นึกย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้วที่ พี่สร้อยทอง เตชะเสน นำKM
มาเป็นเครื่องมือ...ประเดิมใช้ในงานประเมินผลของกองแผนงาน
มีดิฉันเป็นทีมวิทยากรหรือคุณอำนวย
ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมของเวทีนั้นจากหลากหลายหน่วยงาน หลายจังหวัด
เช่น จากหน่วยงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคของกรมอนามัย
จากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จากกรมควบคุมโรค
จากหน่วยงานในภูมิภาคเช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น
แต่ละท่านล้วนผ่านประสบการณ์และเป็นคุณกิจตัวจริงในงานประเมินผล
เมื่อผ่านลงทะเบียนเสร็จทุกคนก็จะถูก set ลงกลุ่มตามรายชื่อที่จัดเตรียมไว้แล้วและพอได้เวลาหลังพิธีเปิดเสร็จ ...Story Telling ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกดึงมาใช้ในช่วงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทันที การเล่าเรื่องเริ่มจากคนแรกและตามด้วยคนแล้วคนเล่า...ต่างใช้ความพยายามเล่าจนครบทุกคน แต่พอช่วง AAR ดิฉันประทับใจม๊ากมาก เพราะมีน้อง1ท่าน คุณศิริพร จากศูนย์อนามัยที่ 3 จ.ชลบุรี เธอเป็นน้องที่รู้จักกันดี นิสัยตรงไปตรงมา เป็นเด็กหน้าตาสวยและน่ารักมาก เธอสะท้อนความรู้สึกว่า ...อะไรก็ไม่รู้มาถึงก็ให้เล่าเรื่องความสำเร็จ สำเร็จรึเปล่าก็ไม่ค่อยแน่ใจ เอ้าเล่าก็เล่า ที่เล่าน่ะจริงๆก้อ...ไม่ได้รู้สึกว่าสำเร็จหรอก แต่ก็เล่าไปแล้ว มันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ มานั่งเล่าให้กับคนแปลกหน้า ยังไม่รู้จักคุ้นเคยกันเลย น่าจะมีการสันทนาการเพื่อสร้างบรรยากาศให้รู้จักกันก่อน พอคุ้นเคยกันบ้าง แล้วจึงค่อยเล่า
ดิฉันบอกตามตรง
ดิฉันช๊อบ ชอบและนั่งอมยิ้มกริ่ม (คิดในใจตอนนั้น ว่า
แน่มากน้องเรา)เพราะเธอช่วยกระตุกความคิด สะกิดใจดี
...จำได้ว่า
...แต่เดิมเวลาเราจัดประชุม อบรมหรือสัมมนาใดๆ ก่อนการอบรม เราก็มักจะมีกิจกรรมหรือเกมส์เพื่อสันทนาการ เป็นการละลายพฤติกรรม หรือที่เรียก Ice Breaking เราก้อ...ทำกันเป็นประจำในฐานะนักฝึกอบรม แต่พอมาถึงเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ...ไฉนเลย...เรากลับละเลยเรื่องเหล่านี้ ผลีผลามกระโจนเข้าสู่เวที มุ่งสู่กระบวนการหรือขั้นตอนเลย โดยลืมเทคนิคสำคัญของการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ไป
จริงๆแล้วหัวใจของการเรียนรู้ สิ่งสำคัญหนึ่งนอกจากการเตรียมตัวผู้สอน เตรียมอุปกรณ์หรือสื่อการสอนแล้ว การเตรียมความพร้อมในตัวผู้เรียน ก็เป็นประเด็นหรือหัวใจสำคัญเช่นกัน .
..นี่หล่ะนะดิฉันคิดในใจ...พอได้ของใหม่(เครื่องมือใหม่ๆ นั่นคือ story telling)...ก็ลืมของเก่าความรู้เก่า เทคนิคเก่า
ฮื่อ!!!...ไม่ว่าเครื่องมือจะใหม่เพียงใด
ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการจัดการความรู้ ยังต้องบูรณาการเทคนิค
กระบวนการ เครื่องมืออีกหลายๆอย่าง...เข้าด้วยกัน
และมีข้อควรคำนึงถึงอีกมากมายเช่นกัน
มันเป็นบทเรียนและสิ่งที่พึงระลึกว่า...การเป็นคุณอำนวยไม่ใช่เพียงแค่ผู้จัดให้มีการประชุม
แต่คุณ คือคนสำคัญในการกระตุ้น
และมีหลายบทบาทเพื่อผลักดันให้คนเกิดเรียนรู้
(โปรดอ่าน...ทศพักตร์ของคุณอำนวย...โดย ...อาจารย์ประพนธ์ ผาสุขยืด)
ขั้นตอนการเตรียมผู้เรียน การเตรียมหรือการสร้างบรรยากาศ จึงเป็นสิ่งที่ดิฉันพึงสำเหนียกอยู่ในใจ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงอยากเขียนขึ้นบล๊อก เพื่อเป็นบทเรียนเพียรจำ แด่พวกเราชาวKM
แล้วบรรยากาศคล้ายๆข้างบนนี้ คือ อาการตื่นๆ ฝืดๆของคนเล่าเรื่อง ก็เกิดขึ้นเช่นกัน ณ เวทีคุณอำนวย2 วันที่ 17-18 เมย.49 ที่บ้านผู้หว่าน จ.นครปฐม แม้พวกเราจะมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในฐานะที่ถูกรับเชิญว่าเป็นคุณอำนวย "มือเซียน" จากการคัดเลือกของสถาบันส่งเสริมจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) ก็ตาม
ดิฉันหยิบดินสอจดบันทึก ทำหน้าที่ Note taker ให้ตัวเองทันที เมื่อ คุณธวัช หมัดเต๊ะ พูดช่วง AAR เป็นท่านสุดท้าย
เธอพูดได้ประทับใจ วาทะนุ่มนวล ภาษากินใจดี ว่า ....(ตัดตอนเพียงบางส่วนมาเล่า)
เหมือนฝนซา ฟ้าใส
ตอนแรกเอาใจใส่กับตัว process มากไป
แต่ความรู้สึก เรายังไม่ได้จัดการ เลยดูออกมาฝืนๆ
เราควรให้ความละเอียดอ่อนแยะๆ
...เราต้องจัดการเรื่อง ความรู้สึกให้แยะมาก ...
จบคำพูดประโยคสุดท้ายด้วยสำนวนไพเราะ จากชายคนนี้ไว้อย่างดียิ่งว่า
...เป็นความโชคดีของ staff สคส. ...
ผมว่า อาจารย์มองว่า พวกนี้น้ำไม่ท่วมหัว ผลักลงน้ำ น้ำก็ไม่ท่วมหัว
วันนี้เราอาจตกหลุมตกบ่อบ้าง เพื่อวันหน้าไม่ต้องตกหลุมเดิม เท่ากับว่าสะสมไมล์อีกครั้ง
เรื่องนี้ล่าช้ากว่าเหตุการณ์....ขออภัย มา ณ
โอกาสนี้นะคะ
แต่ที่หยิบมาเล่า เพราะเป็นเจตนา...บนความตั้งใจจริงที่ให้สัญญากับตัวเองว่า ...
จะหยิบมาเขียนแน่ๆ เพราะสำนวนเด็ดๆของคุณธวัช
และเห็นเป็นประเด็นต่างจากเรื่องที่เพื่อนๆคุณอำนวย2 เขียนขึ้นบล๊อกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม...บทเรียนที่ผ่านมา ล้วนเป็นอดีตที่ควรเรียนรู้เพื่อการพัฒนา
และวันนี้เรารู้ว่า เวทีคุณเอื้อ (CKO)เมื่อวันที่ 8- 9 พ.ค.49 ณ บ้านผู้หว่าน จ.นครปฐม ...
ทีมคุณอำนวยของสคส.ล้วนส่งไม้ผลัด
วิ่งผ่านเส้นชัยเข้าไปแล้ว
รับทราบมาว่า การสร้างบรรยากาศหนุกหนาน เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เยี่ยมยอด
ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งและขอปรบมือดังๆให้กับน้องเราทุกคนค่ะ