ในประวัติศาสตร์ล้านนากล่าวถึงผะหญาของพ่อขุนมังรายมหาราชเจ้า ได้ให้ไอ่ศรีขุนจุกไปผ่อ(ดู)สายน้ำไหลหลังฝนตกว่าสายน้ำฝนฮอม(รวม)กันแล้วไหลไปทางทิศใด จึงสั่งให้บรรดาชาวเมืองทั้งหลายขุดร่องน้ำตามสายฝนไหล เพื่อให้สายน้ำไหลตามธรรมชาติมิได้ขืนขัดต่อกระแส(อ่านขะแส)ทางน้ำ จึงทำให้สายน้ำไหลเป็นทางได้ดีดั่งธรรมชาติเป็นผู้สร้าง ด้วยเหตุนี้ในสมัยก่อนจึงมีลำเหมืองที่คนขุดขึ้นมิได้ขัดขวางต่อทางน้ำไหล ขณะเดียวกันกลับเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมธรรมชาติส่งน้ำเป็นสายลงสู่พื้นที่ราบลุ่มได้ดีแท้ เพราะธรรมชาติได้กำหนดชี้ทางไว้ให้แล้วเป็นอย่างดีนั่นเอง
บรรดาสายน้ำที่เกิดจากการขุดของผู้คนตามร่องน้ำฝนกำหนดไว้ให้ก็ดี หรือร่องแม่น้ำ ลำห้วยธรรมชาติที่สายน้ำไหลเข้าสู่พื้นที่การเกษตรก็ดี หรือสายน้ำธรรมชาติที่ไหลเข้าหล่อเลี้ยงผืนนา ผืนไร่ สวน เป็นประโยชน์ต่อผู้คนมากมาย นักหนาหนำนั้นย่อมเป็นของส่วนรวม ที่ธรรมชาติได้วางร่องเป็นทางน้ำสร้างผลประโยชน์ไว้ให้ผู้คนได้ใช้ร่วมกัน มีความเอื้ออาทรต่อกันและกัน ไม่ฝืนกระแสธรรมชาติ ที่น้ำฝนไหลรวมกันเป็นเส้นทางน้ำชี้แนวทางให้ผู้คนได้เสริมเป็นลำเหมืองทางน้ำดังกล่าวไว้แล้วนั้น
หากมีคนไปม้าง(ขุดขยาย)ให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่นที่มิใช่กระแสน้ำเดิม ย่อมทำให้สายน้ำผิดปกติจากร่องน้ำสายฝนกำหนด ผิดทางน้ำธรรมชาติวางเส้นทางไว้ให้ ผู้คนที่ได้เคยใช้น้ำอาจเดือดร้อนเพราะน้ำไม่ไหลเข้าสู่เรือกสวนไร่นา พื้นที่ทำกินดั่งเดิม อย่างนี้ผู้คนถือกันว่า "ม้างกระแส"
เท่าที่พบเห็นผู้ม้างกระแสมักประสบอุบัติเหตุ เป็นอัมพาตโดยเฉพาะก่อนที่จะถอดลมหายใจมักมีอาการตาค้างลืมตาโดยหนังตามิยอมหลับ เหมือนดั่งจะอาลัยอาวรอะไรสักอย่างที่ตนเองทำค้างไว้มิได้แก้ไข หรือต้องการสารภาพต่อความผิดที่ทำขึดในการม้างกระแส และที่สุดก็ถอดลมหายใจในขณะที่ลืมตาค้างนั่นเอง ต้องเป็นภาระของญาติค่อยๆดันหนังตาด้านบนลงมาปิดดวงตาในขณะที่จิตหลุดลอยไม่ทราบว่าไปไหนเหลือแต่ร่างกายที่เรียกกันว่าซากศพเริ่มนับเวลาจะเน่าเปื่อยตามธรรมชาติไม่กี่วันอีกไม่ช้า
ม้างกระแสเปลี่ยนทางน้ำถือว่า "ขึด" ตามโบราณล้านนากล่าวไว้
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้วนะ
ขอบคุณลุงนิคมที่หาเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน
สบายดีหรือเปล่าครับ
ขอบคุณลิงล้านนา..เจี๊ยกๆ..
สบายดีครับ..ตอนนี้มีลูกศิษย์มาเรียนที่แหล่งเรียนรู้ผะหญาล้านนาอยู่เสมอเลยไม่เหงาครับ..
ลุงคิดถึงพวกเราทุกคน...ทุกเดือนก็ไปประชุมกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดที่ศาลากลางครับแต่ก็ไม่มีเวลาแวะไปแอ่วพูดคุย
วันเสาร์และอาทิตย์ก็ไปสอนหนังสือให้นักศึกษามหาวิทยาลัยชีวิตก็สนุกไปอีกรูปแบบหนึ่งจากการนิเทศการสอนเด็กๆในโรงเรียนครับ..
หากพวกเราว่างก็ไปแวะแอ่วหาลุงบ้างก็ได้ที่แหล่งเรียนรู้ผะหญาล้านนาสวนชาปิ้งหินไฟ
หากเราไปรับประทานอาหารกลางวันแถวใกล้สะพานหน้าศาลากลางก็ใกล้กับใต้สะพานยูเทิร์นกลับมาศาลากลางนี่เอง หากเลี้ยวขวาก็กลับที่ทำงาน แต่เลี้ยวซ้ายก็ไปแหล่งเรียนรู้ผะหญาล้านนาฯ.ครับดูป้ายอบนวดสมุนไพรไล่สารพิษนั่นแหละ..
ขอบคุณพวกเราอีกครั้ง..ขอให้ทำหน้าที่รับใช้ชาติต่อไป ชาติยังต้องการคนมีคุณภาพและคุณธรรมอีกมากครับ..
ก้านกุ่งรุ่งเรืองเน้อ..
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน.....พรหมมา