เมื่อวานได้เจอเหตุการณ์ที่ต้องเก็บกลับมาครุ่นคิดทุกครั้งที่สมองว่าง
เพราะอะไรการบอกกล่าวที่นำไปสู่การแก้ไข...กลับถูกแปรเจตนาเป็นคำตำหนิ ติเตียนไป
คนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้ไม่ใช่เหรอ
มันทำให้ย้อนนึกถึงสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนมา...
Nobody is perfect.
ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบไปทุกเรื่อง
ไม่มีใครที่มีแต่ สีขาว หรือ สีดำ
ถ้าการบอกกล่าวที่นำไปสู่การแก้ไขกลายเป็นการตำหนิ ติเตียน แล้วจะเกิดการพัฒนาได้อย่างไร ก้คงเหมือนกับการที่เราใช้ดินสอขีดเขียน เมื่อผิดก็ใช้ยางลบ ลบทิ้งไปโดยที่เราไม่ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ขีดเขียนไปว่า มันผิดอย่างไร ทำไมเราต้องลบสิ่งที่ขีดเขียนนั้น
จะเป็นไรไปถ้า...
เราจะกล้าเผชิญกับความผิดพลาดและไม่ประมาทในการใช้ชีวิต
และ
ยอมรับการกระทำของตัวเอง ("o)
เป็นตัวทดสอบสติเราไง อย่าลืมว่าเรามีสติเป็นเพื่อนแท้ที่หวังดี แม้จะถูกลืมเป็นประจำ
แล้วคุณล่ะกล้าเผชิญกับความผิดพลาดและยอมรับการกระทำผิดของตัวเอง หรือปล่าว????????????
การยอมรับความผิดพลาดและการกระทำของตัวเอง มันไม่ได้อยู่ที่กล้าหรือไม่กล้าเผชิญกับความผิดพลาด แต่อยู่ที่การเปิดใจของตัวเราเองมากกว่า บางคนคงเคยมีประสบการณ์...เมื่อเราทำผิดพลาด แล้วมีใครมาบอกกล่าว เราน้อมรับความผิดพลาดนั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข ในทางกลับกัน เมื่อมีใครอีกคน(ซึ่งอาจไม่ถูกใจเรา)มาบอกกล่าว เราก็อาจรู้สึกต่างจากคนแรกโดยสิ้นเชิง...
Open mind, open up your mind.
มันอยู่ที่ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกะคนๆนั้น
ถ้าคุณรู้สึกว่าเขาเป็นมิตร....คุณก็จะยินดีรับฟังคำแนะนำและทำตามโดยไม่รู้สึกอะไร
แต่..ถ้าคุณรู้สึกว่าเขาไม่ใช่มิตร ไม่ว่าคำแนะนำนั้นจะมีประโยชน์และดีแสนดีเพียงไร คุณอาจจะเข้าใจว่านั่นคือการตำหนิติเตียน ทั้งๆที่คนๆนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้....
เรียน คุณป้าบวม และคุณขาจร
พี่ "สติ" รับได้ทั้งมิตรและ ไม่ใช่มิตรค่ะไม่ว่าจะมาไม้ไหน ช่วยปัดเป่าจิตใจไม่ให้ทุกข์(นาน)
คนเราอัตตาตัวตนมันเยอะ การที่จะบอกหรือเตือนใครคงต้องดูด้วยว่าคนๆ นั้นเป็นใคร เขายอมรับได้ไหม เพราะบางคนถือว่าตัวเองแน่ ใครจะมาว่าไม่ได้นะ เป็นเรื่อง การจะทำอะไรก็แล้วแต่คงต้องใช้สติ คิดให้รอบครอบ และถ้าเราทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และหวังดี ก็ไม่ต้องไปกังวลใจหรอก เพราะตัวเราเองย่อมรู้ดีกว่าใครๆ คนอื่นไม่เข้าใจก็ช่างเขา เราทำใจของเราให้ผ่องใสไว้ดีกว่า จะได้ไม่ทุกข์นะจะบอกให้
นั่นนะสิ เพราะฉนั้น..ก้อ
อย่าหวังว่า ใคร จะเป็นได้อย่างใจเราต้องการ
เพราะ ตัวเราเอง บางครั้งก็ยังไม่ได้อย่างใจตัวเองเล๊ย...
เห็นใจและเห็นใจจริงจริง ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนอนิจจัง มีชอบอยุ่สักระยะหนึ่งก็มีโกรธ มียินดีอยูสักพักก็กลายเป็นยินร้าย ถ้าคิดได้อย่างนี้ก็ดีแต่ทุกคนก็คิดได้เพราะมีสมอง คิดอย่างเดียวไม่พอจะต้องมีสติไตร่ตรอง เมื่อไตร่ตรองดีแล้วจึงนำมาพิจารณาว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นกล่าวด้วยความหวังดีหรือไม่ ถ้าดีก็นำมาปฎิบัติแต่ถ้าไม่ดีก็ให้ปล่อยวางเสีย อย่านำมาแบกไว้ให้มันหนักอยู่ แต่อย่างว่าคนเราเมื่อได้ยินก็มักจะไม่ปล่อยวางยังยึดมั่นถือมั่นอยู่มันก็จะทำให้ต้องแบกอยู่เสมอ การปล่อยวางมีหลายวิธีลองพิจารณาดูซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละคนก็มาจากครอบครัวที่ต่างกัน การเลี้ยงดูอบรมที่ต่างกัน บางคนบอกว่าวิธีนี้ดี แต่อีกคนบอกว่าวิธีนี้ดีกว่า การทำงานกันเป็นหมู่คณะก็จะมีปัญหา แต่ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องรู้จักให้อภัยกันไม่ยึดมั่นถือมั่นจนเกินไป เพราะคนที่ยึดมั่นถือมั่นมากทุกข์ก็จะเกิดขึ้นกันตนเอง ขอให้ลองหัดปล่อยวางบ้างนะ เป็นกำลังใจให้เสมอ
ตั้งใจมาตอบคำถาม โดยไม่ได้อ่านบันทึกก่อนนะครับ
อ่านบันทึกแล้ว ตอบว่า
ตั้งใจมาตอบคำถาม โดยไม่ได้อ่านบันทึกก่อนนะครับ
อ่านบันทึกแล้ว ตอบว่า
ตั้งใจมาตอบคำถาม โดยไม่ได้อ่านบันทึกก่อนนะครับ
อ่านบันทึกแล้ว ตอบว่า
รบกวนช่วยลบข้อคิดเห็นที่ผิดพลาดทางเทคนิคของผม ๒ ข้อคิดเห็นออกด้วยครับ
ความเห็นที่
11:33:28 2006 เขียนว่า:....
11:34:21 2006 เขียนว่า:....
อย่าลบเลยค่ะเพราะเปลืองยางลบ แปลว่าใครๆก็ผิดได้
ครูอ้อยผิดบ่อยไป จนยางลบกุดหมดแล้ว แต่มันก็งอกมาใหม่ทุกครั้งค่ะ
ได้ข้อคิดดีค่ะ
ผิดแล้วก็ต้องแก้ปัญหาไปค่ะ