดุลลอฮฺ โชคดีนะคะที่มีบรรยากาศแบบนี้ในครอบครัว เรื่องผู้เฒ่าผู้แก่นี่เล่าให้กันฟังแล้วจะรู้ว่า เป็นเรื่องสากลที่พบได้ทั่วไปเลยค่ะ ตอนไปเล่าสู่กันฟังนี่แหละถึงจะได้ผ่อนคลายจริง แต่ตอนที่มีสถานการณ์อยู่ตรงหน้า บางทีเราก็ทำใจให้ขำไม่ค่อยทันเหมือนกันนะคะ
คุณ นีนานันท์ น่าจะเป็นคุณแม่ที่ใจเย็นดีนะคะ พี่โอ๋พยายามเรียนรู้มาจากการเลี้ยงลูกสามหนุ่มนี่แหละค่ะ ยืนยันได้ว่า ธรรมชาติที่มากับเด็กแต่ละคนนั้นมีค่ามากๆค่ะ และถ้าเราทำอะไรตามธรรมชาติ มองอะไรแบบที่มันเป็นไปเองได้ ชีวิตจะเบาสบายดีค่ะ
คิดถึงคุณ คนไม่มีราก นะคะ ไม่ได้ทักทายกันนานแล้ว ขอบคุณที่มาเติมเต็มให้บันทึกนี้ด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ หญ้าบัว สำหรับพี่โอ๋แล้วคิดว่า ไม่เฉพาะคนในครอบครัวเราหรอกนะคะ ใครๆรอบๆตัวที่เราช่วยกันได้ เราก็ควรจะช่วยๆกัน อยากให้คนทั้งโลกนี้เป็นครอบครัวเดียวกันให้หมดเลยค่ะ
แวะมาทักทายครับ...เห็นด้วยครับ