เรียนเพื่ออะไร? ทำโครงงานเพื่ออะไร? ทำวิจัยเพื่ออะไร?


สวัสดีครับทุกท่าน

    พอดีเขียนไว้ในลานปัญญา เลยเอามาฝากไว้ที่นี่ด้วยครับ....

สองวันที่ผ่านมา ให้ นร. ม.6 กับ นศ.ปี 4 มานั่งทำงานในห้องเดียวกัน นั่งล้อมโต๊ะทำงานด้วยกัน โดยผมก็นั่งอยู่ในห้องเพราะก็เป็นห้องทำงานผมนั่นเอง แล้วก็ให้ทำงาน ให้ศึกษา มีปัญหาให้ถาม ให้เขียนโปรแกรมแต่ละอย่างที่ตัวเองต้องทำ ไม่ได้บังคับแต่เหมือนบังคับ แต่ไม่ได้บังคับ เพราะหากไม่เริ่มก็ไม่มีคำว่าได้เริ่ม

ที่หน้าต่างผมพิมพ์ข้อความใส่ไว้ในกระดาษ แปะจากบนลงล่างติดไว้ที่แผ่นกระจกว่า

เรียนเพื่ออะไร? ทำโครงงานเพื่ออะไร?
ทำวิจัยเพื่ออะไร?
ทุกคนล้วนมีคำตอบ เพียงแต่คำตอบนั้น
จะกระทบสังคมมากน้อยแค่ไหน

ทุกอย่างมีข้อจำกัด
เพียงแต่จะทำข้อจำกัดนั้นให้เด่นมีคุณค่าได้อย่างไร
ไม่มีการได้อะไรที่ไม่มีการสูญเสีย
และไม่มีการสูญเสียใดๆที่ไม่ได้

ขณะที่เราท้อแท้ ยังมีคนที่กำลังท้อแท้กว่า
ขณะที่คุณกำลังเครียด ยังมีคนที่เครียดกว่า
ขณะที่เราเป็นผู้รับ ก็ต้องมีผู้ให้
ขณะที่เราเป็นผู้ให้ ก็ต้องมีผู้รับ
การให้และรับจำเป็นต้องสมดุล
หากไม่สมดุล โลกนี้จะอยู่ได้อย่างไร

การเรียนทุกสาขา มีประโยชน์ของมันแฝงอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเราจะมองเห็นหรือไม่
การเรียนรู้ไม่มีคำว่าสาย หากได้เริ่มต้น
การเรียนรู้มีรอบตัวเรา เราจะเข้าถึงได้ไหม
เราเขียนกราฟชีวิตเราได้ด้วยตัวเอง แต่เราต้องเลือกฟังก์ชันด้วยตัวเองว่าจะเอาแบบไหน….

การสร้างวิมาน เริ่มจากฝันในจินตนาการ
แต่วิมานจะไม่เกิดหากไม่เริ่มลงมือทำ
วิมานที่จะเกิดได้โดยไม่มีการทำมีอย่างเดียว
คือ
การสร้างวิมานในอากาศ หรือในอวกาศ
ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อมนุษยชาติ

——————————————————————-
เพื่อนร่วมงานถามว่าแปะทำไม เพื่ออะไร ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าแปะเพื่ออะไร
แต่ว่าแปะลงไปแล้วครับ ก็ไว้อย่างนั้น ส่วนใครคิดว่าจะได้อะไรหรือไม่ได้อะไร อาจจะไม่เกี่ยวอะไร
กับผมเลยครับ อิๆๆๆ แต่หากเข้าถึงคงได้คิดอะไรบ้างละไม่มากก็จึ๋งนึงครับ

ภารกิจสร้างคนนั้นต่างจากสร้างกำแพงเบอร์ลิน
ภารกิจสร้างชาติมันทำด้วยเงินอย่างเดียวไม่ได้
การทำวิจัยหากถามหางบประมาณก่อน ผมว่าอย่าทำเลย สงสารประชาชนครับ
หากทำวิจัยโดยตัวเองไม่สามารถนำหรือทำได้ก่อนหรือมีความรู้ไม่พอใช้ อย่าของบประมาณมาเล่นเลยครับ หลีกทางให้คนที่ทำได้ทำหรือไปหาความรู้มาก่อนแล้วค่อยมาของบใหม่นะครับ สงสารคนเก็บพริกขี้หนูที่บ้านที่ต้องคอยเก็บทีละเม็ดทีละดอกครับ

ทุกๆ องค์กร หากไม่เอาใจใส่ลงไปในสารตั้งต้น อย่าหวังว่าจะสำเร็จเลย
แต่หากใจและศรัทธานำไปแล้ว งบประมาณไม่ต้องวิ่งหา มีคนหามาให้เอง ต่อให้มีงบอยู่ครบแล้วก็ยังมีคนอยากจะสนับสนุน หากไม่เชื่อผมลองทำดูแล้วจะรู้เองว่าผมพูดโกหกหรือเปล่า
อุดมการณ์ของคนสมัยใหม่เค้าบอกว่ากินไม่ได้ แต่ผมอายุ 35 ปี ผมก็ยังเชื่อว่ามันยังมีจริงและกินได้ใน ณ ขณะนี้ ส่วนอนาคตผมจะกลายพันธุ์วันนั้นมันจะเน่าสลายไปเอง…

สิ่งที่เขียนมาเหล่านี้อาจจะแทงใจคนจำนวนหนึ่งครับ แต่กว่าจะมาถึงบรรทัดนี้ท่านๆ ก็อ่านไปหมดแล้ว เพราะผมไม่ได้เขียนเตือนเอาไว้ว่า ต้องอ่านบทความนี้จากย่อหน้าสุดท้ายไปยังย่อหน้าแรกครับ
อิๆๆๆๆ

ขอบพระคุณทุกท่านครับ….

หมายเลขบันทึก: 313605เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 08:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ อาจารย์เม้ง

  • แป๋มอ่านแล้วบันทึกของอาจารย์แล้วรู้สึกชอบและตรงไปตรงมาดีค่ะ
  • ชีวิตที่มีแต่คำถาม ตั้งแต่เริ่มจนเรียนป.เอกแล้วก็ยังไม่วายมีแฟนรึยัง
  • ได้ยินคำถามแสดงความห่วงใย(มากๆๆๆ)ทีไรให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม
  • ชีวิตที่เป็นปรนัยต้องทำตามกรอบที่สังคมกำหนดมาเท่านั้นหรือ..ถามตัวเองบ่อยๆ
  • ทั้งที่จุดหมายหลักของแป๋มต้องการเรียนเพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้
  • ในการพัฒนางานและคนในวงการศึกษาไทย โดยเฉพาะเด็กๆที่จะเป็นอนาคต
  • ของประเทศชาติ โฟกัสของแป๋มมุ่งอยู่ที่จุดนั้นจริงๆค่ะ...
  • ขอบคุณอาจารย์ที่มอบพื่นที่ให้ได้แสดงความคิดความหวังทั้งปวงของครูแป๋มค่ะ 

สวัสดีครับคุณคุณแป๋ม

     ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเชื่อว่าสมองทุกๆ ใบพัฒนาได้เสมอครับ เพียงแต่เราจะกระตุ้นอย่างไร ให้ถูกจุด ตำแหน่ง เวลาที่เหมาะสมครับ เป้าหมายผมก็เน้นการศึกษาและวิจัยกับสังคมครับ ผมบอก นศ.ผมว่า การเรียนจบแล้วมีงานที่ทำตามที่คนอื่นสั่งมาให้ทำอย่างเดียวนั้นถือว่าไม่สำเร็จ หากจะให้สำเร็จจะต้องสร้างงานให้กับตัวเองได้ ดังนั้นหากบัณฑิตสร้างงานให้กับตัวเองได้ จะไม่มีใครตกงานเลย และหากได้เข้าทำงานให้กับองค์กรใดแล้วสร้างงานใหม่ให้กับองค์กรได้เช่นกัน องค์กรนั้นก็จะเจริญ แม้ว่าจะอยู่บ้านก็จะมีงานทำครับ

ขอให้โชคดีในสิ่งที่หวังนะครับ

เรียนเพื่ออะไร?

ทำโครงงานเพื่ออะไร?

ทำวิจัยเพื่ออะไร?

.

.

.

ทำ...เพื่ออะไร?

อันนี้คิดเอาเองนะว่าถ้าใครตอบคำถาม 2 ข้อ คือ

เราเกิดมาเพื่ออะไร? และ

เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?

ได้ดี คนคนนั้นก็จะมีคำตอบที่ดีในการตอบคำถามอื่นๆ

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ค่ะ

อ้าว...น้องชาย...กลับบ้านเกิดแล้วหรือนี่(กลับบ้านเก่าหรือปล่าวนะ...555)

เรียนเพื่ออะไ???...

บางคนเรียนเพื่อเรียน...แต่บางคนเรียนเพื่อรู้...

ทำโครงงานเพื่ออะไร???...

บางคนทำเพื่อประกอบการเรียน...แต่บางคนทำโครงงานเพื่อรู้...

ทำวิจัยเพื่ออะไร???...

บางคนทำวิจัยเพื่อเอาปริญญา...แต่บางคนทำวิจัยเพื่อรู้...

 

ที่จริงเราเกิดมาพร้อมกับความสงสัย...เกิดมาเพื่อให้หายสงสัย...เพื่อรู้...

 

เราไม่รู้...เราจึงเกิด...เกิดมาพร้อมกับความสงสัย...เราจึงต้องเรียน...เมื่อไรรู้แจ้งแล้ว...ก็ไม่ต้องเกิดมาตั้งคำถามเหล่านี้อีก...อิอิ

 

หลังจากเกิดก็เริ่มเรียนรู้...เรียนรู้จนปวดหัวมึนตึบไปหมด...จะเรียนจบปริญญาไหน...ก็ยังปวดหัวต่อไป...กว่าจะเห็นว่ามีเส้นทางเรียนรู้แจ้งแบบง่าย ๆ เบาสบาย...ปลอดโปร่งโล่ง...เป็นอิสระอย่างแท้จริง...ง่ายราวกับทำของคว่ำให้หงาย...ก็ปาเข้าไปเกินครึ่งคนแล้วนะ

 

คิดถึงน้องเม้งจริง ๆ ...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท