อย่าตะขิดตะขวงใจในการ “รักชาติ”


ผู้ที่ดำเนินการใดเพื่อความเป็นปึกแผ่นสามัคคีของคนในชาติ เพื่อศักดิ์ศรี และความสง่างามของชาติของตน จึงไม่ควรตะขิดตะขวงใจในการแสดงความรักชาติหรือชาตินิยม ไม่ว่าจะต้องถูกกล่าวหาว่า “คลั่งชาติ” หรือ “คับแคบ” หรือหนักว่า ก็ตาม
จาก FWD เสียงคนอีสาน
..................................
นมัสการ พระคุณเจ้า  / สวัสดีพี่น้องเครือข่ายสื่อภาคประชาชน 
 
            ทางสื่อเสียงคนอีสาน  ขออนุญาตส่ง บทความ / ข่าวจาก เว็บไซต์ เสียงคนอีสาน www.esaanvoice.net และจากสารแม่มูน  ให้ทุกท่านเป็นระยะ  นะคะ  
 
 
           เพื่อได้ทราบความเคลื่อนไหวร่วมกัน และเผยแพร่ข้อมูลต่อคะ   หากท่านใดไม่ประสงค์รับข้อมูลข่าวสาร รบกวนแจ้งด้วยนะคะ   
 
           
            ศรัทธาและเชื่อมั่น
 
 
       สดใส  สร่างโศรก 
       สื่อเสียงคนอีสาน
 
 

อย่าตะขิดตะขวงใจในการ “รักชาติ”

                สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเข้าไคล ภายหลังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่เร่ร่อนในต่างแดนเข้ารับตำแหน่ง “ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ” ของกัมพูชา ภายใต้พระปรมาภิไธยของเจ้านโรดมสีหมุนี กษัตริย์ของกัมพูชา และภายใต้การจัดการของฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งขณะเขียนบทความนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่งเสร็จสิ้นการปาฐกถาแก่บุคลากรทางการเงินการคลังและเศรษฐกิจของกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็นั่งน่าบานฟัง นายกฯ เขมรแถลงข่าวด่าประเทศของตน และมีข่าวการเดินทางของประชาชนและนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเข้ากัมพูชาเพื่อพบ “ทักษิณ” ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวการเตรียมการแสดงพลังของประชาชนไทยทุกสีเสื้อ นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (เสื้อเหลือง) ที่ท้องสนามหลวงในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤศจิกายนนี้

                การที่อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งเคยบริหารราชการแผ่นดิน ล่วงรู้ข้อมูลในกิจการของรัฐทุกซอกทุกมุม กอปรกับมีข้อครหาว่ามีการลงทุนร่วมกับผู้ปกครองกัมพูชา จนเป็นเหตุให้ข้อตกลงระหว่างรัฐของรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลตัวแทนอีก ๒ รัฐบาล มีความย่อหย่อนให้แก่กัมพูชา ซึ่งคาดการณ์ได้ว่า เพื่อการ “ช้อน” ผลประโยชน์ในภายหลังของ “ทักษิณ”  ทั้งนี้ โดยเกี่ยวโยงถึงกรณีพิพาท “เขาพระวิหาร” ที่ฝ่ายการเมืองข้าง “ทักษิณ” อ่อนข้อให้กัมพูชาและการแสดงพลังของ “พันธมิตรฯ” ในลักษณะตอบโต้ถึงชายแดน

                การเคลื่อนไหวทั้งสองฝ่ายต่างถูกกล่าวหาใน ๒ ทาง กล่าวคือ ฝ่ายย่อหย่อนให้กัมพูชา รวมทั้ง “บิ๊กจิ๋ว” พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ผู้เดินทางไปเจรจากับ “ฮุน เซน” จนเกิดการกล่าวท้าทายในที่ประชุมอาเซียน และต่อเนื่องของการเดินทางเข้าปาฐกถาของ “ทักษิณ” ถูกกล่าวหา “ขายชาติ” ส่วนฝ่ายตอบโต้การกระทำของผู้นำกัมพูชา และปลุกเร้าคนในชาติให้ร่วมต่อต้านกัมพูชา ก็ถูกกล่าวหาว่า “คลั่งชาติ” หรือ “ชาตินิยม” จนเกินพอดี

                ชาตินิยม (nationalism) หมายถึง ความจงรักภักดีอย่างแรงกล้าต่อชาติของคนในชาติ (strong devotion to one’s own nation) และอีกความหมาย คือ ขบวนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ หรืออื่นๆ ในประเทศที่ถูกปกครองโดยชาติอื่น (movement for political (economic, etc) independence (in a country controlled by another.) ซึ่งชาตินิยม เป็นหลักการสำคัญต่อการดำรงอยู่ของทุกชนชาติ เพราะหากคนในชาติไม่สำนึกถึงความเป็นชาติ หรือรักชาติของตนแล้ว ชาตินั้นก็ล่มสลายหรือตกเป็นทาสของชาติอื่นโดยง่าย

แต่ในระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ภายหลังความพ่ายแพ้ของฝ่ายอักษะ นำโดยเยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น ได้ถูกผู้ชนะสงคราม คือ ฝ่ายสัมพันธมิตร นำโดยสหรัฐฯ สร้างวาทกรรมถล่มเสียยับเยินว่าเป็นพวก “ชาตินิยมคลั่งชาติ” หรือ “ชาตินิยมคับแคบ” นัยว่าเยอรมนี อิตาลีและญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบเผด็จการฟาสซิสม์ ซึ่งปลุกเร้าคนด้วยลัทธิชาตินิยมคลั่งชาติ

                หลังจากนั้นเป็นต้นมา “ชาตินิยม” ก็ถูกใส่ไคล้ต่อเติมเพื่อลดความน่าเชื่อถือ จนกลายเป็นความรู้สึกด้านลบ เลวร้าย พาลทำให้ผู้คนไม่อยากรักชาติ เบื้องหลัง คือ ชาวยิวที่ควบคุมบงการสหรัฐฯ เป็นพวกไม่มีแผ่นดิน ไม่มีชาติ เลยไม่ต้องการให้คนอื่นรักชาติ แต่ภายหลังที่ชาวยิวซื้อแผ่นดินจนมีประเทศ ชื่อ อิสราเอล ชนชาติดังกล่าวกลับดำเนินนโยบายชาตินิยมอย่างสุดขั้ว รวมถึงการอบรมฝึกฝนยุวชนของตนเป็นเช่นทหาร ขณะที่ใช้ลัทธิทุนนิยมทำลายเด็กและเยาวชนของชาติอื่นๆ ให้เหลวแหลก ไร้สาระ

                หันไปมองสหรัฐฯ ผู้ได้ชื่อว่า “ต้นแบบแห่งประชาธิปไตย” และได้ชื่อว่าเป็นชาติเสรีนิยมบ้าง จะเห็นว่า ในเบื้องลึกแล้ว สหรัฐฯ ได้สร้างกฎหมายและนโยบายเอาผิดกับผู้ที่มี “การกระทำอันไม่เป็นอเมริกัน” หรือ Americanization ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ประยุกต์เป็นกฎหมายและนโยบายเอาผิดกับผู้ที่มี “การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์” ขณะเดียวกันทางด้านศาสนาก็ใช้หลักการคริสเตียน (Christianity) เพื่อให้คนยึดมั่นในคริสตศาสนา และหลักการคริสเตียนก็เป็นต้นตอของจักรวรรดินิยม (imperialism) ซึ่งเข้ายึดครองและปกครองชาติอื่นในนามของพระเจ้า

ผู้ที่ดำเนินการใดเพื่อความเป็นปึกแผ่นสามัคคีของคนในชาติ เพื่อศักดิ์ศรี และความสง่างามของชาติของตน จึงไม่ควรตะขิดตะขวงใจในการแสดงความรักชาติหรือชาตินิยม ไม่ว่าจะต้องถูกกล่าวหาว่า “คลั่งชาติ” หรือ “คับแคบ” หรือหนักว่า ก็ตาม

 
 
 
หมายเลขบันทึก: 313191เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2009 11:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • มาส่งไปทำงานครับ
  • เอากำลังใจมาฝาก
  • ขอให้โชคดีและมีความสุข 
  • มายืนยันถึงความรักชาติครับ

    สวัสดีครับท่านเบดูอินP ต้องขออภัยเป็นอย่างมากเลย..ขัดข้องทางเทคนิคบางประการ งานหลวงไม่มีแล้วเหลือแต่งานราษฎร ทำให้ไม่ได้มาพบปะกัลยาณมิตร  ยังระลึกถึงอยู่เสมอเหมือนเดิม ขอบพระคุณครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท