โอลิมปิกเกมส์ระหว่างปี 1932 และ 2008 สถิติโลกได้บันทึกสถิติการวิ่ง 100 เมตรประเภทชายว่ามีการพัฒนาขึ้นถึง 0.6 วินาทีจากการปรับปรุงเทคนิคการฝึกซ้อมและเทคโนโลยีการแนะนำอื่น ๆ ลองจินตนาการถึงถ้าการพัฒนานี้สามารถทำได้ง่าย ๆ แค่เปลี่ยนอาหารที่รับประทาน
นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมสัตว์ป่าในออสเตรเลียควบคุมอาหารหนู โดยให้หนูกินอาหารจำพวกไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นสายยาวต่อกัน ( polyunsaturated fatty acids) ไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นสายยาวต่อกันนี้เป็นไขมันที่ไม่สามารถสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่สามารถสังเคราะห์ได้ใหม่ ที่งาน Society for Experimental Biology Annual Meeting ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้
นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าหนูที่ได้รับอาหารที่ทำมาจากน้ำมันทานตะวันในปริมาณสูง ซึ่งน้ำมันนี้ประกอบด้วย ไขมันไม่อิ่มตัวสายยาวต่อกันแบบ (n-6 polyunsaturated fatty acids) ทำให้มีความเร็วในการวิ่งเฉลี่ย 0.19 เมตรต่อวินาทีซึ่งเร็วกว่าหนูที่ได้รับอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำมันลินสีด (linseed oil) ซึ่งมีกรดไขมันแบบ n-3 fatty acids ซึ่งนี้หมายถึงว่า ในเวลาการแข่งวิ่งในเวลา 2 วินาที หนูที่ได้รับอาหารที่มีกรดไขมันแบบ n-6 จะวิ่งได้เร็วขึ้น 0.4 เมตร ซึ่งนี้แสดงให้เห็นการวิ่งที่เพิ่มขึ้น 6.3% ซึ่งนี้จะเท่ากับการพัฒนาสถิติการวิ่ง 100 เมตรตลอด 75 ปีที่ผ่านมา
สำหรับหนูหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็ก นี้มีความสำคัญในเชิงวิวัฒนาการเมื่อต้องหนีจากผู้ล่าหรือการจับเหยื่อ ซึ่งการศึกษานี้ในหนูเป็นการบ่งชี้ว่า อาหารที่มีปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวในสัดส่วนที่แตกต่างกันระหว่างกรดไขมันไม่อิ่มตัวแบบ n-6/n-3 ที่กินเข้าไปอาจมีผลกระทบทางชีววิทยาที่มีความหมายต่อความเร็วสูงสุดต่อการวิ่ง
ในการศึกษาที่ผ่านมา พบว่าเมื่อสังเกตุในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่หลากหลาย พบว่าสัตว์ที่มีกรดไขมัน n-6 สูงอยู่ในกล้ามเนื้อจะวิ่งได้เร็วกว่าสัตว์อื่น เมื่อรวมการวิจัย 2 ชิ้นนี้เข้าด้วยกันอาหารที่มีกรดไขมันแบบ n-6 จะสามารถเผาผลาญไขมันเพื่อเริ่งความเร็วได้สูงสุดมากกว่าสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ รวมถึงมนุษย์ ซึ่งงานวิจัยนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้นักกรีฑา
ที่มา - esciencenews.com