เมื่อพี่บุญเลียนกับดิฉันตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นงานฟื้นฟูและพัฒนาแพรวาสีธรรมชาติกัน ดิฉันก็เริ่มทำหน้าที่ของนักวิชาการ คือ การเก็บข้อมูลในรายละเอียดอีกครั้งว่าจากอดีตถึงปัจจุบันผ้าผู้ไทเคยเป็นยังไงและเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ผ้าผืนเก่าแก่ของแม่ใหญ่ (แม่พี่บุญเลียน) ที่ถูกรื้อออกมาจากตู้เสื้อผ้า ทำให้ดิฉันได้ทราบว่า ชาวผู้ไทยังมีผ้าอีกหลายชนิดที่เคยใช้กันในชุมชน แต่ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้รุ่นใหม่เท่าผ้าลายแพรวา และในอดีตสีย้อมหลักของผ้าผู้ไทที่บ้านโพนก็คือ สีแดงที่ย้อมจากครั่ง มีสีเหลืองจากเข สีดำจากมะเกลือเป็นสีประกอบ เป็นต้น
ผ้าสไบเก่าของแม่ใหญ่ ทอจากไหมสาวมือย้อมสีธรรมชาติ
แต่เมื่อสอบถามพี่บุญเลียนว่าทราบเรื่องการย้อมสีแบบเดิมแค่ไหน ก็ได้คำตอบว่าเคยเห็นแม่ย้อมเมื่อตอนเด็ก ๆ แต่ไม่รู้ขั้นตอน และตอนนี้ครั่ง ก็หาไม่ค่อยได้แล้ว เข ก็ไม่รู้จักหน้าตาว่าเป็นยังไง ส่วนมะเกลือก็ยังพอมีต้นอยู่บ้างแต่ไม่รู้ขั้นตอนการย้อม แต่พี่บุญเลียนมีองค์ความรู้เรื่องย้อมสีธรรมชาติชุดใหม่ที่ต่างไปจากช่างทอรุ่นแม่ เนื่องจากเคยเข้าอบรมการย้อมสีธรรมชาติที่จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเมื่อหลายปีก่อน พี่บุญเลียนรู้จักการย้อมสีจากหญ้าฝรั่ง (สาปเสือ) จากเปลือกประดู่ เปลือกต้นกาสะเลา โดยใส่ยายอน (จุนสี ) และรู้เทคนิคการหมักโคลนอีกด้วย
ครั่ง ตำครั่ง
เมื่อได้ข้อมูลเช่นนี้แล้ว เราก็เริ่มจากการฟื้นฟูองค์ความรู้การย้อมสีธรรมชาติแบบดั้งเดิมของผู้ไทและจากชุดความรู้ของพี่บุญเลียน โดยดิฉันจัดหาครั่งมาจากสุรินทร์ และหาข้อมูลการย้อมมะเกลือจากหนังสือการย้อมสีธรรมชาติที่หาได้ ขณะเดียวกันก็ศึกษาข้อมูลการย้อมสีธรรมชาติจากหนังสือที่ฟรานให้มาด้วย