เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมไปร่วมเป็นวิทยากรฝึกอบรมวิทยากรโครงการต้นกล้าอาชีพ หลักสูตรการทำวิสาหกิจชุมชน ที่มูลนิธิสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้จัดที่จังหวัดสกลนคร ผู้เข้ารับการอบรมคือผู้ที่จะไปทำหน้าที่เป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่ผู้สมัครเข้ารับการอบรมในโครงการนี้ในจังหวัดแถบอิสานเหนือ (ริมโขง)
ผู้ที่มาเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นวิทยากรคนหนึ่งจากจังหวัดกาฬสินธุ์ เคยเป็นครู กศน. บอกว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์ทำวิสาหกิจชุมชนด้วยตนเองมาก่อน แต่เมื่อมาอบรมแล้วก็ค่อยมั่นใจขึ้นว่าสามารถไปปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยก่อนที่เธอจะออกมาแสดงความคิดเห็นก่อนปิดการอบรม ผมได้แสดงความคิดเห็นบนเวทีไปว่า เมื่อไปจัดกระบวนการเรียนรู้ในชุมชนจริง ก็ให้ร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ผู้เข้ารับการอบรมจะจัดตั้งขึ้นด้วย จะได้เรียนรู้ไปด้วย กลุ่มวิสาหกิจชุมที่จะจัดตั้งขึ้นจะต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 7 คน อาจารย์ก็สมัครเป็นหนึ่งในนั้นด้วยตามประเภทของวิสาหกิจที่เราสนใจ
การทำเช่นนี้สอดคล้องกับแนวคิดการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยชีวิตที่เน้นให้เรียนจากการลงมือทำและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน อาจารย์ไม่ใช่ผู้ที่รู้ทุกเรื่อง เป็นผู้รู้บางเรื่องและไม่รู้บางเรื่อง เช่นเดียวกับผู้เรียน การที่อาจารย์ร่วมปฏิบัติไปกับนักศึกษาด้วยก็คือการไป ร่วมเรียนรู้ ด้วยนั่นเอง
นี่เป็นการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของครูที่เรียนรู้ไปพร้อมกับนักเรียนตามที่นักการศึกษามักพูดกันอยู่เสมอในระยะหลังๆ แต่ผมไม่ค่อยได้เห็นตัวอย่างที่ชัดเจน
นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ของอาจารย์มหาวิทยาลัยชีวิต เป็นการแสดงออกถึงความเคารพที่อาจารย์มหาวิทยาลัยชีวิตมีต่อนักศึกษา(ผู้ใหญ่) เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันของ "ภาคีการเรียนรู้" ซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมการเรียนรู้ในแบบที่อาจารย์เป็นผู้ทรงความรู้และทรงอำนาจ
ผม update file เสียง งานเสวนาแล้วนะครับ
หลังจากนี้ น่าจะมีการนำ๙ไปใช้ในหน่วยงานองค์กรของตน แล้วอีกสองเดือน ประมาณธันวาคม
เดือนของพ่อ เรามาคุยกันถึงความคืบหน้าและวิธีการที่นำไปใช้ ที่เห็นเป็นรูปธรรม กันอีกครั้ง
งานเสวนาครั้งต่อไป คาดว่าจะจัดที่เถียรธรรมสถานครับ
สาธุอนุโมทนาครับ