กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นการระดมเงินจากทั้งลูกจ้างและนายจ้างเข้าเก็บไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และจะจ่ายให้ลูกจ้างเมื่อออกจากงานโดยปกติและไม่กระทำผิดต่อนายจ้าง โดยยึดหลักลูกจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนฯเท่าไร นายจ้างจะต้องจ่ายเงินสมทบให้ไม่น้อยกว่าที่ลูกจ้างจ่าย เงินที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ระดมได้จะต้องให้ บลจ. บริหารงาน หากเกิดดอกออกผลจะต้องนำผลนั้นคืนสู่กองทุนและกองทุนนำจ่ายคืนสมาชิกเมื่อสมาชิกออกจากงาน
การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องจัดตั้งตามระเบียบตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และต้องจดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะสามารถตั้งได้ โดยในกฎหมายการก่อตั้งกองทุนถ้ามีวงเงินในกองทุนต่ำกว่า 100 ล้านบาท จะต้องตั้งเป็นกองทุนรวมที่มีอยู่แล้วและมีคณะกรรมการกองทุนบริหารจัดการอยู่แล้ว คณะกรรมการกองทุนฯเพียงแต่ตัดสินใจว่าจะไว้ใจเลือกลงทุนและให้กองทุนใดเป็นผู้บริหารจัดการ แต่ถ้าหากวันหนึ่งมีวงเงินในกองทุนสูงกว่า 100 ล้านบาท จึงจะสามารถตั้งเป็นกองทุนที่ใช้ชื่อของตนเอง บริหารจัดการเองได้
ประเภทของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ประเภทแรกเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบเต็มตัว คือต้องมีเงินหมุนเวียนในกองทุนนั้นๆ ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และอีกประเภทคือกองทุนแบบรวมกลุ่ม คือกองทุนฯนั้นมีเงินหมุนเวียนไม่ถึง 100 ล้านบาท โดยหลักการก็คือ เมื่อจดทะเบียนกองทุนแล้วก็มอบหมายให้บริษัทจัดการหลักทรัพย์ (บลจ.) นำเงินจากองทุนไปบริหารจัดการให้เกิดผลตอบแทน นำผลตอบแทนนั้นกลับมาแบ่งปันให้สมาชิก
ข้อดีของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
มีข้อดีเกี่ยวกับการออมหลายประการ กล่าวคือ
เป็นการจดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ที่มีคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในฐานะนายทะเบียนกองทุนเป็นผู้กำกับดูแล
พนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ จะต้อง เป็นการสมัครใจ และมีตัวแทนจากการเลือกตั้งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมกับผู้ที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้งในการกำหนดนโยบายและบริหารกองทุนฯ
ในการบริหารจัดการกองทุนจะมีการแต่งตั้งบริษัทจัดการที่ได้รับอนุญาตให้ ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทจัดการกองทุนส่วนบุคคลจาก ก.ล.ต. ทำหน้าที่ เป็นผู้จัดการกองทุน ซึ่งจะเป็นผู้ที่มีความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการเงินทุนตามสัญญาที่มีการแต่งตั้งเป็นคราว ๆ ไป
4. ลงทุนหลากรูปแบบ ผลประโยชน์หลายทาง
ผลตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ จะเกิดจากการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ตามนโยบายการลงทุนที่คณะกรรมการกองทุนร่วมกับผู้จัดการกองทุนตกลงกัน ซึ่งจะมีผลตอบแทนหลากหลายมากกว่าที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารแต่เพียงอย่างเดียว
5. มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี
สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี กล่าวคือ มีสิทธิ์ นำยอดเงินสะสมที่ถูกหักมาลดหย่อนภาษีเงินได้ปลายปีได้ และในกรณีที่ออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ก็จะได้รับการยกเว้นภาษี
6. เปลี่ยนงานย้ายกองทุนได้
สมาชิกกองทุนฯ สามารถโอนย้ายกองทุนในกรณีที่ย้ายงานได้ หรืออยู่ระหว่าง
รองานใหม่ โดยสามารถคงเงินไว้ในกองทุนได้ 1 ปี
7. สมาชิกเลือกนโยบายการลงทุนเองได้
คณะกรรมการกองทุนฯ อาจกำหนดนโยบายลงทุนมากกว่า 1 นโยบายที่ให้พนักงานที่เป็นสมาชิกเลือกได้เองตามความสมัครใจและความต้องการได้
8. มีความมั่นคงปลอดภัย
นอกจากมีการกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. และการบริหารจัดการโดยบริษัทจัดการมืออาชีพแล้วการรับฝากทรัพย์สินของกองทุนฯ ยังต้องดำเนินการโดยอีกบริษัทหนึ่ง จึงมีการตรวจสอบซึ่งกันและกันตลอดเวลา
****************
ไม่มีความเห็น