หลังจากที่ผมเคยถูกถามหลายครั้ง หลายครา ว่า เราควรมีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่หนึ่งเครื่องแล้วเราควรจะมี แอนตี้ไวรัส สองเครื่องดีไหม หรือแม้แต่ผม พบว่าปัญหาที่นำมาให้แก้ไข เครื่องช้า อืด เกิดจาก การลงตัวแอนตี้ไวรัส สองตัวพร้อมกัน
การที่เราลงตัวแอนตี้ไวรัสสองตัวในเครื่องพร้อมกันสองตัวนั้น มันมักจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ในกรณีที่คุณติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสมากกว่า 1 ตัวไว้ในเครื่อง
1. คอมจะใช้ resources มากเกินไป มันจะส่งผลให้คอมของคุณอืดขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานไม่ดีเท่าที่ควร
2. คุณจะได้รับ false virus alerts โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทำงานโดยใช้ actual virus เพื่อตรวจสอบหาไวรัสด้วยกันในเครื่อง ดังนั้นถ้าคุณติดตั้งแอนตี้ไวรัสไว้มากกว่า 1 ตัวพร้อมกัน โปรแกรมแอนตี้ไวรัสแต่ละตัวก็จะนึกว่า โปรแกรมไวรัสตัวอื่นเป็นไวรัส ซึ่งจะทำให้มันทำงานขัดแย้งกันเอง ซึ่งจริงๆ ก็ยังมีผลกระทบทางด้านอื่นอีก แต่ปัญหาการขัดแย้งกันเองนั้นสำคัญที่สุด
3. ข้อนี้เกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็มีผู้ใช้ที่เจอปัญหานี้มาแล้วไม่น้อยเหมือนกัน นั่นคือ Blue Screen of Death หรือเกิดอาการเครื่องค้าง หรือเกิดอาการ crash ของวินโดวส์หรือซอฟต์แวร์บางตัว
อธิบาย พอเข้าใจดังนี้
โปรแกรมแอนตี้ไวรัส จะทำงาน 2 โหมด
1. โหมด Scan: มันจะไปตรวจสอบ memory and files on disk เพื่อหาร่องรอยของ malware นั่นคือมันจะเข้าไปตรวจสอบ contents ของไฟล์แต่ละตัวในเครื่อง เพื่อหาอะไรก็ได้ที่ดูเหมือน หรือเหมือนกับ viruses
2. โหมด Monitor: หรือที่เรารู้จักกันในนาม "real time" monitor นั่นคือ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสจะยังคงทำงานต่อไปแบบไม่หยุดยั้ง และจะคอยตรวจสอบไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดเข้ามาไว้ในเครื่อง และจะขึ้นข้อความเกือบจะทันทีที่มันพบว่า ไฟล์ที่คุณเพิ่งจะไปดาวน์โหลดมามีอะไรบางอย่างที่ดูเหมือน หรือเหมือนกับ viruses
ซึ่งการทำงานสองอย่าแตกต่างกัน ตัวแรก สแกน ข้อมูล หัวข้อต่าง ๆ ที่ดูเหมือนไวรัส สแกน แล้วเสร็จ แต่ ตัวที่สอง real time นั้น หาก เราลงสองตัวพร้อมกัน มันจะตีกันเอง และทำให้เครื่องเรา ทำงานช้า เพราะมันจะทำงานตลอดเวลา นี่คือสาเหตุ และคำถามว่าทำไม หรือควรไหมที่เราจะลง แอนตี้ไวรัสสองตัวพร้อมกัน
ดังนั้นเพื่อเป็นการง่ายและตัดปัญหายุ่งยาก ก็ขอย้ำอีกครั้งว่า ควรจะติดตั้งมันไว้แค่ตัวเดียวและต้องหมั่นอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ เป็นพอ
ไม่มีความเห็น