เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมสอนให้หลานชายอายุ ๕ ขวบเศษให้อ่านภาษาไทย แกอ่านดังนี้
ก - อะ - กะ
จ - อะ - จะ
ด - อะ - ดะ
ม - อะ - หมะ !!!
ผมสะดุ้งครับ อันที่จริงเราเคย พบเหตุการณ์ทำนองนี้มามาก แต่คราวนี้ สะดุดใจมาก เพราะนึกถึงคำ "ลงสรุปเป็นนัยทั่วไป" หรือ Generalization คือ เกิดคำถามขึ้นมาว่า "ความสามารถนี้เราเรียนรู้ หรือ ได้มาแต่เกิด" การตอบคำถามก็ใช้วิธี "ดิด" ไม่ใช่วิธี "ทดลอง" คือ
คิดว่า เขาเคยพบ "กะ, จะ, ดะ, มาก่อนที่เขาจะพบ มะ " นั่น แสดงว่า "เขาเรียนรู้" มาก่อน มะ เพราะว่าเหตุการณ์นั้น "เกิดก่อน มะ " ดังนั้น การออกเสียงว่า "หมะ" จึงเป็น "ผล" ของคำ (กะ จะ ดะ ) หรือ "โยงสัมพันธ์" กับคำเหล่านั้นเป็นแบบ
( กะ, จะ, ดะ ) --> หมะ ?
แต่พอผมบอกว่า "ม่ใช่" หมะ อ่านว่า มะ เขาก็พูดว่า มะ และ "เปลี่ยน" มาเป็น มะ ในการอ่านคราวต่อมา และนี่ก็แสดงว่า "เรียนรู้" การ"อ่านคำ มะ " ผมจึงคิดว่า
" การอ่านว่า หมะ " ก็เป็น"การเรียนรู้" และคราวหลังมาอ่านว่า "มะ" ก็เป็น "การเรียนรู้" (Learning )
แต่ " กะ - จะ - ดะ " -> generalize -> หมะ " เป็นพฤติกรรมที่เรียกว่า "Generalization" และ
Generalization เป็น"ความสามารถย่อยพื้นฐาน" ของ "คิดเหตุผลแบบอุปนัย"
ฉะนั้น .................. ( Hypothesis : 1 )
ลองนำไปวิจัยทดสอบดู !
เคยใชรูปแบบนี้กับนักเรียนเพื่อสอนให้ อ่านภาษาอังกฤษเหมือนกัน ค่ะ แต่ เด็กเราบางคน ไม่ได้ คงต้องกลับไปให้หมั่นฝึกฝนบ่อยๆ
ครับ ผมก็ยังสนใจวิธีนั้นอยู่ครับ โดยเฉพาะการสอนอ่าน มันเป็นวิธีตามแนวคิดของ Chomsky ครับ ที่เน้น Gramatical Rules ซึ่งแบบใหม่ตามแนว Cognitive Psychologists ที่เน้น Natural Method ตามบางทฤษฎ๊ เช่น Natural Language Comprehender ที่ห้ามสอนเน้น กฏไวยากรณ์ ครับ เมืองไทยเห็นจะต้องวิจัยทดลองเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ไม่ใช่แบบจำเขามาเหมือนขณะนี้ เราต้องผลิดปริญญาเอกสาขานี้กันให้มากๆ คุณช่วยหน่อยนะ
ดร.ไสว