ชื่อเรื่อง ความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาของผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนมัธยมท่าแคลง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต 1
ผู้วิจัย นายปริยวิศว์ วงษ์จันทร์
ปีที่วิจัย 2550
วัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาของผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนมัธยมท่าแคลง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต 1 ใน 4 ด้าน ด้านบริหารวิชาการ , ด้านบริหารบุคคล , ด้านบริหารทั่วไป และด้านบริหารงบประมาณด้านบริหารบุคคล
2.เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาของผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนมัธยมท่าแคลง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต 1ใน 4 ด้าน ด้านบริหารวิชาการ , ด้าน
บริหารบุคคล และด้านบริหารทั่วไป และด้านบริหารงบประมาณด้านบริหารบุคคล
วิธีวิจัย มีขั้นตอนศึกษาค้นคว้า ดังนี้
1.ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
- ประชากร ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนมัธยมท่าแคลง จำนวน 240 คน
- กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนมัธยมท่าแคลง จำนวน 148 คน
2.เครื่องที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
- แบบสอบถาม
3.ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
- ศึกษานิยาม ทฤษฎี เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
- นำแบบสอบถามมาปรับปรุงเพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
- นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดยพัฒนาจากแบบสอบถามของ วิษณุ เกิดในหล้าโดยขอ
คำแนะนำจากประธานและกรรมการควบคุมงานวิทยานิพนธ์ตรวจสอบและแก้ไขเพิ่มความ
ถูกต้อง
- นำแบบสอบถามที่ปรับปรุงแล้วให้ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม
- นำแบบสอบถามที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิมาพิจารณาปรับปรุงและขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่
ปรึกษาเพื่อปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามให้ถูกต้องเหมาะสม
- นำแบบสอบถามที่ปรับปรุงแล้วไปทดลองใช้กับผู้ปกครองนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง
- นำแบบสอบถามที่ที่ไปทดลองใช้มาวิเคราะห์เพื่อนำมาหาค่าอำนาจจำแนกรายข้อโดยใช้ค่า
สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าแบบสอบถามมีค่าอำนาจจำแนก
ระหว่าง .21 - .85
- หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า ใช้สูตรของครอนบาค
พบว่าแบบสอบถามมีความเชื่อมั่น .90
- นำแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเชื่อมั่นและมีความสมบูรณ์ไปใช้เก็บข้อมูลจาก
กลุ่มตัวอย่าง
4.การเก็บรวบรวมข้อมูล
- นำแบสอบถามจำนวน 148 ฉบับไปเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้
- ผู้วิจัยเป็นผู้รวบรวมแบบสอบถามกลับคืนมาเพื่อจัดทำข้อมูล โดยส่งไป 148 ฉบับและได้กลับคืน 148 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 และตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามพบว่ามีความสมบูรณ์
5.สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
- สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- เปรียบเทียบความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการศึกษาของผู้ปกครองนักเรียน ตามตัวแปร
อาชีพโดยใช้สถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
พบความแตกต่างเป็นรายคู่ใช้วิธีของนิวแมน – คูลล์
สถานภาพการสมรสและสถานภาพครอบครัวสถิติที่ใช้คือ ที – เทส
5. ผลการวิจัยพบว่า
- ความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาของผู้ปกครองนักเรียนโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
ทุกด้าน
ความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาของผู้ปกครอง
- จำแนกตามอาชีพโดยรวมและรายด้านทุกด้านมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- จำแนกตามสภาพการสมรสโดยรวมและรายด้านทุกด้านมีความแตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
- จำแนกตามสถานสภาพครอบครัวโดยรวมและรายด้านทุกด้านมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
มาเยี่ยมชมผลงานครับ