“ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสร้างกระแสความตื่นตัวในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดเสี่ยง และป้องกันโรคเบาหวาน โรคความดันฯ ร่วมกับภาคีเครือข่าย”
ในวันเบาหวานโลก วันเสาร์ ที่ 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา 8.30 – 12.00 น.
ณ ศาลาภิรมย์ทัศน์ เทศบาลเบตง โดย โรงพยาบาลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
หลักการและเหตุผล
ด้วยกระทรวงสาธารณสุขโยสำนักโรคไม่ติดต่อ ได้ดำเนินการโครงการ สุขภาพดีวิถีไทย: อ้วนลงพุงและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีเป้าหมายความสำเร็จคือประชาชนได้รับบริการลดเสี่ยงต่อเนื่อง โดยใช้กระบวนการบูรณาการดำเนินงาน ทั้งในสถานบริการสาธารณสุขและชุมชน เพื่อให้เกิดการบริการเสริมทักษะ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ลดเสี่ยง ลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
ในการนี้โรงพยาบาลเบตงได้จัดกิจกรรมให้คำปรึกษาและเสริมทักษะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯ ในประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วย ก่อนดำเนินการได้สุ่มสัมภาษณ์เกี่ยวกับการรับรู้ความเสี่ยงต่อ การรับรู้ความรุนแรงของโรค พฤติกรรมสุขภาพในเรื่องต่อไปนี้
1.การรับรู้สาเหตุ/ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
2. การรับรู้ความรุนแรงของโรค
3. พฤติกรรมสุขภาพและการจัดการตนเองเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
4. ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน
ปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างกระแสความตื่นตัวในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ทำไมต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การที่บุคคลให้คุณค่ากับสุขภาพตนเองมากเท่าไหร่ บุคคลนั้นต้องแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เพื่อนำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดเสี่ยงต่อการเกิดโรค หรือเป็นโรคแล้วทำอย่างไรไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน และสามารถดำรงอยู่ได้ในสังคมได้ตามปกติ
โรงพยาบาลเบตง จึงจัดกิจกรรม “เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสร้างกระแสความตื่นตัวในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดเสี่ยง และป้องกันโรคเบาหวาน โรคความดันฯ ร่วมกับภาคีเครือข่าย ” ในวันเบาหวานโลก ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน ขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนร่วมกันหาแนวทางแก้ไขโดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีหลักการสำคัญอยู่ 5 ประการดังนี้
หัวข้อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
1.1 อาหารประจำท้องถิ่นที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคฯ
1.2 ลดการบริโภคน้ำตาล
1.3 การออกกำลังกาย การเชื่อมโยงกับทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน เช่น อ.บ.ต. เทศบาล สนับสนุนกิจกรรมการออกกำลังกาย งบประมาณ สถานที่ อุปกรณ์
1.4 การควบคุมน้ำหนักตัว ลดพุงรอบเอว < 36นิ้ว/ผู้ชาย หรือ< 32นิ้วในผู้หญิง
1.5 การรณรงค์เลิกบุหรี่ / เหล้า
2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง
2.1 ไม่รู้ว่าตนเองเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
2.2 รอให้ป่วยก่อนค่อยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพราะคิดว่าโรคเรื้อรังรักษาได้
2.3 ไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลตนเอง/ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลงทุนน้อยกว่าค่ารักษา
3. การสนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อ
3.1 รู้ถึงอันตรายของโรค
3.2 รู้จักป้องกันโรคระยะแรก
3.3 ทำอย่างไรให้พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเห็นความสำคัญของการจัดการลดเสี่ยงลดโรค
3.4 มีความรู้เรื่องของตนเองและสื่อสารเพียงพอต่อการตัดสินใจ
4. การสื่อสารในสถานบริการสาธาณสุข
4.1 การนั่งพูดคุยกัน
4.2 การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
4.3 การแจกเอกสารให้ความรู้
5. การสื่อสารในชุมชน
5.1 ผ่านผู้นำชุมชน อ.บ.ต. ครู เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.ส.ม.
5.2 แผ่นพับ โพสเตอร์ ควรติดไว้ที่ไหน
ไม่มีความเห็น