หลุมพรางของการ “พัฒนางาน...”


ถ้าหากวันนี้เรากำลังวางโครงการ จัดคอร์สอบรม “อะไรต่ออะไร” ถึงเวลาไหมที่เราต้องกลับมานั่งคิดกันว่า เฮ้ย!!! สิ่งที่เราทำไปนี้มันพัฒนา “งานประจำ” ของเราหรือไม่...?

 

ในองค์กรเดี๋ยวนี้พัฒนาทฤษฎีอะไรต่ออะไรเยอะแยะ แต่ทว่าการพัฒนาทฤษฎีเหล่านั้นนำเป็นไป “พลัง” หรือว่า “หลุมพราง” ในการ “พัฒนางาน...”

คนในองค์กรไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือพัฒนาต่างผู้ ต่างคนก็กระตือรือร้นในการไขว่คว้าหาความรู้
รู้นั่น รู้นี่ อบรมนั่น อบรมนี่ แต่ทว่าอบรมแล้ว รู้แล้ว มีแล้ว ใช้ได้ ใช้ดีกับ “งานประจำ” นั้นหรือไม่...?

ไม่ว่าทฤษฎีอะไร หลักการอะไร หรือความรู้ใด ๆ เราต้องตั้งหน้า ตั้งใจรู้ไว้เสมอว่า ความรู้ทั้งหลายมานั้นถ้ารู้แล้ว มีแล้วจะต้องเสริมสร้างงาน พัฒนางานให้ดีขึ้น...

แต่ทว่า... ปัจจุบันนี้คนในองค์กรส่วนใหญ่มัก “พัฒนาแบบแยกส่วน” คือ พัฒนาทฤษฎี แต่ไม่พัฒนาองค์กร...

การพัฒนาทฤษฎีก็คือ ไปเรียนนั่น เรียนนี่ รู้นั่น รู้นี่ รู้ไปเรื่อย...
การไม่พัฒนาองค์กร ก็คือ การขาดงาน ลางาน ไปราชการเพื่อไปเรียนนั่น เรียนนี่ รู้นั่น รู้นี่ รู้ไปเรื่อย...
เมื่อเรียนแล้ว รู้แล้ว เก่งแล้ว ก็ “เก่ง” จริง ๆ เก่งเสร็จแล้วไม่สามารถนำมาพัฒนาองค์กรตนเองได้
เก่งเสร็จแล้วก็ “ดัง” แล้วคราวนี้
ดังแล้วก็วิ่ง เดินสายไปพัฒนา (นำพา) องค์กรอื่น ๆ ให้ “ตกหลุมพราง” ดังเช่นที่ตนเองเคยเป็น...

หลุมพรางในการพัฒนาองค์กรนั้นจะว่าง่าย ๆ ก็คือ
เมื่อเราส่งคน หรือส่งตนเองไปพัฒนาใด ๆ แล้ว เราไม่สามารถนำสิ่งที่เรารู้ เราเรียนนั้นมาพัฒนาองค์กรตนเองได้ถือว่าเรากำลัง “ตกหลุมพราง...”

เรามักจะแยกการอบรม สัมมนาเป็นความรู้อย่างหนึ่ง
และเราก็มักจะแยกความรู้ในการทำงาน “งานประจำ” เป็นความรู้อีกส่วนหนึ่ง
เราจึงมักไปเรียนความรู้อีกอย่างหนึ่ง เพื่อไปทำงานอีกอย่างหนึ่ง
แทนที่จะไปเรียนความรู้อย่างนี้มาทำงาน “อย่างนี้...”

ในปัจจุบันจึงเห็นการอบรม สัมมนากันอย่างเยอะแยะ “มากมาย” เพราะคนทั่วไปทั้งหลายกำลัง “ตกหลุมพราง...”

หลุมพรางที่ปกคลุมพื้นด้วยอะไรต่ออะไรที่ดูเหมือน ดูคล้าย
แต่เมื่อเราพลาดก้าวตกลงไปแล้ว ยากยิ่งนักที่ใครจะโยน “บันได” ไปดึงเรามาได้

หลุมพรางนี้เป็น “หลุมพรางแห่งอัตตา…”
เมื่อเรารู้มาก เราก็คิดว่าตนเองเก่งมาก เมื่อคิดว่าตนเองเก่งมาก “อัตตา ตัวตน” ของตนเองก็ยิ่งมาก
ถึงแม้นว่าใครจะโยน “บันไดลิง” ลงไปให้ ก็ยังตะโกนบอกเขาว่า “ฉันไม่ใช่ลิง” ฉันจะไม่ปีนขึ้นไป...

ถ้าหากวันนี้เรากำลังวางโครงการ จัดคอร์สอบรม “อะไรต่ออะไร” ถึงเวลาไหมที่เราต้องกลับมานั่งคิดกันว่า เฮ้ย!!! สิ่งที่เราทำไปนี้มันพัฒนา “งานประจำ” ของเราหรือไม่...?

จุดหลักของ “หลุมพราง” มันอยู่ที่ตรงนี้ อยู่ที่ว่าเราจะพัฒนาตนเองไปเพื่อ “พัฒนาอะไร...?”

บางคนพัฒนาตนเองเพื่อไปพัฒนาคนอื่น
คือ พัฒนาตนเองเพื่อที่จะนำตนเองนั้นออกไปที่อื่น คือ ไม่ต้องทำงานอยู่ในองค์กรแห่งนี้ “รู้เพื่อที่จะได้ไป...”

การไปนั้นเป็นแบบทั้งไปสั้นและ “ไปยาว”
ไปสั้นคือ ไปเป็นวิทยากรที่โน่น ที่นี่ ไปทั่วไปเทศเลย “พัฒนาที่อื่นได้ แต่พัฒนาองค์กรของตนเองไม่ได้” นี้อย่างหนึ่ง
หรือไปยาว ก็คือ มีความรู้มาก รู้จักคนอื่น ก็หาลู่ หาทาง ขยับขยาย เคลื่อนย้ายหาทางออกไปทำงานที่อื่น ที่ดีกว่า แต่ลืมเห็นคุณค่าของความ “กตัญญู”

ดังนั้นงบประมาณของบุคลากรในปัจจุบันจึงเกิดสภาวะ “สมองไหลข้ามองค์กร”
คือ ใช้งบประมาณขององค์กรเรา แต่ทว่าเราไปได้ ไปที่ ไปพัฒนาในองค์กรเขา...

สิ่งเหล่านี้ก็ต้องย้อนกลับมาดูที่ “จิตสำนึก” ของผู้ตั้งใจที่จะไป “เรียนรู้”
ว่าเราใช้งบประมาณในการเรียนรู้ครั้งนี้เพื่อทำอะไร “เพื่อพัฒนาใคร...?”

หลุมพรางแห่งการเรียนรู้นี้มองภายนอกนั้นช่างสวยงาม
แต่ถ้าตกไปแล้วต้องพยายามดึงจิตใจตนเองไม่ให้ “ทราม” ตาม “ความต่ำ” ของตนที่ตกไป...

หมายเลขบันทึก: 306507เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2009 10:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

อ่านแล้วประทับใจค่ะ..เรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ..เรียกว่าตามกระแส..แต่ถ้าเราได้ผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีแล้วคำนึงผลประโยชน์ที่จะได้รับต่อส่วนรวมและจากองค์กรสู่สาธารณะอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วเชื่อว่า..หลุมพรางในการพัฒนางานจะเป็นหลุมพรางที่สวยที่สุดเป็นหลุมที่มีแต่ความอบอุ่นและกำลังใจให้สู้งาน..สานงานให้สำเร็จเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไปค่ะ..(เป็นแค่ความคิดเห็นของครูเล็กคนหนึ่งนะคะ)

 

ถูกต้องค่ะ รู้ทฤษฎี ก็จริง แต่ต้องปฏิบัติได้ด้วยค่ะ เพื่อหน่วยงานที่แท้จริงค่ะ

ขอบคุณข้อความดีๆๆนะค่ะ ปัจจุบันการพัฒนา เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับตนเองและกับองค์กรที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากการพัฒนาเหมาะสมกับบุคคล และบุคคลได้นำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ไม่รู้ว่าองค์กรของไทยมีแต่คำว่าพัฒนาแต่ไม่สามารถนำความรู้ที่ได้จากการพัฒนาไปปรับใช้/ต่อยอดกับการปฏิบัติงานให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง อยากเห็นการนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้จริงๆๆ ประเทศไทยคงพัฒนาไม่แพ้ประเทศที่พัฒนาแล้วนะ เพราะเชื่อว่าคนไทยมีความรู้ เรียนรู้เร็ว แต่ไม่สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดผลได้จริง เพราะมันยากมากๆๆๆ

สวัสดีครับ

มาเรียนรู้ครับ

เห็นจริงดั่งท่านกล่าวทุกประการครับ

ขอบคุณครับ

หลุมพราง อ่านคำนี้แล้วรู้สึก ถ้าขาดสติแล้ว โอกาสจะพลัดตกไปนั้นช่างง่ายดาย

ทำอย่างไรนะ จึงจะไม่ตกลงไปในหลุมพรางนี้ได้

...........เพราะขาดสติ (จึงตกหลุมพราง) ง่าย ๆ งั้นก็ต้อง หาสติมา แฮะ ๆ ทำอย่างไรสติจึงจะมาบ่อย อะคงต้องฝึกฝนกันใช่ไหมเจ้าค่ะ  เป็นทางหนึ่งที่จะนำพาไม่ให้ตกหลุม แต่ถ้ามีเพียงสติอย่างเดียว ก็อาจจะไปได้ไม่ไหว หรือ ไม่คล่องแคล่วนัก แต่หากมีปัญญา การเคลื่อนไหว ขับเคลื่อนของงานคงจะเลื่อนไหลได้เร็วไวขึ้น

..........แต่ถ้าเจอปัญหา หรือ ตอใหญ่ ๆ หล่ะ เจ้าค่ะ ทำไงดี อืม การมีศัรทธาและเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่า ถูกต้อง อยู่ใน ศีลธรรม ความเชื่อมั่นนี้ น่าจะเป็นหลักที่ดี ๆ ของใจ ในผู้ทำงานสามารถ ฝ่าฟันอุปสรรคได้ อย่างไม่ย่อท้อ

การฝ่าฟันอุปสรรคต้องใช้เเรงกาย ใช้ความอดทน ที่ขาดไม่ได้เลย ก็คงป็นความขยัน  วิริยะ อุตสาห์ ไม่ย่อท้อ อดทน ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าใคร จะสรรเสริญหรือไม่ แต่ใจของเรา เชื่อมั่นใจสิ่งที่ทำ อย่างไม่มีข้อสงสัย

 

คงเป็นสิ่งดีไม่น้อย เพราะคนที่ทำดีแต่ไม่เอา จะเป็นตัวอย่างที่ดี ในการทำความดี อย่างไม่มีเงื่อนไข สาธุเจ้าค่ะ

ทำอย่างไรนะ จึงจะไม่ตกลงไปในหลุมพรางนี้ได้

อ้าว ยังไม่ตกอึกรึ

ถ้าคิดว่ายังตกก็แสดงว่ายังไม่เริ่มคิดที่จะปีนขึ้น

แต่ถ้าคิดว่าตัวเองตกอยู่ในหลุมแล้ว ขั้นต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการพยายามที่จะปีนขึ้นจากหลุมนั้น...

ให้ดูตัวเราเองให้ ให้ใช้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนี้ดูตัวเอง สำรวจตัวเอง

เราไม่สามารถไประแวด ระวัง ระไวให้กับใครได้มากนักหรอก เราต้องใช้เวลาระวังให้ตัวเอง

ถ้าตกแล้วก็รีบขึ้น ขึ้นได้แล้วก็อย่าให้ตกลงไปอีก

ที่สำคัญ ต้องรู้สถานะการอยู่และการตกของตัวเองว่า ตกลงเราอยู่หรือเราตกให้ชัดเจน

หลักการทางธรรมะ ไม่จำเป็นก็อย่าไปสนใจอะไรมาก

พอปฏิบัติได้ก็เอาและ

ชื่อมันจะเรียกอย่างไรก็ปล่อยมัน

หลักการมีกี่ข้ออะไรบ้าง ถ้ามองว่างมากก็ให้คิดแผนการณ์ที่จะทำดีและ "เสียสละ"

หลักการ วิชาการต่าง ๆ ทำให้เรา "หลง" นะ

หลงทางเสียเวลา หลงอวิชชาเสียอุดมการณ์นะ...

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกใจยิ้มได้

และขำเพราะตอนนี้หนูตกหลุมพราง

แบบจมมิดหัวเลย

ขอบพระคุณความเมตตาที่เตือนสติ

กำลังพยายามปีนขึ้นเจ้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท