สังสรรรุ่นนิติ 44


ณ รีสอร์ทบ้านปายกลางหมอง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ในวันเสาร์อาทิตย์ที่ 10-11 ตุลาคม 2552 ณ รีสอร์ทบ้านปายกลางหมอง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นวันนัดจัดกิจกรรมสังสรรค์รุ่นศิษย์เก่านิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ รหัส 44 ที่หลังจากได้จบการศึกษาผ่านมาหลายปี เพื่อนๆ หลายคนทำงานกันอย่างเคร่งเครียด บางคนก็เลือกศึกษาต่อในระดับอื่น เพื่ออนาคตตนเอง เราจึงได้นัดพบกัน

ผมเองไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบรรยายบรรยากาศที่ตรงไหน เพราะสถานที่ เพราะเมือง เพราะจำนวน เพราะเวลา หรือเพราะมิตรภาพ ตั้งแต่วินาทีแรกที่พบเจอเพื่อนนั้น มีคำถามมากมาย ที่อยากจะพูดคุยกัน และย้อนนึกถึงอดีต เรา...

เราได้อะไรมากมายจากการศึกษาที่รั้วมหาวิทยาลัยนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าวันนี้เราจะไม่ได้เจอกัน

เรารู้อะไรมากมายจากการทำกิจกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้เป็นผู้นำเสมอไป

เรารู้อะไรมากมายจากการอ่าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเลชเชอร์เราจะยังอยู่กับเรา

อาจารย์สอนเราตั้งมากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องคืนความรู้อาจารย์

เราเดินไปเรียนด้วยกัน ตึก ห้อง จะมีมากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมาเรียนกันทุกคน

ในห้องเรียนเราจะพูดคุยกันเสียงดังมากมายแค่ไหนนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนๆทุกคนจะได้ยิน

นั่งทานข้าวด้วยกันที่โรงอาหารมหาวิทยาลัยและที่อื่นๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อเราจะอยู่ทุกคน

หลายคนกลับบ้านหลังเลิกเรียน บ้านเพื่อนจะอยู่ไกลมหาวิทยาลัยแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลับบ้าน

หลายคนอ่านหนังสือคนเดียวและอีกหลายคนอ่านหนังสือด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้คะแนนดีเสมอไป

เราหลายคนจบพร้อมกันและอีกหลายคนยังไม่จบ วันรับปริญญา เพื่อนๆก็พร้อมหน้าดีใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนจะจากกันไป

คงเพราะว่าเพื่อนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาพร้อมหน้าที่ อย่างพ่อแม่ และไม่ได้จบลงพร้อมหน้าที่อย่างแฟน แต่เพื่อนนั้นเกิดขึ้นจากกฎเกณฑ์ใดกฎหนึ่ง ที่ไม่มีวันเลือนหาย ผมคิดหลายอย่างอยู่นาน ไม่รู้ว่าเพื่อนหลายคนจะคิดถึงกันเหมือนผมหรือไม่ วันแรกที่ก้าวเข้ามหาวิทยาลัย กิจกกรมรับน้อง กิจกรรมต่างในปีการศึกษา บรรยากาศในห้องเรียน ตอนนั่งอ่านหนังสือ ตอนสอบ ทราบผลคะแนน รอยยิ้ม น้ำตา คืนวันเสาร์มีคำถามต่างๆ มากมายจริง

การจัดงานสังสรรค์รุ่นที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในปีนี้เนื่องจาก “ปาย” เป็นเมืองวัฒนธรรมและมีบรรยากาศธรรมชาติสวยงาม เป็นเมืองเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน เป็นเมืองรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ซึ่งในฤดูหนาวนั้นอากาศเย็นจัด ซึ่งเมืองเล็กๆ แห่งนี้มักถูกปกคลุมไปด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆ ยามเช้า บรรยากาศอันเงียบสงบ ทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม กับแสงแดดอุ่นๆ ที่ทอดผ่านม่านหมอกหนา แลเห็นต้นสนไม้ยืนต้นเมืองหนาวสูงใหญ่เป็นทิวแถวตามเชิงเขา และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คนด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้ ดังนั้น “ปาย” จึงได้ดึงดูดนักเดินทางรวมทั้งการประชุมสังสรรค์รุ่นที่ผ่านมา ได้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่ง “ปาย”พร้อมกัน

ผมออกเดินทางในเย็นวันศุกร์ พร้อมเพื่อนออย เพื่อนเอ๊ เพื่อเซิน ซึ่งนัดพบกันหลังเอ๊เลิกงาน ซึ่งก็ออกเดินทางกันเย็นพอสมควรจากเส้นทางสาย เชียงใหม่ถึงแม่แตง รถมากมาย ขณะที่บรรยากาศพระอาทิตย์กำลังตกดิน ผู้คนเลิกงาน เลิกทำสวน เลิกเรียน มุ่งหน้าเดินทางกลับบ้าน หรือร้านอาหาร แต่เรากำลังมุ่งหน้าสู่อำเภอปาย ที่หมายรีสอร์ทบ้านปายกลางหมอก ของเพื่อนแจ้ (รีสิร์ทของแจ้เป็นรีสอร์ทใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ และเร่งให้พร้อมต้อนรับกิจกรรมสังสรรค์รุ่นของเรา อย่างพร้อมเพรียง)

เราหยุดพักรถกันช่วงหนึ่งตรงทางแยกก่อนถึงตลาดแม่มาลัย อำเภอแม่แตง เพราะเราสังเกตเห็นรถหลายคันหยุด ด้วยความสงสัยเพื่อนๆจึงให้หยุดรถ เพื่อสอบถามเหตุการณ์ ซึ่งเราโชคดีที่ทางแยกไปปายตรงนี้ มีฝูงนกนางแอ่น นับล้านๆ ตัวบินโฉบกลับลังพอดี เราจึงตัดสินใจหยุดดูและถ่ายภาพ ฟ้าในขณะที่พระอาทิตย์กำลังร่วงหล่นลงหลังเขากลับมืดไปถนัดตาหลังจากฝูงนกบินผ่าน จากการสอบถามคุณลุงในละแวกนั้น บอกกับเราว่า เป็นปีแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งมามาไม่นาน เราหยุดดูอยู่ช่วงเวลาหนึ่งจนกระทั่งนกบินกลับรัง เราจึงเร่งเดินทางต่อไป

ถนนสายแม่แตงแยกตัดไปอำเภอปาย ตอนค่ำ แม่ว่าเส้นทางจะคดเคี้ยวเพียงใด มืดเพียงใด เรายังสามารถมองเห็น บรรยากาศของป่าได้ สวยงามอีกแบบ อากาศที่แสนบริสุทธ์ แหงนขึ้นบนฟ้าดาวก็สวยสด เพราะฟ้ามืดมิดที่ปลอดจากแสงไฟจากเมือง

กว่าสามชั่วโมงที่เดินทาง ในที่สุดจุดหมายปลายทางก็อยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของเรา ณ รีสอร์ทปายกลางหมอก เพื่อแจ้ และเพื่อนกิม ก็รอเราอยู่ด้วยความกังวล เพราะเราเดินทางมาค่ำ ออ เพื่อนกิมนั่งรถโดยสารมาตั้งแต่เช้า เพราะมาเปิดร้านกาแฟ ในรีสอร์ทปายกลางหมอก กาแฟอร่อยมา หากแวะมาเชิญแวะชิม ฝีมือช่างกาแฟของเพื่อนเราท่านนี้

หลังจากทักทายและเดินชมบรรยากาศอยู่นาน ท้องก็เริ่มหิว เลยถือโอกาส ให้เพื่อนเจ้าถิ่นพาไปหาของหม่ำ ณ ถนน คนเดินของปายซักหน่อย จากที่พักเองก็ไม่ไกล เพราะขับรถเพียงสามนาทีก็ถึงแล้วถนนคนเดิน เราจึงแยกย้ายกันเดินหาของกิน ของฝาก ของเล่น ที่มีมากมายหลากหลายและน่าสนใจ หลังจากซึมซับบรรยากาศอยู่สองนาน เราก็เริ่มเมื่อยล้า ก็เดินทางกลับที่พัก ค่ำนี้เรานั่งคุยกันถึงดึกดื่น เพื่อนจัดเตรียมงานวันรุ่ง

สายวันต่อมา ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะตื่นนอนกันสาย ที่จริงก็ผมคนเดียวแหละครับ คนอื่นๆ ตื่นมาก็ชิวกันไปแล้ว ผมตื่นมาสายหน่อย ยังพอทันเห็น หมอกบางๆ ออ รีสอร์ทที่พักนั้นตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวัดสำคัญของปายด้วย คือวัดพระพระธาตุแม่เย็น บ้านที่พักหลังใหญ่มาก ขนาดพักได้เป็นสิบคน มีห้องครัว มีระเบียงใหญ่ยื่นออกมาจากตัวบ้าน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ระเบียงนั้นเหมาะแก่การร่ำสุราเสียจริง

ผมมองหาเพื่อนไม่เจอใครอยู่ในบ้าน เลยตะโกนเรียก (ออ ขอบอกว่าเพื่อนแจ้ไม่รับแขกใดๆนอกจากเรา เลย พิเศษ จริงๆ หลายคนที่ไม่ได้ไปเสียดายด้วยนะครับ) จึงตะโกนได้ไม่เกรงใจใคร ก็ได้ยินเสียเพื่อนเอ๊มาจากหลังบ้าน แหมหลังบ้านที่พักแอบมีสระน้ำแอ่งใหญ่ และเก้าอี้สวยแบบน่ารักอยู่ฝั่งตรงข้ามของบ้าน ที่ร่มเย็นไปด้วยแมกไม้ใหญ่ เอ๊ตอบกลับมาว่า “กับข้าวอยู่บนโต๊ะนะเมิง” ใครจะสนอาหารมากกว่าบรรยากาศดีกับชาดีจากดาร์จิลิ่งที่พกมา ก็หอบเอาลงไป แต่เสียดายชาที่เตีรยมไปจริง เพราะกาแฟนแสนอร่อยของเพื่อนกิมตั้งอยู่บนโต๊ะพร้อมรอคุณชายอุ้มแล้ว แหมวิเศษจริง บรรยากาศดี กาแฟสด เพื่อนฝูงพร้อมหน้า นั่งจิบบรรยากาศซะก่อน ไปทำอย่างอื่น เพื่อนออยแอบถ่ายรูปเล่นอยู่รอบๆ รีสอร์ท เพื่อเซินก็เมามันกับลูกหมา เจ้ารถถัง (ลูกหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์) น่ารักมาก บ่ายสองกว่าการเดินทางของเพื่อนนุ้ย เพื่อนต้น เพื่อนตุ๊ ก็มาถึง พักร่วมสนุกสนานในสวนด้วยกัน ก็ขอแยกออกไปท่องเที่ยวน้ำตกในปาย ช่างน่าอภิรมย์จริงๆ

อาหารค่ำของเพื่อนแจ้ได้เตรียมบาร์บีคิว และอาหารอีกมาย พร้อมทั้งเครื่องดื่ม ให้เรานั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน การที่เราไม่ได้พบกันนานทำให้ อาหารและเครื่องดื่มจืดจางลงไปทันที บรรยากาศที่ดีกับเพื่อน ก็เป็นภาพแห่งมิตรแล้วละครับ ออเกือบลืม นอกจากจะมีเราแล้ว ยังมีเพื่อนรุ่นน้องอย่างสุเทพ รหัส 46 ก็มาร่วมงานด้วย และน้องเตวิท รหัส 48 ก็เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วย ที่ประทับใจผมที่สุดในค่ำคืนนั้น คือเพื่อนโก๋ ที่ปิดร้านสี่ทุ่มก็เดินทาง มาร่วมกับเรา

เรานั่งเป็นห่วงการเดินทางของเพื่อนโก๋ หลายชั่วโมงกว่าเพื่อนโก๋จะเดินทางมาถึง เราทุกคนก็ยังคงนั่งพูดคุย และร่ำร้องเพลง กันอย่างสนุกสนานทุกคน ท่ามกลางสายหมกบางๆ อากาศสายๆ อาหารอร่อยๆ สถานที่สุดพิเศษ และมิตรภาพที่แสนอบอุ่น ผมอดเสียดายแทนที่เพื่อนหลายคนไม่ได้มาร่วมกิจกรรมที่อบอุ่นแบบนี้จริงๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นหลายคนก็เดินทางกลับ แต่เรายังเดินทางไปเที่ยวชมวัฒนธรรม ไปหมู่บ้านจีนฮ่อ และสะพานประวัติศาสตร์ ก่อนจะเดินทางกลับมาที่พัก ที่ยังคงเหลือก็คง อุ้ม เอ๊ ออย เซิน และเทพ ที่ยังไม่ได้กลับ เพราะบ่ายวันนั้นฝนตกหนักมาก จึงไม่สามารถเดินทางได้ ฝนตกอยู่หลายชั่วโมง “โอ้ว...ปายเปลี่ยนไป” อากาศเย็นสดชื่น หมอกบางๆ ปกคลุมทุกพื้นที่ เย็นนั้นเราเลยตัดสินใจอยู่กันต่ออีกคืนหนึ่งกับเพื่อนแจ้

ระเบียงไม้บนที่พักหลังฝน ระเบียงไม้เก่าๆบนที่พักกลับเย็นยะเยือกด้วยน้ำฝน หมอกบางไกลสุดลูกตา เมืองปายที่อยู่ทั้งหมดในสายตาเรา อยู่ตรงหน้าพอดี เครื่องดื่มดีๆซักแก้ว กีตาร์กับเพลงเบา ช่างเหมาะจริง เรานั่ง ดื่มกับเงียบๆ บนระเบียงไม้ โดยพูดคุยกันน้อยลง แต่เข้าใจอะไรมากขึ้น คงเพราะภาพตรงหน้าเรานั้น งดงามจริงๆ ฟ้าหลังฝน ดาวสดสวยและเด่น หมอกบาง อากาศเย็นๆ เพื่อนที่นั่งข้างๆ Woww

เช้าวันจันทร์กำหนดการที่ไม่ได้เขียนไว้  เราออกเดินทางกลับกันสิบเอ็ดโมง มานั่งจิบกาแฟที่ร้าน Coffee Tea Sapan ของอาจารย์เราเองที่อยู่ติดกับสะพานประวัติศาสตร์เลยครับ บรรยากาศสวยมาก เราแวะอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเดินทางกลับเชียงใหม่อย่างปลอดภัย

ขอบคุณมิตรภาพเพื่อนๆทุกคนแม้ไม่ได้มาเยี่ยมแจ้ด้วยกัน เพื่อนแจ้ก็ยังคิดถึงเพื่อนๆ ทุกคน เพื่อแจ้ฝากบอกมาและผมเองในนามของประธานรุ่นก็อยากขอขอบคุณแจ้และแอมป์ ที่ต้อนรับเพื่อนๆเป็นอย่างดี

เรายังคิดถึงเพื่อนๆ เสมอ ไว้พบกันในกิจกรรมหน้านะครับ

คำสำคัญ (Tags): #เพื่อน
หมายเลขบันทึก: 305389เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2009 23:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2012 11:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท