ลูกพม่า


คำพม่า สองคำก็พม่า ทำไมการเป็นลูกชาวพม่าเฉกเช่นเขาไปทำร้ายใจใครให้เจ็บช้ำน้ำใจเขาเป็นลูกพม่าจริง ทว่าเป็นเฉพาะลูกสำหรับพ่อแม่เขาเท่านั้น มิได้เกี่ยวโยงกับเชื้อชาติ หรือประเทศของบรรพบุรุษเขาเลย พ่อแม่ของเขาเกิดที่ประเทศไทยเติบโตที่นี่ มิเคยเหยียบแผ่นดินของปู่ย่าตายายเลย

9.ลูกพม่า

 

            “ไอ้ลูกพม่า คนเถื่อน ไม่มีสัญชาติ” ไหลน้ำแผดเสียง

            “เลิกได้แล้ว คุยกันฉันเพื่อนสิ” ฟองทะเลห้ามปรามลั่น

            “เพื่อน ! เพื่อนที่ชอบขโมยของเพื่อนด้วยกัน” ไหลน้ำแดกดัน

            “ขโมยอะไร ?” วาหว่าขึ้นเสียง

            “ทำเป็นไขสือ” ดอกหมากถากถาง

            “นั่นไงเล่า รถคันแดง นายแกล้งบังคับให้หายไป แทนที่จะเอามาคืนผมกลับเอาไปซ่อนไว้ แล้วบอกผมว่าหาไม่พบ” ไหลน้ำชี้

            “ผมไม่ได้แกล้ง หาไม่เจอจริง ๆ รถคันนั้นของพี่เขยผม” วาหว่าพยายามแก้ต่าง

            “อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ”

            “พิสูจน์สิของใครกันแน่”

            “พิสูจน์ ! ป่านนี้นายคงเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างไม่ให้เป็นของผมไปแล้ว”

            “ถ้าผมทำ ผมคงทำทั้งคัน ไม่ปล่อยให้มีสภาพอย่างที่เห็นหรอก”

            “ตลก ใครจะเชื่อ นี่เป็นแผนของนาย”

            “ไม่เชื่อถามคนอื่นดู” วาหว่าเหลียวมองเพื่อน ๆ ส่งสายตา เอ่ยถาม “ฟอง พู่ ฟ้า เธอจะเชื่อใคร ?”          

            แต่ละคนหันหน้ามองตากันเลิ่กลั่ก ทั่วบริเวณเงียบกริบดั่งป่าช้า ได้ยินแต่เสียงจักจั่นเรไรร้องเซ็งแซ่

            “ต้องเลือกข้างด้วยหรือ” พู่กลิ่นหลบตา เปิดปากกระอึกกระอัก

            “เลือกสิต้องเลือก” ดอกหมากโพล่ง

            “เราไม่รู้จะเชื่อใครดี จนกว่าจะมีการพิสูจน์ความจริง” ฟ้าครามพูดอ้อมแอ้ม

            “ฟองให้คำตอบไม่ได้” ฟองทะเลหลุดปาก เบนสายตา

            “ฟองแม้แต่เธอยังไม่เชื่อผม” วาหว่าตัดพ้อ ทรุดกายนั่งคุกเข่าคอตก น้ำตาปริ่ม ฟองทะเลสืบเท้าเข้าไปหาเขา

            “นั่งแน่นิ่ง ไม่มีอะไรจะพูด ยอมรับความจริงโดยดุษณีภาพแล้วสินะ โธ่เอ๊ย ! ไอลูกพม่าขี้ขโมย” ไหลน้ำเยาะเย้ย

            “พอกันทีไหลน้ำ หยุดพูดถึงปมด้อยของเพื่อนได้แล้ว” ฟองทะเลเหลียวหน้า ขึ้นเสียง

            “ถ้าปมด้อยเป็นความจริง ผมสมควรพูด” ไหลน้ำศอกกลับ

            “ทั้ง ๆ ที่ทำให้เพื่อนเจ็บช้ำน้ำใจ” ฟองทะเลสวนควัน

            “ถูกต้อง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และนี่เป็นการลงโทษสถานเบาสำหรับการขโมยของผู้อื่น ไม่เรียกตำรวจจับก็บุญแล้ว” ไหลน้ำยืนกราน

            “ทำไมนายใจร้ายจัง” พู่กลิ่นพูดสะกิด

            ไหลน้ำสะอึก เหลียวมองแววตาเพื่อน ๆ บางคนชิงชังขยะแขยง บางคนสบประมาท บางคนไม่เห็นด้วย บางคนเวทนาสงสาร ต่างจ้องมองมาทางเขาให้สำนึกผิดและขอโทษ แต่เขากำลังจะได้ครอบครองที่ดินนี้อยู่แล้ว เหลือเพียงคำพูดอีกนิดเดียวต้องทำให้ถึงที่สุดและเด็ดขาด เพื่อพัฒนาที่เป็นสนามเด็กเล่นในฝันของเด็ก ๆ เขาหวังว่าเมื่อทุกสิ่งเป็นไปตามความต้องการของเขาแล้ว เพื่อน ๆ คงเข้าใจและให้อภัยแก่การกระทำครั้งนี้ “ผีถึงป่าช้าแล้ว” เขาพึมพำ ตัดสินใจเชือดเฉือนด้วยคำพูดประโยคสุดท้าย เขาพูดเต็มเสียง “ไปเสียเถิดลูกพม่า ออกไปจากดินแดนแห่งนี้”

            คำพม่า สองคำก็พม่า ทำไมการเป็นลูกชาวพม่าเฉกเช่นเขาไปทำร้ายใจใครให้เจ็บช้ำน้ำใจเขาเป็นลูกพม่าจริง ทว่าเป็นเฉพาะลูกสำหรับพ่อแม่เขาเท่านั้น มิได้เกี่ยวโยงกับเชื้อชาติ หรือประเทศของบรรพบุรุษเขาเลย พ่อแม่ของเขาเกิดที่ประเทศไทยเติบโตที่นี่ มิเคยเหยียบแผ่นดินของปู่ย่าตายายเลย แล้วเขาเล่าเกิดมายิ่งขาดหายจากความเป็นพม่า

            เขาสงสัยว่าการมีเชื้อสายพม่าทำให้เขากลายเป็นคนพม่าหรือ ? หรือเขาเป็นคนไทย ? ถ้าเป็นคนไทย ไยเมื่อเขาบอกแม่ว่า “วาหว่าอยากเข้าโรงเรียน”

            “ไม่ได้หรอก” แม่ค้าน

            “ทำไมละ ? ฟ้าครามยังเข้าโรงเรียนได้เลย” เขาท้วง

            “คือ...ลูกไม่มีสัญชาติไทย” แม่นิ่งงันไปชั่วขณะ พูดตะกุกตะกัก

            “แต่วาหว่าเป็นคนไทย” เขาเสียงสั่น

            “ไม่” แม่พึมพำในคอ

            “งั้น...แม่ส่งวาหว่าไปอยู่กับตายายที่เกาะสองเรียนหนังสือที่นั้น” เขาสบสายตาเขย่าแขนแม่ “นะ...แม่นะ ถึงอย่างไรวาหว่าก็เป็นคนพม่าได้”

            “ไม่ได้หรอก” แม่พูดเต็มเสียง

            “อะไรของแม่เนี่ย ไอโน้นก็ไม่ได้ ไอนี่ก็ไม่ได้ เพราะอะไรละ ?” เขาหงุดหงิด

            “ลูกไม่มีสัญชาติพม่า” แม่เสียงอ่อน

            “อ้าว...แล้ววาหว่าเป็นใครละ ?” เขาสับสนงุนงง

            “ไม่สำคัญหรอกว่าลูกเป็นใคร ลูกต้องภูมิใจว่าได้เกิดมาเป็นมนุษย์” แม่ปลอบประโลม

            “ใครบอกแม่ละ วาหว่าคงเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งในเมืองไทยเท่านั้น มิได้เป็นมนุษย์เช่นคนอื่น ๆ” เขาพูดเสียงเครือ สะอื้นไห้

            แม่อ้ำอึ้งกอดเขาแนบอก น้ำตาคลอ

            ใครจะรู้บ้างว่า ถ้อยคำพูด น้ำเสียงจากฝีปากของคนที่แสดงถึงการไม่ยอมรับเขาเป็นคนไทย ทั้ง ๆ ที่ เขามีชีวิตความเป็นอยู่เหมือนคนไทยคนอื่น ๆ พูดไทยชัดเจน กินอาหารไทยทุกวัน การดูถูกเหยียดหยาม ยัดเยียดให้เขาเป็นอื่น เขาสับสนวุ่นวายใจ จึงต้องยุติเสียงเหล่านี้โดยเร็ว กว่าจะรู้สึกตัวเขาก็ใช้ความรุนแรงทุกครั้งไป

            เขาเข้ามาสวนร้างวันนี้ เนื่องจากการปรากฏตัวของเทวดาสีเขียว เขาเชื่อว่าถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริง ไยต้องปรากฏกายตามคำอธิษฐาน เมื่อตอนมืดของสองวันก่อนด้วย เขาเข้ามาเพื่อขอพร ดลบันดาลให้เขารู้ว่า “ตนคือใคร ?”

            ถ้าวันนั้นเขาไม่เข้าไปบ้านพี่เขยซึ่งเป็นช่างอิเล็กทรอนิกส์ พบเห็นรถบังคับสีแดงคันนั้นตั้งอยู่บนโต๊ะซ่อม เอ่ยปากเลียบเคียงกับพี่เขยว่า “รถบังคับคันนั้นพี่ปานซื้อมาเล่นเองหรือครับ ?”

            “เปล่าหรอก”

            “แล้วซื้อมาทำไมละ ?”

            “พี่ต้องการดูกลไกภายในเผื่อจะมีใครมาจ้างปรับแต่งรถให้แล่นเร็วขึ้น”

            “ดีจังแฮะ ว่าแต่ตอนนี้ พี่แต่งรถหรือยังครับ” เขาพูดเป็นนัย ๆ

            “เรียบร้อยแล้ว ขาดแต่คนเล่น” พี่ปานแย้มพราย

            “ผมขอ...” เขาเผย

            “เอาสิ ดีไม่ดีอย่างไรบอกพี่ด้วยแล้วกัน”

            “ครับ !”

            ถ้าสองวันก่อนเขาไม่เล่นรถบังคับสีแดงของไหลน้ำ วันนี้สายตาของไหลน้ำคงไม่จ้องรถเขา ประหนึ่งว่าเขาไม่มีน้ำยาจะมีรถเป็นของตัวเอง ทำไมละการมีรถคันหนึ่งซึ่งเหมือนกับรถของไหลน้ำที่หายไป ต้องเป็นเพราะเขาขโมยมาด้วยหรือ

            นี่ถ้าเขาไม่ได้ลองเล่นรถของไหลน้ำ จนติดใจยืมรถพี่เขยมาเล่นคงจะไม่เกิดการดูถูกอย่างนี้ ถ้าเป็นของเล่นของฟองทะเล ไม่มีทางที่รูปร่างจะเหมือนกัน เล่นเหมือนกัน และไม่ต้องมีใครคอยครอบครองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

            วาหว่าน้ำตาไหลพรากร่วงเป็นสายไหลบนกลางใบไม้ หยดพรมตะไคร่น้ำเขียวคล้ำจวนเจียนแห้งตายกระทั่งต้นชุ่ม เขียวชอุ่ม

            ฟ้าครามนั่งยอง ๆ ชันขาข้างหนึ่ง บีบไหล่วาหว่าแน่น พู่กลิ่นเดินตามมานั่งข้างฟองทะเล ดอกหมากเดินเลี่ยงหลบด้านหลังแมกไม้

            ไหลน้ำยืนผงาด แสงตะวันยามบ่ายสาดร่างเขา ใบไม้แห้งปลิวหมุนวนลอยจากพื้นสู่ท้องนภารอบกายเขา วนเวียนรอบ ๆ ใบหน้า นัยน์ตาเขาค่อย ๆ พร่าลง ๆ ภาพเบื้องหน้า ด้านหลังหลุดลอยทีละภาพ  ม่านฝุ่นสีเทากลางฟากฟ้ากว้างใหญ่เข้ามาแทนที่ชัดขึ้น ๆ ในที่สุดเขาก็ยืนเคว้งคว้างกลางทะเลทราย

 

                                                 *      *      *

หมายเลขบันทึก: 306511เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2009 11:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 09:16 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท