โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ


เมื่อเมตตา กรุณา มุทิตา เต็มที่แล้วยังไม่ได้ผล ก็ต้องวางใจให้ อุเบกขา แบบ "ชั่งหัวมัน"

โครงการนี้ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งที่มาของโครงการนี้มีว่า ข้าราชบริพารในพระองค์ได้มาซื้อที่ดินบริเวณนี้สำหรับอยู่อาศัย ปลูกพืชผล 

ต่อมาความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัย จึงได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรที่ดินและได้ทรงซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวจำนวน 250 ไร่ สำหรับเพาะปลูกพืชทำเป็นโครงการตามพระราชดำริ


ซึ่งมีชาวบ้านได้นำมันเทศที่ปลูกมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระองค์แต่เมื่อเสด็จกลับมิได้ทรงนำมันหัวนั้นไปด้วย แต่เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้งทรงพบว่ามันหัวนั้นงอกเป็นต้น จึงมีพระราชดำรัสว่ามันอยู่ที่ไหนก็งอกได้ จึงมีพระราชดำริให้จัดเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นที่พืชท้องถิ่นของเพชรบุรี
เช่น มะพร้าว ชมพู่เพชร มะนาว กะเพรา สัปปะรด ข้าวไร่พันธุ์ต่างๆ และไม้ใหญ่ๆ จำพวกมะพร้าว ชมพู่เพชร  

พอกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานชื่อโครงการ พระองค์จึงตรัสว่าชื่อชั่งหัวมันก็แล้วกัน

:พระราชตำหนัก

สำหรับพืชผลที่เก็บไปแล้ว เช่น มะนาว กะเพรา โหระพา นั้นส่งไปจำหน่ายที่ร้านโกลเด้นเพลสเพียงร้านเดียวเท่านั้น (มี 4 สาขา) อีกส่วนหนึ่งส่งเข้าไปในวังสำหรับเป็นเครื่องปรุงพระกระยาหาร เจ้าหน้าที่เล่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เสด็จมาประทับสำราญพระราชอิริยาบถที่นี่หลายครั้ง โดยจะทรงขับรถพระที่นั่งทอดพระเนตรรอบๆ ด้วยพระองค์เอง ขณะนี้โครงการฯ กำลังสร้างตำนักสำหรับเป็นที่ประทับพักพระอิริยาบถ หรือเสวยเวลาเสด็จมาที่นี่

ที่มา: puntip.com

 

 

 

ชื่อโครงการชั่งหัวมันถือได้ว่าเป็นชื่อโครงการที่แปลก ชวนให้คิดตีความว่าชื่อนี้มีความหมายอะไร ถ้าตีความหมายตามสำนวนไทย ชั่งหัวมัน (ช่างหัวมัน) ก็หมายถึง ไม่ต้องไปสนใจ อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ใครจะทำอะไรก็ทำไป เราไม่ต้องไปใส่ใจพระองค์ท่านเป็นนักปราชญ์มีสายพระเนตรยาวไกลและความคิดที่ลึกซึ้ง ชั่งหัวมันจึงเป็นชื่อที่สื่ออะไรที่มีความหมายลึกซึ้งมากยิ่งกว่าแค่เอาหัวมันมาชั่ง 

 อาจารย์ยักษ์ขอตีความตามแบบฉบับอาจารย์ยักษ์ว่า ท่านกำลังบอกให้เรากลับมา หาสิ่งที่สำคัญ จำเป็นพื้นฐานของชีวิต ใครอยากจะเจริญทันสมัย มีไฮไฟ มีอินเทอร์เน็ต มียานอวกาศไปถึงพระจันทร์ ดาวอังคาร มุ่งหาแต่ความเจริญทางวัตถุ หาทรัพย์สินเงินทองก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องไปสนใจ เรากลับมาหาสิ่งที่สำคัญ จำเป็นพื้นฐานของชีวิตให้ชีวิตเรามีพออยู่พอกินมีอาหาร ไม่ต้องเป็นเสืออย่างคนอื่น แต่มีความสุขก็พอแล้ว 

 เช่นเดียวกับ "หัวมัน" เป็นพืชใต้ดินที่ไม่มีใครเห็น ดูๆ ไปแล้ว ก็มิได้มีค่าอะไร เป็นพืชที่ขึ้นง่าย ขึ้นในทุกสภาพภูมิอากาศ แม้ในที่ที่แล้งที่สุด หัวมันก็ยังขึ้นได้ หัวมันจึงเป็นสัญลักขณ์ของสิ่ง มีค่าในยามวิกฤติที่สุด ไม่มีข้าว ไม่มีปลา ก็ยังมีหัวมันที่เราสามารถใช้ประทังชีวิตได้ 

 ถ้าใครคิดว่า หัวมันนั้นไร้ค่า เป็นอาหารชั้นสอง ก็ลองมาฟังเรื่องจริงก็มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นเจ้าของเกียวโตแบงก์ ที่ร่ำรวยขึ้นมาจากหัวมัน ในคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นแพ้สงคราม การสู้รบยาวนานในสงครามทำให้ผู้คนในประเทศญี่ปุ่นอดอยากอยากแค้น เศรษฐีญี่ปุ่นเจ้าของธนาคารเกียวโตผู้นี้ในยุคนั้นก็เป็นชาวไร่ชาวนาที่ปลูกมัน แต่ความอดอยากทำให้เจ้าของที่ดินหลายรายในยุคนั้นเอาที่ดินมาแลกกับหัวมันเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด 

 หลังสงครามที่ทุกอย่างสงบ จากชาวไร่ชาวนาธรรมดาที่ปลูกหัวมัน เจ้าของธนาคารเกียวโตผู้นี้ก็เปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นเจ้าของที่ดินมูลค่ามหาศาลและจากเจ้าของที่ดินก็กลายมาเป็นนายธนาคารที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น 

 ใครจะรู้ว่า หัวมัน ที่ไร้ค่าก็สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตคนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้!! 
 
แต่ หัวมัน ที่อาจารย์ยักษ์ให้ลูกศิษย์ลูกหาช่วยกันระดมปลูกในขณะนี้มิได้ปลูกเพื่อหวังร่ำหวังรวยเหมือนนายธนาคารญี่ปุ่นผู้นี้ แต่หัวมันนี้จะเป็นหัวมันบุญ ที่เอื้อให้ผู้คนอยู่รอดในยามวิกฤติ แร้นแค้น 

 หากใครผ่านสงครามมา ผ่านภัยพิบัติธรรมชาติมาก็จะรู้ดีว่า ในภาวะแบบนั้นที่ผู้คนไม่สามารถทำมาหากินได้ปกติ ข้าวปลาอาหาร พืชผักผลไม้ต่างๆ จะกลายเป็นของหายาก หรืออาจจะหาไม่ได้เลย หัวมันที่เคยไร้ค่าอยู่ใต้ดินจะเป็นสิ่ง มีค่า สำหรับการมีชีวิตอยู่รอดทันที
 
 
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเรามาช่วยกันปลูก หัวมัน ตามโครงการชั่งหัวมันของพระองค์ท่านกันเถอะ


 ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่ง หัวมันของเราอาจจะช่วยชีวิตผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้ 


 ถึงเวลานั้นหัวมันที่เราปลูกก็จะเป็น หัวมัน ที่ให้ผลบุญติดตัวผู้ปลูกไปชั่วชีวิตเลยทีเดียว!
         


"อาจารย์ยักษ์ ณ มหาลัยคอกหมู" 

 ที่มา:คมชัดลึก 


หมายเลขบันทึก: 310259เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2009 01:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

นัยยะที่เราพอจะน้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ก็คือ หากทำความดีแล้ว มีคนว่า มีแรงเสียดทานจากสังคมรอบข้าง หากเราหนักแน่นในสิ่งที่ทำ ตระหนักรู้ว่าคือสิ่งที่ดีแท้

สร้างประโยชน์สุข ก็ต้อง "ชั่งหัวมัน" กับโลกธรรม ๘ เหล่านั้น

หรือหากชวนเพื่อนๆทำความดี ชวนทำโครงงานคุณธรรม ฟังธัมมะแท้ในพระพุทธศาสนาที่ก่อสัมมาทิฐิ หรือให้หันมาใช้ชีวิตพอเพียง ชวนโรงเรียนทำการศึกษาแบบนอกกรอบ นอกระบบ พบนายกก็แล้ว พบเจ้ากระทรวงก็แล้ว พบสว.ก็แล้ว พยายามเต็มความสามารถแล้ว

เขายังไม่สนใจ มองไม่เห็นคุณค่า ตระหนักตื่นรู้

ยังเอาแต่ปฎิรูปการศึกษาแบบไร้ผล ไม่ยอมปฎิวัติการศึกษากลับส่งเสริมธุรกิจการศึกษา

พ่อแม่เด็ก และคุณครู ก็ตกบ่วงการแข่งขัน เอาแต่เรียนพิเศษตามค่านิยมสังคมโมหะภูมิ

เติมศักยภาพของสมองด้านความจำระยะสั้นด้านเดียว ยังทำตัวตกเป็นทาสบริโภคนิยม ส่งให้เรียนสูงๆ จะได้เป็นเจ้าคนนายคนตามคำโฆษณาโดยไม่รู้ว่าจะลงเหว

เมื่อเมตตา กรุณา มุทิตา เต็มที่แล้วยังไม่ได้ผล ก็ต้องวางใจให้ อุเบกขา แบบ "ชั่งหัวมัน" พ่อแม่ผู้ปกครองส่งให้เรียน เสียเงินเสียทองไปแล้ว 4-5แสน ถ้าโชคดีเรียนจนจบมหาลัย ปี4 ออกมาแล้วก็พบว่าตัวเองไม่ได้อะไร ความรู้ในวิชาคืนครูไปหมด ทำอะไรไม่เป็น คิดสร้างสรรค์ไม่ได้ ถ้าเก่งก็เก่งแบบเห็นแก่ตัว

ก็ต้อง... "ชั่งหัวมัน"

ในยุควิกฤติสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเมืองที่จะมาถึงเร็วๆนี้ ใครมีสัมมาทิฐิ ใช้ชีวิตพอเพียง ตั้งใจทำความดีด้วยความเพียรอันบริสุทธิ์ อย่างเต็มความสามารถก็จะได้ผลตามเหตุที่ทำ รากหญ้าจะอยู่รอด

หากเหล่าอำมาตย์ยังโกงกิน ยึดเงินมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ไม่น้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนำมาใช้ ยังสร้างความแตกแยก นำพาประเทศชาติลงเหว ไปสู่ความวิบัติ

ใครทำอะไรก็ย่อมได้ผลเช่นนั้น หากพยายามเต็มที่แล้ว... ที่เหลือก็ต้อง.. "ช่างหัวมัน"

ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ จะใช่เรื่องจริงก็ไม่ใช่ จะใช่เรื่องสมมุติก็ไม่ใช่

ก็วางใจแบบ "อตัมมยตา" ตามคำท่านพุทธทาส คือ "กูไม่เอากับมึงแล้วโว้ย

สวัสดีค่ะ

แวะมาทักทายค่ะ

บ้านอยู่ต.เขากระปุกเหมือนกันค่ะ แต่อยู่หมู่๑๒ค่ะ

แอ้ม เมืองขนมหวาน

ตอนนี้ต้องการเป็นส่วนน้อยๆ ขอโครงการ. อยากใช้วิถีการกินการอยู่แบบพอเพียง ระลึกเสมอว่าทำดีได้ดี รู้จักคำว่าพอเพียงครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท