อย่างที่ผมเล่าให้ฟังว่าผมต้องเผชิญกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ทำงานเอื้อกับฝ่ายโจทก์มีพยานหลักฐานให้ฝ่ายโจทก์นำไปแสดง แล้วคนทำคดีมันจะเหนื่อยใจสักขนาดไหน ลองอ่านดูต่อแล้วกันครับ.......
หากมองโดยภาพรวมของการที่โจทก์ในคดีนี้อ้างสิทธิครอบครอง จะเห็นได้ว่าต่างล้วนเพิ่งมาซื้อที่ดินตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นต้นมาทั้งสิ้น การได้มาซึ่งทะเบียนบ้านของบรรดาโจทก์ก็เรียงลำดับกันทั้งๆที่ต่างคนต่างอ้างพยานว่าได้สร้างบ้านอยู่ในที่พิพาทมาก่อนและต่างคนต่างสร้าง หากการออกเลขที่บ้านเป็นไปโดยถูกต้องตามลำดับ ทำไมเลขบ้านจึงต้องมีเลขทับ / เช่น ๓๑/๑,๓๑/๒,๓๑/๓ การที่ออกเลขบ้านมีทับ / ย่อมแสดงว่ามีการสร้างบ้านภายหลังจากบ้านเลขที่ดังกล่าวมีอยู่แล้ว เช่น มีบ้านเลขที่ ๓๑ อยู่แล้ว ต่อมาในบริเวณที่ดินเดียวกันมีการสร้างบ้านเพิ่ม จึงออกเลขที่ ๓๑/๑ ต่อไปเรื่อยๆ และเรื่องราวการขอออกเลขที่บ้านชุดของบรรดาโจทก์ก็ไม่มีอยู่ในแฟ้มทะเบียนของอำเภอถลาง โจทก์อ้างพยานหลักฐานเรื่องการขอออกทะเบียนบ้านแต่ไม่สามารถนำมาแสดงต่อศาลได้ (หมายความว่าทะเบียนบ้านเหล่านี้ทำขึ้นมาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่มันไม่ถูกต้องนะสิ..)
พยานเอกสารในแฟ้มของเจ้าพนักงานที่ดินที่โจทก์และจำเลยอ้างส่งศาลมีพิรุธของปากคำพยานที่เกิดจากการปั้นแต่งเพื่อประโยชน์ในการขอรังวัดของโฉนดของโจทก์ที่ ๔,๕,๖ จึงจะเห็นการให้การกลับไปกลับมาของบรรดาพยาน เนื่องจากพยายามหาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้สามารถออกโฉนดได้แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงที่อ้างไม่เป็นความจริงก็ทำให้ขัดกับเหตุผลจนต้องสร้างเอกสารขึ้นมาแก้ไขเหตุผลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเห็นการพยายามที่จัดทำเอกสารเพื่อให้สภาตำบลซึ่งไม่มีอำนาจใดๆที่จะยกที่ดินให้ชาวบ้าน มาประชุมยกที่ดินที่มีการบุกรุกให้เป็นของผู้บุกรุก และในการประชุมลงนามคัดค้านแต่ละครั้งจำนวนคนผู้มาคัดค้านก็มีจำนวนไม่เท่ากัน ซ้ำกันบ้างไม่ซ้ำกันบ้าง ทั้งพยานโจทก์ปากนายล. ซึ่งอ้างว่าขายที่ดินให้นายป. สามีของนางส. ก็เบิกความขัดต่อเหตุผล เช่น อ้างว่าขายที่ดินเพื่อไปจัดการงานศพบิดา แต่ทนายจำเลยซักค้านได้ความว่านายท. บิดาพยานปากนี้ได้ตายไปนานถึง ๑๐ ปีแล้วก่อนที่นายล.จะอ้างว่าขายที่ดินให้กับนายป.,นางส. เพราะความจริงแล้วหาได้มีการขายระหว่างบุคคลดังกล่าวกันจริงไม่ เมื่อโจทก์ที่ ๔,๕,๖ และผู้ที่อ้างการครอบครองที่ดินพิพาทก่อนโจทก์ที่ ๔,๕,๖ ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย โจทก์ที่ ๔,๕,๖ จึงไม่อาจขอออกโฉนดที่ดินได้ การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละท่านตั้งแต่นายยุวัฒน์ วุฒิเมธี ต่อเนื่องกันมาถึงนายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ไม่ยอมออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ที่ ๔,๕,๖ ก็เพราะเป็นการออกโฉนดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายนั่นเอง หาใช่เพราะติดประกาศกฎกระทรวงฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ ใช้บังคับ ดังที่โจทก์กล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่
โดยสรุป โจทก์และผู้อ้างว่าครอบครองที่ดินพิพาทก่อนขายให้โจทก์ทุกคนไม่ได้ครอบครองที่พิพาทก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ เมื่อมีการสำรวจทั้งตำบลก็ไม่มีผู้ที่อ้างว่าครอบครองผู้ใดนำสำรวจรังวัด ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๒๗ ตรี ดังนั้น ที่ดินที่โจทก์ที่ ๔,๕,๖ อ้างการครอบครองจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๕๙ ทวิ ที่จะออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะรายได้ จำเลยทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการรักษาที่ดินพิพาทเต็มความสามารถเพื่อประโยชน์ของประชาชน มิให้ที่ดินดังกล่าวตกเป็นประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะจึงย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
ประเด็นสุดท้าย ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าที่จะออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงตามระเบียบจัดที่ดินแห่งชาติได้หรือไม่
ข้อเท็จจริงปรากฏในทางนำสืบว่า ที่พิพาทได้มีการประกาศสงวนที่ดินมาตั้งแต่ ๒๕๒๗ ประกาศจะนำที่ดินไปจัดประโยชน์ ตามเอกสารหมาย ล.๓๒,ล.๓๕ จนต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๔ องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ได้แจ้งความประสงค์ขอสงวนที่ดินรกร้างว่างเปล่าบริเวณหาดทรายชายทะเล หมู่ที่ ๔ และหมู่ที่ ๖ ซึ่งบางส่วนได้จัดทำเป็นสวนสาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน บางส่วนมีสภาพเป็นที่รกร้างว่างเปล่า เป็นที่สงวนหรือหวงห้ามเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งอำเภอถลางพิจารณาแล้วเห็นว่าที่ดินดังกล่าวบางส่วนเป็นที่สาธารณะสำหรับพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยสภาพ(หาดทราย)และบางส่วนเป็นที่รกร้างว่างเปล่าและเป็นที่ดินติดทะเลมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง หากไม่ดำเนินการโดยรีบด่วนอาจเกิดการบุกรุกเข้ายึดถือครอบครองเป็นเหตุให้อนุชนรุ่นหลังไม่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ จึงได้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเพื่อขอความเห็นชอบในการสงวนที่ดินเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และได้รับความเห็นชอบตามเอกสารหมายจ.๕๘,จ.๕๙,จ.๖๐ จำเลยที่ ๓ จึงได้ออกประกาศเรื่องที่ดินที่จะสงวนหวงห้ามเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามประกาศอำเภอถลางลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๖ (เอกสารหมาย จ.๓..) บรรดาโจทก์และผู้มีชื่อจึงพากันคัดค้าน
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ดำเนินการตามขั้นตอนตรวจสอบความเป็นมาของที่ดินพิพาทได้ความว่า ผู้คัดค้านทุกราย มีเพียง ๑ รายที่มีโฉนดที่ดิน(ซึ่งไม่ใช่โจทก์ในคดีนี้ และอยู่ระหว่างการเพิกถอน)ส่วนผู้คัดค้านรายอื่น(ซึ่งรวมทั้งโจทก์ทุกคน)ได้ครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหลังประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิใดๆในที่ดินมาแสดง ที่ดินที่จำเลยที่ ๓ ประกาศสงวนหวงห้ามจึงเป็นที่ดินของรัฐ ทั้งจำเลยยังเห็นว่า จำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ กล่าวคือ
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๒๐ ได้บัญญัติให้อำนาจคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
“มาตรา ๒๐ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑)-(๓)............................................................
(๔) สงวนหรือหวงห้ามที่ดินของรัฐซึ่งมิได้มีบุคคลใดมีสิทธิครอบครองเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน
(๕)-(๙)............................................................
(๑๐)วางระเบียบหรือข้อบังคับกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดที่ดินหรือเพื่อกิจการอื่นตามประมวลกฎหมายนี้”
การดำเนินการสงวนที่ดินหรือหวงห้ามที่ดินต้องเป็นไปตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ซึ่งจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ ๙(พ.ศ.๒๕๒๙) แล้ว รายละเอียดของการดำเนินการปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๕๘ ถึง จ.๖๐และรายละเอียดระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๔.
ในส่วนของโจทก์ที่เข้าไปครอบครองที่ดินพิพาท โดยไม่ชอบกฎหมายไม่มีเจตนารมย์ให้ราษฎรบุกรุกแย่งเอาที่ดินของรัฐไปโดยพลการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระเบียบดังกล่าวข้อ ๖ ได้ระบุถึงกรณีการอ้างการครอบครองหรือทำประโยชน์อยู่แล้ว ว่า
“(ข) ที่ดินนั้นมีผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์อยู่แล้ว ให้บันทึกด้วยว่าผู้ครอบครองทำประโยชน์มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือเอกสารหลักฐานแสดงว่าได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์หรือไม่ และให้นายอำเภอแสดงอาณาเขต และจำนวนเนื้อที่ของที่ดินที่มีการครอบครองหรือทำประโยชน์ลงในแผนผังที่สังเขปและรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ”
การที่ระเบียบกำหนดดังกล่าวก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าราษฎรได้เข้ามาครอบครองที่ดินโดยชอบหรือไม่ เมื่อได้ความว่าบรรดาโจทก์ทุกคนรวมทั้งผู้อ้างการครอบครองที่ดินพิพาทก่อนโจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมาย เข้าครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ชอบ และกรณีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่จะขอสงวนที่รกร้างว่างเปล่าเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันโจทก์ทุกคนจึงไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านการประกาศสงวนหรือหวงห้ามที่ดินเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องเพิกถอนคำสั่งของจังหวัดภูเก็ตและนายอำเภอถลาง ในเรื่องที่จะสงวนหวงห้ามให้ที่ดินแปลงพิพาทของโจทก์เป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับประชาชนใช้ร่วมกันและไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งห้ามจังหวัดภูเก็ต,นายอำเภอถลางและองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลนำที่ดินแปลงพิพาทตามฟ้องไปออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง
ผมเขียนคำแถลงการณ์ปิดคดีเสร็จแล้วส่งศาล กลับมานั่งรอลุ้นคำพิพากษาด้วยในระทึก เพราะมีอีกคดีที่น้องเขาไปว่าความเอง ใช้พยานอ่านภาพถ่ายทางอากาศคนเดียวกัน วิธีการเดียวกัน ฉายภาพขึ้นจอเหมือนกันแต่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง อ้าว....ถามว่าคดีนี้เป็นไง...เสียวแฮะ..อิอิ
ในที่สุดวันฟังคำพิพากษามาถึง ผมไม่ได้ไปฟังคำพิพากษาหรอกครับให้น้องอัยการเขาไปฟัง ผลออกมาศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์และขับไล่โจทก์ออกไปจากที่ดิน แต่เรื่องยังไม่จบครับพี่น้อง ยังต้องรอลุ้นกันต่อในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเพราะใครจะยอมกันง่ายๆมูลค่าที่ดินไม่ใช่น้อยๆ
การทำคดีเหล่านี้อยู่ที่สำนึกของนักกฎหมาย อยู่ที่การแสวงหาพยานหลักฐาน อยู่ที่การค้นคว้าหาความจริง อยู่ที่ความเอาใจใส่ในการทำงาน อยู่ที่จิตใจที่เข้มแข็งไม่อ่อนไหวกับสิ่งที่เสนอมา คดีนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของการทำงานของอัยการไทย ที่ไม่เก่งในงานประชาสัมพันธ์ มีเรื่องให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์แต่ไม่ยอมตอบโต้ จนกระทั่งดำเนินการจนแล้วเสร็จชาวบ้านลืมไปแล้วถึงค่อยมาอ้อมแอ้มแถลงข่าว อัยการดีๆเก่งๆมีเยอะครับแต่ไม่โชว์ตัวครับทำแต่งาน...ผมจึงมาฝากในที่นี้ว่ามีข่าวเรื่องอัยการก็ขอให้ฟังหูไว้หูก่อน หาข้อมูลให้ดีก่อนจึงวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าผิดจริงก็ซัดให้เต็มที่ แต่ถ้ายังไม่มีข้อมูลอย่าเพิ่งตัดสินว่าอัยการชั่วนะขอรับ...อิอิอิ
ตามมาเรียนรู้ขอรับ..
สวัสดีค่ะท่ายอัยการ
เชื่อมั่น ท่านอัยการคนดีของชาวเกาะ
ปูเพิ่งกลับมาจากเดินสายไม่ได้อยู่เกาะเลยค่ะ
อาทิตย์นี้จะกลับบ้านไปอ่านหนังสือท่านฯ ค่ะ
สวัสดีค่ะท่ายอัยการ
เชื่อมั่น ท่านอัยการคนดีของชาวเกาะ
ปูเพิ่งกลับมาจากเดินสายไม่ได้อยู่เกาะเลยค่ะ
อาทิตย์นี้จะกลับบ้านไปอ่านหนังสือท่านฯ ค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณลุงอัการ
แอ้ม เมืองขนมหวาน
นมัสการท่านธรรมฐิต
ขอบพระคุณท่านที่ตามมาเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอครับ
สวัสดีครับสิงห์ป่าสัก
ขอบคุณที่ตามมาลุ้นต่อ
ขอบคุณที่เข้าใจอัยการครับ
สวัสดีครับน้อง poo
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่เชื่อมั่น
อ่านแล้วอย่าหัวเราะคนเดียวนะ..อิอิ
สวัสดีหนูแอ้ม
แนะนำให้เขาไปปรึกษาที่สำนักงานอัยการเพชรบุรีนั่นแหละ เพื่อนผมเป็นอัยการจังหวัดอยู่ที่นั่น จะหาเวลาว่างไปกินชมพู่แถวท่ายางมั่ง เคยไปเห็นชมพู่เพชร ๒ ลูกต่อกิโล โอ้โฮ..ทำไมมันใหญ่ขนาดน้าน....
สวัสดีครับ..ท่านอัยการฯ
ผมเข้ามาทักทาย..ก่อนครับ..และสัญญาว่า..จะเริ่มต้น เข้ามาติดตามบ่อยๆ ครับ..
..ความรู้มากมาย..หาดูได้ ไม่ยาก..ก็จาก ท่านอัยการฯ นี่แหละ ครับ..
สวัสดีครับคุณเล็ก
หายหน้าหายตาไปนานเลยนะครับ
สงสัยงานคงจะยุ่ง อิอิ หลานๆผมเป็นไงมั่ง
เปิดมาเจอเลยเข้ามาทักทาย ท่านอัยการหน่อย สมัครสมาชิกเดี๋ยวนี้เอง ช่วงนี้พยายามทำตัวให้ว่างงานเลยได้มีโอกาสเข้าเน้ต นึกได้ว่ามีท่านอัยการเขียนบทความอยู่เลยลองเข้ามาดูเพราะคิดถึงเพื่อนเก่านะ(จะลองเดาดูก็ได้นะว่าใคร)หารูปตัวเองได้จะลงไว้ให้ได้เห็นหน้ากัน ชาวฝนแปดแดดสี่
สวัสดีเพื่อนรัก
รู้แล้วว่าเพื่อนเป็นใคร เราเรียนหนังสือกันมาตั้งแต่ประถม แฮ่ะๆ
สวัสดีท่านอัยการ
ดีใจที่เดาได้ถูกนะ ตอนนี้อยู่กรุง พยายามทำงานให้จบงานใหม่ไม่รับแล้วจะกลับบ้านไปเกาะท่านกินนะ คาดว่าประมาณ สองเดือน เราคงได้อยู่ใกล้กันพบกันมากขึ้น คิดถึงวัดเดิมๆ ฝากความคิดถึงคนค้าวัสดุก่อสร้างด้วย บอกว่าเราคิดถึง (เป็นผู้นำสารให้หน่อยนะท่านอัยการ)
สวัสดีค่ะ ท่านอัยการ
แวะมาส่งความระลึกถึงค่ะ ท่านสบายดีนะคะ
สุขสันต์วันอีดค่ะ(เมื่อวานเน็ตค่อนข้างมีปัญหา ขออวยพรย้อนหลังนะคะ)
มีความสุขมากๆค่ะ
มาให้กำลังใจค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอัยการ
แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความระลึกถึงท่านเสมอค่ะ
ต่อไปถ้ามีข่าวเรื่องอัยการ จะฟังหูไว้หูค่ะ
แต่อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะฟังอะไร ครูอิงก็มักฟังหูไว้หูเสมอค่ะ
เป็นคนหูหนัก เพราะใส่ตุ้มหูอันใหญ่ ๆ อิ...อิ..อิ...
เป็นกำลังใจให้ทำงานสำเร็จด้วยดีทุก ๆ คดีความนะคะ
สวัสดีวันพ่อค่ะท่านอัยการแฟมิลี่แมน
พรุ่งนี้จะกลับบ้านไปอ่าน และหัวเราะคนเดียวอีก แน่นอนค่ะ
ก็แหม เพิ่งจะชอบอ่านเรื่องกฏหมง กฏหมายก็ครานี้แหละ
สุขสันต์เทศกาลรักพ่อ ขอบูชาแม่ ฝันดีทิวา ราตรีค่ะ
ขออภัยน้องอมีนาอย่างสูงเลยครับ
งานผมยุ่งมาก ทั้งงานหลวงงานราษฎร์และงานส่วนตัว ไม่ได้มาแวะเปิดดูและไม่มีเวลาเขียนบทความเพิ่มเลย ตรวจอุทธรณ์และเตรียมฟ้องคดีแพ่งที่ดินชายทะเลอีก เอกสารเป็นตั้งๆเลยครับ แล้วจะได้เขียนบันทึกอีกรอบคงหลัง ๒๗ ธันวา ไปแล้วโน่นแน่ะครับ ผมแบ่งภาคไม่ทัน งานร้อยปีสตรีภูเก็ตจะถึงวันที่ ๙ ธันวา นี่แล้วครับผมเป็นประธานใหญ่
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากครูจิ๋ว
ขอบคุณครูอิงที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจในการทำงาน ตอนนี้กำลังยุ่งในการตรวจอุทธรณ์และคำฟ้องคดีชายทะเลแปลงใหม่ครับ
ขอบคุณน้อง poo ที่แวะมาทักทาย ขอให้มีความสุขกับการอ่าน ๒๗ ธันวา นี้เวลา ๑๑.๓๐ ถ้าว่างเชิญที่ไทนานนะ พี่จะเลี้ยงข้าว
*** อ๋อ แล้วก็ไม่รู้การ์ดอยู่ไหน อย่างไร มีแต่คนใกล้ตัวเค้ามาบอกค่ะ
กำลังจะโทร.บอกว่าฝากบัตรไว้ที่โรงแรมที่ถนนกระบี่ ฝากไว้พร้อมกับพี่หมอประสิทธิ์ครับ เพราะพี่หมอให้ฝากไว้ที่นั่นครับ
ขออภัยท่านเอื้องแซะครับ
ผมยุ่งกับงานหลายเรื่องเหลือเกินช่วงนี้ ที่สำคัญก็คือน้องเนติ์กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์วันที่ ๒๗ ธ.ค.นี้ พ่อกับแม่ก็เลยยุ่งกับการจัดการเรื่องบัตรเชิญครับ และที่ยุ่งหนักเข้าไปอีกคือบัตรหมดแล้วแต่ยังบอกแขกไม่ครบ ตอนแรกว่าจะเลี้ยง ๑๐๐ โต๊ะ แต่ตอนนี้เต็มที่ที่ ๑๕๕ โต๊ะแล้วครับ เชิญใครเพิ่มอีกก็ไม่มีสถานที่ให้รองรับแล้วครับ ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงหนักใจมากๆ แขกต่างจังหวัดจึงใช้วิธีบอกผ่านและไม่ส่งบัตรเชิญให้ เพียงแต่ขอบอกผ่านให้รับรู้ว่าหลานกำลังจะแต่งงานเท่านั้นครับ ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ไม่ได้ส่งการ์ดให้ท่านเอื้องแซะนะครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีค่ะ คุณอัยการฯ
มาเยี่ยมด้วยความสุดคะนึงค่ะ
และพร้อมทั้ง ส.ค.ส.ปี 2553
พาหลานม่อนมาสวัสดีปีใหม่ครับ ด้วยความระลึกถึง
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๓
ขอให้อัยการชาวเกาะและครอบครัวมีความสุขดังบทบาลีที่ว่า เต อัตถลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธสาสเน อโรคา สุขิตา โหถะ สหสัพเพหิ ญาติภิ. ขอให้ครอบครัวของท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติ จงประสบสุขในสิ่งที่ปรารถนา มีสุขภาวะที่สมบูรณ์ปราศจากโรคภัยและเจริญงอกงามไพบูลย์ในพุทธธรรมตลอดไป เทอญ.
ขอให้ความรักมั่นคง ยืนยงคู่กันตลอด.............ไปค่ะ
ต้องกราบขออภัยทุกท่านที่ไม่ได้มาตอบ เนื่องจากเตรียมงานแต่งงานลูกชายและงานแต่งเพิ่งเสร๋จสิ้น รู้สึกเสียมารยาทอย่างมาก ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมอวยพรปีใหม่ ขอบพระคุณเอื้องแซะที่มาอวยพรให้หลานครับ แล้วจะรีบกลับมาเขียนบันทึกครับ