อีกครั้ง สวนผึ้ง ในดินแดนมนต์เสน่ห์
เพื่อการแก้ไขปัญหาเด็กไร้รัฐ
วันนี้ได้มีโอกาสเดินทางลงไปเตรียมโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาเด็กไร้รัฐและไร้สัญชาติ
ซึ่งในฐานะที่เคยทำงานในพื้นที่สวนผึ้ง
ก็เลยเลือกพื้นที่นี้ในการทำงาน
เมื่อสามวันก่อน ได้ประสานงานทางโทรศัพท์ไปยังอาจารย์วุฒิ บุญเลิศ
คนไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง
ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะปราชญ์ของชุมชนกระเหรี่ยง
กะว่าจะเดินทางไปตั้งวงคุยกันกับผู้นำชุมชนเพื่อตระเตรียมการทำงานแก้ไขปัญหาเด็กไร้รัฐ
ไร้สัญชาติ ดังนั้น ในวันนี้ (วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙)
จึงต้องตื่นตั้งแต่เช้า (๐๗.๐๐ น.)
เพื่อเดินทางไปให้ถึงบ้านของอาจารย์เจริญ
ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนอีกคนหนึ่งที่หมู่บ้านห้วยแห้ง
ไม่ไกลจากบ้านอาจารย์วุฒิเทาไหร่นัก
ระหว่างทางได้แวะรับพี่หมอ
ผู้ที่เข้ามาเป็นแพทย์ประจำสถานีอนามัยตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๐ เป็นต้นมา
พี่หมอเป็นอีกคนหนึ่งที่จะต้องเข้ามาดูแลงานทะเบียนบุคคลในระบบของตัวเอง
ทั้งการสอบประวัติและจดบันทึกด้วยวิธีการและการจับข้อเท็จจริงที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับการระบุตัวตนและสถานที่อยู่
รวมไปถึง การไปคัดสำเนาทะเบียนบัตรสีต่างๆ ทั้งบัตรเขียวขอบแดง
บัตรฟ้า ไว้เพื่อเป็นหลักฐานในสถานีอนามัย
เพื่อจะได้ใช้สิทธิในการรักษาพยาบาล
ไปถึงบ้านอาจารย์เจริญประมาณเที่ยง (เพราะว่าหลงทาง)
พบว่ามีผู้ใหญ่บ้านจาก หมู่บ้าน ห้วยน้ำหนัก และห้วยแห้ง
นั่งอยู่ที่บ้านอาจารย์เจริญเรียบร้อยแล้ว
อาจารย์วุฒิตามมาสมทบประมาณเที่ยงนิดๆ
หลังจากนั้นวงสนทนาจึงเริ่มต้นขึ้น
หัวข้อหลักของการสนทนา ก็คือ การสร้างเป้าหมายร่วมกันในงานที่จะทำ
คราวนี้ เราตั้งเป้าหมายที่การสำรวจตัวบุคคลว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ???
อยู่ตรงไหน ??? และจัดทำเป็นประวัติบุคคลในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
การให้ความรู้แก่ชาวบ้าน
เพื่อให้ชาวบ้านรู้จักการปฐมพยาบาลโรคไร้สัญชาติเบื้องต้นได้ รวมไปถึง
การวางยุทธศาสตร์ในการสื่อสารสาธารณะเพื่อให้คนในสังคมไทยรู้จักปัญหาความไร้รัฐและไร้สัญชาติในสวนผึ้ง
หลังจากนั้น ก็จะเริ่มสำรวจแบบเคาะประตูบ้าน เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึก
และ ตามด้วยกระบวนการในการจัดการปัญหา
ประเด็นแรกที่วงสนทนา ตั้งประเด็นขึ้นมา ก็คือ
ขนาดของพื้นที่ที่จะลงไปสำรวจ มีทางให้เลือกสองทาง ก็คือ
ทำทีละหมู่บ้าน หรือ แสกนพื้นที่ในภาพรวม
เพื่อป้องกันปัญหาการไหลทะลักเข้ามาจากนอกชายแดนไทย
เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว
จะเกิดปัญหาในเรื่องตัวบุคคลทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาใหม่
และชาวบ้านในพื้นที่
ทำให้ไม่สามารถระบุจุดเกาะเกี่ยวที่แน่นแฟ้นกับสังคมไทยได้
ดังนั้น ทางชุมชนจะทำการสำรวจเบื้องต้น หรือ ที่เรียกว่า เช็คชื่อ
โดยการเคาะประตูบ้าน
และทำการเช็คข้อมูลเบื้องต้นที่จำเป็นสำหรับการนับจำนวนและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปรากฏตัวและมีถิ่นที่อยู่ในหมู่บ้าน
งานนี้ ชาวชุมชนอาสาเข้ามาทำงานเอง และยังมีภารกิจที่สำคัญก็คือ
การทำความเข้าใจกับชุมชน ถึง เป้าหมายของการทำงาน เพื่อ
สำรวจสถานะทางบุคคล และแก้ไขปัญหา ตามสถานะที่มี และที่สำคัญ
เรากำลังหาทางปิดกั้นโอกาสในการเรียกเก็บเงิน
เพราะงานนี้ชาวบ้านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทั้งค่าคำร้อง
ค่าเขียนคำร้อง
มาถึงตรงนี้ อาจารย์วุฒิเสริมด้วยข้อเท็จจริงว่า
ในสวนผึ้งมีหมู่บ้านอยู่ ๗ หมู่บ้าน
หมู่บ้านที่มีปัญหามากที่สุดทั้งจำนวนและความรุนแรงของปัญหาก็คือ
บริเวณตะนาวศรี ทุกคนก็เลยตกลงกันว่า
ทำการสำรวจแบบสแกนพื้นที่ในรูปแบบของตลาดนัดสิทธิมนุษยชนที่เคยจัดที่แม่อายเพิ่มเติมด้วย
ประเด็นต่อมาก็คือ การจัดกิจกรรมตลาดนัดสิทธิมนุษยชน
เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่วงทำงานเล็กๆนี้ได้สนทนากัน ถึง
การจัดงานตลาดนัดเป็นอีกช่องทางหนึ่ง
ที่จะทำการสำรวจแบบสแกนในภาพกว้างถึงจำนวนคน
แหล่งพื้นที่ของการอยู่อาศัย
แล้วนำมาทำเป็นฐานข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งจะช่วยให้การจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้นแล้ว ในงานตลาดนัด
จะมีการพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา
ซึ่งวงสนทนาอยากให้เกิดภาพของการคุยกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและระหว่างชุมชน
หลังจากเสร็จงานตลาดนัด เราจะเริ่มลงไปเคาะประตูบ้าน
เพื่อสำรวจข้อมูลเชิงลึก แล้วก็จะเริ่มแยกแยะวิเคราะห์กลุ่มปัญหา
เพื่อนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะเริ่มต้นจากการปฐมพยาบาล ไปจนถึง
การผ่าตัด รักษาโรคไร้รัฐ ไร้สัญชาติ
งานนี้ อาจารย์วุฒิ พี่หมอ ผู้ใหญ่บ้าน อาจารย์เจริญ
บอกว่าสู้ไม่ถอย
ในครั้งหน้า
เราจะกลับมาเล่าความคืบหน้าในการยกร่างโครงการเพื่อเตรียมยกพลลงพื้นที่ทำงานเลยครับ